SC ASSET แจงหลังถูกโยงทุนจีนสีเทา กว้านซื้อบ้านหรูในโครงการของบริษัทฯ

SC ASSET แจงหลังถูกโยงทุนจีนสีเทา กว้านซื้อบ้านหรู ในโครงการของบริษัทฯ ย้ำบ้านทุกหลังขายบ้านให้ 'คนไทย-นิติบุคคลไทย' เท่านั้น - 'เพื่อไทย' แจง 4 ข้อโต้ข่าวบิดเบือนใส่ร้ายปมเอี่ยว 'ตู้ห่าว-ธุรกิจจีนสีเทา' - หนึ่งในบุคคลใกล้ชิดตู้ห่าวประสานตำรวจขอให้ปากคำวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ส่วนอีก 2 คนยังอยู่ระหว่างการติดต่อ 

4 ธ.ค. 2565 เพจกรุงเทพธุรกิจ รายงานว่าบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ออกเอกสารเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา ผ่านเพจ SC ASSET โดยระบุว่า

ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทนั้น บริษัทใคร่ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า

1. บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังในทุกโครงการ ขายให้เฉพาะคนไทย และนิติบุคคลไทยเท่านั้น

2. ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น

3. ผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี

'เพื่อไทย' แจง 4 ข้อโต้ข่าวบิดเบือนใส่ร้ายปมเอี่ยว 'ตู้ห่าว-ธุรกิจจีนสีเทา'

เว็บสยามรัฐ รายงานว่านายนพดล ปัทมะ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่มีการตั้งข้อกล่าวหาต่อนายตู้ห่าวและพวกว่ามีการกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย อีกทั้งให้ข้อมูลว่ามีกลุ่มทุนต่างชาติกว้านซื้อบ้านในบางโครงการ และพยายามโยงเรื่องนี้มาบิดเบือนใส่ร้ายพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทยให้เสียหายนั้น พรรคขอใช้สิทธิชี้แจงดังต่อไปนี้ 1.กรณีดังกล่าวข้างต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนสอบสวนคดีต่างๆอยู่ในขณะนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ตามกฎหมายได้อยู่แล้ว เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับพรรค พรรคไม่ขัดขวางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2.ขอย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว นายตู้ห่าวไม่เคยบริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้ต้องหาก็เกี่ยวเนื่องกับการทำธุรกิจในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว ดังนั้นหากจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายในช่วงเวลานี้ในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะบังคับใช้กฎหมาย และรัฐบาลสามารถไปตรวจสอบว่ามีการประกอบธุรกิจผิดกฎหมายทำนองเดียวกันนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นอย่าเบี่ยงเบนประเด็น

นายนพดล กล่าวต่อว่า 3.กรณีที่พยายามโยงว่าชาวต่างชาติกว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทเอสซี แอสเสท และพาดพิงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผู้ถือหุ้นในบริษัทในบางสื่อนั้น ตนเห็นว่าการพาดพิงและกระจายข่าวต่างๆ มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างชัดเจน ขอเรียนว่านางสาวแพทองธาร ไม่ได้รู้จักกับนายตู้ห่าว  และเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัท ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายบ้านให้บุคคลใดๆ นอกจากนั้น บริษัทเอสซี แอสเสท ได้แถลงไปแล้วว่าบริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลโดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังขายให้คนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น และในการชำระค่าบ้านผู้ซื้อต้องชำระเงินผ่านธนาคาร  ตนขอตั้งเป็นข้อสังเกตว่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดของบุคคลกลุ่มนี้ มีบ้าน รถยนต์ และทรัพย์สินที่ซื้อจากหลายโครงการ หลายบริษัท กระจายไป ไม่ใช่ซื้อจากบริษัทเอสซี แอสเสท อย่างเดียว 

4.ช่วงเวลานี้ ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นพรรคต่างๆ นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนให้ช่วยกันนำเสนอนโยบายและหาทางออกให้ประเทศ และโปรดยุติการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารหรือไอโอที่เป็นการบิดเบือนใส่ร้ายฝ่ายอื่นด้วยความเท็จ ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร 

หนึ่งในบุคคลใกล้ชิดตู้ห่าวประสานตำรวจขอให้ปากคำวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ส่วนอีก 2 คนยังอยู่ระหว่างการติดต่อ

Thai PBS รายงานว่ารายงานความคืบหน้าหลังจากตำรวจออกหมายเรียกบุคคลใกล้ชิดนายตู้ห่าว เพิ่มเติม 3 คน ประกอบด้วย นางพัชรินทร์, นางสุชาดา และอดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่ชายของนางพัชรินทร์ โดยทั้ง 3 คน ตำรวจมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าวเป็นประธาน

ล่าสุด นางพัชรินทร์ ประสานขอเข้าให้ปากคำในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่สโมรสรตำรวจ ส่วนอีก 2 คนอยู่ระหว่างติดต่อประสานข้อมูลกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนเชื่อว่าทั้ง 3 คนมีความเกี่ยวข้องและจะสามารถขยายผลจนพบทรัพย์สินจำนวนมาก เพราะชุดจับกุมตั้งข้อสังเกตว่า เงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าวมีเพียง 100,000 บาท จึงคาดว่าเป็นไปไม่ได้ที่นายตู้ห่าวจะมีเงินสดอยู่ในบัญชีเพียงเท่านี้

ส่วนความคืบหน้าการขยายผลจากการเข้าตรวจค้น 34 จุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบความเชื่อมโยงเรื่องการสวมบัตรประชาชนคนไทย เพื่อทำนิติกรรมและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และทำสถานศึกษาเพื่อเอื้อต่อการทำวีซ่า โดยให้ชุดสืบสวนตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หลังพบมีชาวต่างชาติที่ใช้ช่องทางผิดกฎหมายสวมบัตรคนไทย เพื่อมาทำนิติกรรมและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย

พร้อมจะเปิดตัว "นายหน้า" ในการหาสถานศึกษา ที่มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่จะเข้ามาในประเทศไทย หรือต้องคัดกรองคำขออนุญาตอยู่ต่อในประเทศ หากพบการกระทำผิดหรือปล่อยปละละเลยจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด

'ภูมิธรรม' แจงปมทุนจีนเทากว้านซื้อบ้านหรู ยันไม่ใช่เครือ 'ชินวัตร' เจ้าเดียว

Voice online รายงานเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2565 ว่า ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @phumtham กรณีผู้ใช้ทวีตเตอร์รายหนึ่งที่ระบุข้อความว่า พอลุงจะเอากฎหมายที่ดินเพื่อต่างชาติที่แม้วออกเอาไว้ เพื่อมาปรับให้รัดกุมขึ้น เพื่อประเทศชาติและประชาชนจะได้ประโยชน์เต็ม อีกฝ่ายบอกขายชาติ มาวันนี้รัฐบาลน้องแม้วให้สัญชาติคนต่างชาติได้อยู่แบบถาวร แถมซื้อบ้านและที่ในเครือตระกูลชินวัตร ในสไตล์ขายชาติของจริงที่ผิดกฎหมายเลยนะนั่น

โดยภูมิธรรมทวีตข้อความว่า "1.การซื้อบ้านอยู่อาศัยของทุนจีนสีเทา..เป็นการซื้อจากเจ้าของบ้านคนไทยซึ่งเป็นเจ้าของที่รับโอนไปจากเจ้าของโครงการแล้ว 2.การซื้อแบบเดียวกัน เป็น การกว้านซื้อจากหลายๆโครงการ มิใช่ซื้อจากเครือชินวัตร เจ้าเดียว 3.เอาข้อมูลด้านเดียวมาพูดโจมตีถือว่าเจตนาแฝงเร้น ไม่สุจริต คิดก่อนทำครับ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท