นักกิจกรรมการเมืองและนักกิจกรรมด้านสิทธิพลเมืองที่เป็นผู้หญิงในอิหร่าน 18 รายที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำขณะนี้ เรียกร้องให้ชาวอิหร่านหยุดงานและลงถนนประท้วงการประหารชีวิตนักโทษการเมือง หลังจากอิหร่านเพิ่งประหารชีวิตด้วยการแขวนคอไป 2 รายในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์
กลุ่มนักกิจกรรมหญิงที่ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึก ภาพจาก RFA Europe
กลุ่มนักกิจกรรมหญิงในอิหร่านที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอีวินในกรุงเตหะรานประกาศผ่านทางจดหมายเปิดผนึกที่เผยแพร่โดยสื่อด้านสิทธิมนุษยชน HRANA ระบุข้อเรียกร้องให้มีการชุมนุมบนท้องถนนเพื่อต่อต้านการประหารชีวิตผู้ประท้วงรัฐบาล และประกาศว่าในวันที่ 12 ธ.ค. พวกเธอได้ทำการนั่งปักหลักประท้วงหน้าอาคารการจัดการของเรือนจำเพื่อประท้วงการดำเนินคดีแบบปาหี่ของรัฐบาลอิหร่านและประท้วงการประหารชีวิตผู้ประท้วง
ในจดหมายระบุว่า "เพื่อที่จะฉีกกระชากเชือกที่พันอยู่รอบคอคนรุ่นเยาว์ของพวกเราให้ขาด ...พวกเราถึงได้ลุกขึ้นประท้วง ไม่มีวิธีการอื่นอีกแล้วในเวลานี้ จงยึดครองพื้นที่ถนนในเมืองเพื่อเปล่งเสียง 'หยุดการประหารชีวิต' และให้มีการนัดหยุดงานประท้วงอย่างทรงพลังมากขึ้นและมีความครอบคลุมผู้คนหลากหลายมากขึ้น"
กลุ่มนักกิจกรรมหญิงในเรือนจำออกจดหมายฉบับนี้หลังจากรัฐบาลอิหร่านเพิ่งประหารชีวิตผู้ประท้วงรายหนึ่งด้วยการแขวนคอประจานต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ชายคนที่ถูกประหารชีวิตรายนี้ถูกกล่าวหาว่าสังหารสมาชิกกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลอิหร่านไป 2 นาย ซึ่งนับเป็นการประหารชีวิตผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประท้วงครั้งล่าสุดในอิหร่านเป็นรายที่ 2 ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์
ชายคนที่ถูกประหารคนล่าสุดนี้ชื่อ มาจิเดรซา ราห์นาวาร์ด เขาถูกกล่าวหาว่าใช้มีดแทงเจ้าหน้าที่กองกำลังทหารอาสา “บาสิจ” เสียชีวิต 2 นาย ซึ่งกองกำลังบาสิจนี้เป็นกองกำลังที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่จากการสังหารผู้ประท้วง ศาลในเมืองมาแชดได้ตัดสินให้ราห์นาวาร์ดมีความผิดโทษฐาน "ทำสงครามต่อต้านพระเจ้า" ซึ่งเป็นความผิดที่จะถูกลงโทษโดยการประหารชีวิต
สหรัฐอเมริกาประณามการประหารชีวิตในครั้งนี้ บอกว่ามันแสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้นำอิหร่านนั้นเกรงกลัวต่อประชาชนของตนเอง เน็ด ไพรซ์ โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าการประหารชีวิตและการลงโทษอย่างรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ ถือเป็นการพยายามข่มขู่คุกคามประชาชนชาวอิหร่านเพื่อยับยั้งการต่อต้านรัฐบาล แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้นำอิหร่านเกรงกลัวต่อประชาชนของตัวเองอย่างไร
รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศส แคเธอรีน โคลอนนา กล่าวประณามอิหร่านในเรื่องนี้ว่าอิหร่านได้ดำเนินนโยบายในเชิงกดขี่ปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมและโจมตีเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน รวมถึงเรียกร้องให้อิหร่านรับฟังความต้องการของประชาชนที่มีความชอบธรรม และเรียกร้องให้เลิกใช้การประหารชีวิตในการลงโทษผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล
ศาลของรัฐบาลปฏิวัติอิหร่านถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติว่าไม่ยอมให้จำเลยเลือกทนายความของตัวเองได้ หรือแม้กระทั่งไม่ยอมให้จำเลยได้เห็นหลักฐานที่ถูกนำมาใช้กล่าวหาเพื่อลงโทษพวกเขา
การประท้วงในอิหร่านดำเนินมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน ก.ย. ที่มีชนวนเริ่มต้นมาจากความไม่พอใจกรณีที่ผู้หญิงอายุ 22 ปี มาห์ซา อามินี เสียชีวิตหลังถูกจับกุมโดยตำรวจศีลธรรม ทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านอำนาจนิยมของกลุ่มผู้นำอิหร่านและการประท้วงแสดงความไม่พอใจเรื่องอื่นๆ
เรียบเรียงจาก