Skip to main content
sharethis

'พิธา’ ประกาศถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล พร้อมตัดงบ กอ.รมน. โยกไปทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ชี้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยจะรุ่ง ต้องมีรัฐสวัสดิการให้คนทำงานกล้าลอง-บ้านเมืองมีเสรีภาพ-เป็นประชาธิปไตย พบเครือข่ายแรงงาน ชี้โจทย์ยุคเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไม่ง่าย ย้ำก้าวไกลให้ความสำคัญแรงงาน ดันขึ้นค่าแรงทันทีปี 66 – เพิ่มสิทธิ - หนุนเรียนรู้ทักษะใหม่ ระบุเป็นนิมิตรหมายที่ดี พรรคการเมืองเห็นตรงกันต้องเพิ่มค่าแรง

11 ธ.ค. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวว่าเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ที่จังหวัดเชียงใหม่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีและนิทรรศการ “เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ 2022 - Chiang Mai Design Week 2022” โดยได้ร่วมเสวนาพูดคุยกับศิลปินอิสระ พร้อมชูนโยบายพรรคก้าวไกลในการส่งเสริมวงการศิลปะสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ในประเทศไทย

พิธากล่าวในการเสวนาช่วงหนึ่งว่า แม้ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจะพยายามยกคำว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” และคำว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาใช้มากมาย แต่ในความเป็นจริง วงการศิลปวัฒนธรรมในประเทศไทยกลับเป็นวงการหนึ่งที่ได้รับการส่งเสริมน้อยที่สุด เห็นได้จากงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่อยู่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ สศส. กลับได้รับงบประมาณต่อปีเพียง 300 ล้านบาทเท่านั้น หรือกระทรวงวัฒนธรรมเอง งบประมาณกว่า 4 พันล้านบาทจากกว่า 6.7 พันล้านบาท ได้ถูกใช้ไปกับการส่งเสริมวัฒนธรรมแบบแช่แข็ง ตายตัว และรับใช้การเมืองของฝ่ายอนุรักษ์นิยม เช่น เรื่องค่านิยม 12 ประการ ขณะที่งบประมาณเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์มีเพียง 60 ล้านบาท และงบเกี่ยวกับการส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมสมัยมีเพียง 180 ล้านบาท

พิธากล่าวว่า ที่ผ่านมาวัฒนธรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐ มักเป็นวัฒนธรรมเพื่อการควบคุมประชาชน มีมุมมองต่อวัฒนธรรมไทยว่าเป็นสิ่งตายตัว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และยังใช้โครงสร้างทางสังคมการเมืองมาปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอย่าง พ.ร.บ.ภาพยนตร์, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ รวมถึงกฎหมายที่ถูกใช้เล่นงานคนเห็นต่างทางการเมือง เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในทางกลับกัน หน่วยงานที่อยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีอย่างกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กลับได้รับงบประมาณปีหนึ่งๆ ถึง 8 พันล้านบาท หรือศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ที่มีภารกิจและงบประมาณส่วนใหญ่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ ได้รับงบประมาณถึง 1,400 ล้านบาท สะท้อนการไม่ให้ความสำคัญกับซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างจริงจังของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ที่ทุ่มงบประมาณมากกว่าไทยอย่างมหาศาล หน่วยงาน KOCCA (Korean Creative Content Agency) ได้รับงบประมาณปีละ 1.5 หมื่นล้านบาท กระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ได้งบประมาณปีละ 2 แสนล้านบาท ครั้งหนึ่งเกาหลีใต้เคยมาดูงานที่บริษัทชั้นนำของวงการเพลงไทย แต่วันนี้วงการเพลงป็อปของเกาหลีใต้ไปไกลกว่าไทยมากแล้ว

พิธายังระบุต่อไปว่า การผลักดันซอฟต์พาวเวอร์และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศไทย ต้องเริ่มต้นที่วิธีคิดของผู้มีอำนาจ ที่ต้องไม่ใช่แค่การอนุรักษ์ของเดิม แต่เป็นการปรับตัวตามยุคสมัย สร้างรัฐสวัสดิการเพื่อให้คนทำงานสร้างสรรค์กล้าลองผิดลองถูก และทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

พิธากล่าวว่า ขอประกาศไว้ตรงนี้ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า พรรคก้าวไกลพร้อมทำงานเพื่อตัดลดงบประมาณของหน่วยงานที่ทำงานซ้ำซ้อนอย่าง กอ.รมน. และ ศรชล. เปลี่ยนไปเป็นงบประมาณด้านวัฒนธรรมให้ สศส. และการส่งเสริมวัฒนธรรมซอฟต์พาวเวอร์ในหน่วยงานต่างๆ ต่อไป

“การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ใช่แค่การออกมาพูดคำฮิตหรือ Buzzword หรือให้งบประมาณส่งเสริมอย่างฉาบฉวย แต่เราต้องการสังคมที่เอื้อต่อการคิดและสร้างสรรค์ ถ้าพูดถึงเคป็อปของเกาหลีใต้ เราไม่สามารถแยกออกจากบรรยากาศของการเปลี่ยนประเทศจากเผด็จการทหารไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยในทศวรรษ 1990 ได้ ดังนั้น การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ จึงเป็นเรื่องเดียวกับการสร้างประชาธิปไตย เราต้องการการบริหารประเทศที่กล้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเดิมอย่างแท้จริง” พิธากล่าว

พบเครือข่ายแรงงาน ชี้โจทย์ยุคเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมไม่ง่าย ย้ำก้าวไกลให้ความสำคัญแรงงาน ดันขึ้นค่าแรงทันทีปี 66 – เพิ่มสิทธิ - หนุนเรียนรู้ทักษะใหม่ ระบุเป็นนิมิตรหมายที่ดี พรรคการเมืองเห็นตรงกันต้องเพิ่มค่าแรง

ต่อมาวันที่ 11 ธ.ค. 2565 ที่ศูนย์การเรียนรู้สหภาพโตโยต้าประเทศไทย พรรคก้าวไกลจัดการประชุมใหญ่เครือข่ายผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ โดยมีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายแรงงาน นำโดย สุนทร บุญยอด อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เซีย จำปาทอง และ ธนพร วิจันทร์ ขึ้นเวทีประกาศนโยบายก้าวไกลเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ใช้แรงงาน

พิธา กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังเจอความท้าทายใน 2 อุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ คืออุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเผชิญการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ดังนั้น คนที่เป็นผู้นำแรงงานต้องมาพูดคุยกันว่าจะรับมือความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร ในส่วนพรรคก้าวไกล เราให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงานอย่างมาก และได้ออกแบบนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานทุกคนอย่างยั่งยืน เช่น ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล ค่าแรงขั้นต่ำต้องขึ้นทันที 450 บาท โดยคำนวณให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปี ตั้งต้นจากปี 2554 ที่ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน

“พรรคก้าวไกลเสนอว่าค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นทันที 450 บาทในปี 2566 ส่วนพรรคการเมืองอื่นก็ได้เสนอตัวเลขและระยะเวลาเป้าหมายที่ต่างออกไป ผมคิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่พรรคการเมืองเห็นตรงกันว่าต้องเพิ่มรายได้ของผู้ใช้แรงงานให้สูงขึ้น ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าปัจจุบัน” พิธากล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาของผู้ใช้แรงงานนั้น ทำแค่เรื่องค่าแรงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มการคุ้มครองสิทธิแรงงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชั่วโมงการทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สิทธิวันหยุด สิทธิลาคลอดที่เพิ่มขึ้น สิทธิการรวมตัวกันของแรงงานตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ผลกระทบจากโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เราเห็นความสำคัญของการที่แรงงานทุกคนต้องมีสิทธิประกันสังคม นอกจากนี้ รัฐต้องสนับสนุนการพัฒนาทักษะของแรงงานเพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพการทำงานในโลกปัจจุบัน เช่น นโยบายคูปองคนวัยทำงานเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ รัฐร่วมจ่าย 80% จากราคาหลักสูตร แต่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อปี

พิธากล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาของคนทำงานในวงการอื่นๆ เช่น คนทำงานในกองถ่าย ที่ต้องทำงานหนักมากกว่าวันละ 16 ชั่วโมงต่อวัน แพทย์และพยาบาลที่ส่วนใหญ่ทำงานไม่ต่ำกว่า 90 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่มาตรฐานแรงงานอยู่ที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือแรงงานเย็บผ้าที่รับงานไปทำที่บ้าน มีรายได้ต่ำเพราะถูกกดค่าแรง ไม่มีสวัสดิการและหลักประกันใดๆ พรรคก้าวไกลยืนยันจะต่อสู้เพื่อสิทธิแรงงาน ดูแลคนทำงานทุกคนในประเทศนี้ เพราะเชื่อว่าพวกเราทุกคนคือคน 99% ที่เป็นผู้ใช้แรงงานที่สร้างสรรค์สังคม

ด้าน สุนทร กล่าวว่า ผู้ใช้แรงงานและคนทำงานจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองของตัวเอง ต้องเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ยืนหยัดอยู่กับคนยากจนและคนที่ยากลำบากในสังคม สำหรับพรรคก้าวไกลเป็นพรรคมวลชน สร้างความเข้มแข็งจากการสนับสนุนของประชาชน มีตัวแทนที่เป็นแรงงานมาจากโรงงานถึง 4 คน เป็นทั้ง ส.ส. บัญชีรายชื่อและเป็น ส.ส.เขตที่เคยชนะการเลือกตั้งในจังหวัดชลบุรี จนเกิดคำกล่าวว่า ‘แรงงานล้มบ้านใหญ่’ ถึงแม้เครือข่ายแรงงานของอดีตพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบลง แต่เครือข่ายแรงงานก้าวไกลยังอยู่และขับเคลื่อนต่อ เราจึงขอส่งไม้ต่อให้พิธา สร้างความเปลี่ยนแปลงแก่อนาคตของพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนให้ก้าวหน้าก้าวไกล

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net