ศาลเลื่อนอ่านฎีกา ครั้งที่ 6 คดี ‘ธาริตและพวก’ แจ้งข้อหามิชอบ เอาผิด ‘อภิสิทธิ์-สุเทพ’ สลายม็อบเสื้อแดง นัดใหม่ 2 ก.พ. 66

ศาลเลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 6 คดี ‘ธาริตและพวก’ รวม 4 คน แจ้งข้อหามิชอบ เอาผิด ‘อภิสิทธิ์-สุเทพ’ สลายม็อบคนเสื้อแดง โดยนัดใหม่เป็น 2 ก.พ. 66 หลังญาติผู้เสียชีวิตยื่นร้องสอดเข้ามาในคดี ส่วน ‘ธาริต’ ไม่มา อ้างป่วยนิ่วในไต ต้องผ่าตัดพักฟื้นหลายเดือน

(รูปซ้าย) สุเทพ เทือกสุบรรณ - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

(รูปขวา) ธาริต เพ็งดิษฐ์

9 ธ.ค. 65 วันนี้ (9 ธ.ค.) มติชนออนไลน์รายงานว่า ตามที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 6 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง วันนี้ (9 ธ.ค.)

ต่อมาเวลา 12.15 น. ศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลย 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่ 3-4 และในฐานะผู้รับ มอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้งสี่มาศาล ส่วน จำเลยที่ 1 ไม่มา

ทนายจำเลยที่1 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มีอาการปวดอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาพร้อมปัสสาวะ จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัว ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ด้วยการผ่าตัดนิ่วทั้งสองข้าง ใช้เวลารักษารวม 4 เดือน

และจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่เป็นคดีหมายเลขดำที่ รฟ 1/2565 คดีดังกล่าวอยู่ ระหว่างไต่สวน ซึ่งหากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดี อาจมีผลต่อการใช้ดุลพินิจในการ ลงโทษจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ ทั้งในคดีนี้ได้มีญาติของผู้เสียชีวิตบางรายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ ฝ่ายที่ 3 แต่ยังอยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเหตุจำเป็นทั้งหมดจำเลย ที่ 1 จึงขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปสักนัด ตามคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่ 7 ธันวาคม 2565 สำเนาคำร้องให้คู่ความทุกฝ่ายแล้ว

ทนายโจทก์ที่ 1-2 แถลงว่า คดีนี้มีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วหลายนัด ประกอบกับญาติของผู้เสียชีวิตซึ่งยื่นคำขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม สามารถยื่นคำร้องดังกล่าวเข้ามาในคดีได้ก่อนมีการอ่านคำ พิพากษาศาลฎีกาโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด เหตุการณ์ตามฟ้องมีผู้เสียชีวิตมากถึง 99 คน หากมีการยื่นคำร้องเข้ามาเรื่อยๆ อาจทำให้ต้องเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาไปอีกหลายนัด เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ทำให้ศาลชั้นต้นไม่อาจสั่งคำร้องต่างๆที่ยื่นมาใน ระหว่างนี้ได้ เป็นเหตุให้คดีล่าช้า หากให้ศาลฎีกาเป็นผู้อ่านคำพิพากษาเองจะเป็นการสะดวกและ รวดเร็วยิ่งกว่า ส่วนอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ยังมีคำร้องหลายฉบับที่อยู่ระหว่างระยะเวลายื่นคำคัดค้าน ศาลนี้จึงยังไม่ได้ดำเนินการส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง หากศาลฎีกามีคำสั่งประการ ใดอาจส่งผลต่อดุลพินิจในการทำคำพิพากษาคดีนี้ได้ กรณีมีเหตุจำเป็น ไม่อาจอ่านคำพิพากษาศาล ฎีกาไปในวันนี้ได้แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเร่งรัดคดีให้สามารถอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้ โดยเร็ว จึงเห็นสมควรให้คู่ความทุกฝ่ายรับสำเนาคำร้องต่างๆในสำนวนไปในวันนี้ หากบุคคลใด ประสงค์จะคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลภายในวันที่ 5 มกราคม

หากไม่ยื่นภายใน กำหนดให้ถือว่าไม่ติดใจยื่นอีก และให้เจ้าหน้าที่รวบรวมสำนวนพร้อมคำร้องทั้งหมดส่งศาลฎีกา เพื่อพิจารณาสั่งโดยเร็ว ส่วนคำร้องอื่นที่ยื่นมาหลังจากวันนี้ ให้รวบรวมส่งศาลฎีกาทั้งหมดโดยไม่ ต้องสำเนาให้อีกฝ่ายคัดค้านก่อน และให้ศาลฎีกาเป็นผู้สอบคำคัดค้านพร้อมสั่งคำร้องดังกล่าวในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในนัดหน้าผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ

ให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 09.00 น.ส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบเป็นหมายศาล โดยให้มีหนังสือถึงศาล จังหวัดที่จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาในเขตศาลเป็นผู้ดำเนินการส่ง การส่งหากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด และให้แจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบด้วยวิธีการปิดประกาศทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ และปิด ประกาศหน้าศาลอีกทางหนึ่งด้วย ให้จำเลยที่ 2-4 ละนายประกันจำเลยทั้งสี่ลงชื่อทราบนัดไว้ ให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับศาลฎีกา และให้จัดเตรียมห้องพร้อมระบบการประชุม ทางจอภาพกับศาลฎีกาในวันนัดให้เรียบร้อย แจ้งเลื่อนการอ่านให้ศาลฎีกาทราบ ซองคำพิพากษาและคำสั่งให้เก็บรักษาไว้รอการอ่าน

ภายหลัง สวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ กล่าวว่า นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ ปรากฏว่าธาริต จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาอีกครั้ง อ้างว่าป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ประกอบกับมีประเด็นญาติผู้ตายจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ยื่นคำร้องเข้ามาหลายราย ศาลจึงกำหนดมาตรการว่าใครจะยื่นคำร้องอะไรให้ยื่นเสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 ม.ค. 2566 หลังจากนั้นจะส่งไปยังศาลฎีกาพร้อมกับนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 2 ก.พ. 2566 เวลา 09.00 น. นอกจากนี้ศาลได้กำชับเรื่องอาการป่วยของ ธาริต จำเลยที่ 1 ว่าครั้งหน้าถ้ามีปัญหาแบบนี้อีก ศาลจะใช้ดุลยพินิจและมีคำสั่ง ทำให้วันนี้จำเป็นต้องเลื่อนคำพิพากษาออกไปก่อน จึงยังไม่มีคำสั่งใดๆ

เมื่อถามว่า ฝ่ายโจทก์มีความกังวลว่าจำเลยที่ไม่มาศาลหลายครั้ง อาจจะหลบหนีหรือไม่ สวัสดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล เพราะว่าคงเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับศาลมากกว่า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท