Skip to main content
sharethis

ส.ส.โรม ‘ก้าวไกล’ ตั้งข้อสงสัยหลายประการต่อการอับปางของเรือหลวงสุโขทัยกลางอ่าวไทย ทั้งสาเหตุการล่ม เสื้อชูชีพที่ไม่เพียงพอ และอื่นๆ ติงการชี้แจงของ ผบ.ทร. ไม่คำนึงถึงทหารชั้นผู้น้อย และมีการปกปิดข้อมูลรายละเอียดสำคัญงบฯ ต่อ กมธ. ด้านรายงานของ ทร. ปูพรมค้นหา แต่ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม

 

21 ธ.ค. 2565 เฟซบุ๊กเพจ 'Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม' สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความวันนี้ (21 ธ.ค.) ตั้งข้อสงสัยต่อการชี้แจงสาเหตุการอับปางของเรือหลวงสุโขทัย บริเวณชายฝั่ง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โรม ระบุในโพสต์ว่า ผ่านมา 4 วัน นับตั้งแต่มีการแจ้งเหตุน้ำทะเลรั่วไหลเข้าสู่เรือหลวงสุโขทัย ก่อนอับปางในเวลาต่อมา พร้อมๆ กับบรรดาข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ทยอยผุดขึ้นมาเหนือน้ำให้สังคมเห็น และเกิดข้อกังขาต่อกองทัพมากขึ้น

ส.ส.ก้าวไกล ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมจึงต้องนำพลทหาร หรือนายทหารจำนวนนับร้อยคน หลายคนในนั้นว่ายน้ำไม่เป็น ขึ้นเรือไปเสี่ยงในสภาพอากาศรุนแรง เพียงเพื่อจะไปร่วมงานพิธีกรมหลวงชุมพร ทำไมเรือลำสำคัญของกองทัพเรือที่เพิ่งซ่อมใหญ่เมื่อ 2 ปีที่แล้วจึงมาล่ม เพราะปัญหาคลื่นลมได้ ทำไมการช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า ทำไมไม่รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่ติดต่อมา ทำไมเสื้อชูชีพไม่เพียงพอทั้งที่มันคือสิ่งพื้นฐานที่สุดแล้วของการรักษาความปลอดภัย ทำไมต้องปกปิดข้อเท็จจริง โกหกว่าทุกคนปลอดภัยทั้งที่มันไม่ใช่ เหล่านี้คือสิ่งที่ประชาชนสมควรได้ทราบจากกองทัพและรัฐบาล

แต่สิ่งที่พวกผู้บริหารทำจริงกลับเป็นการราดน้ำมันใส่กองไฟ เช่นการที่ ผบ.ทร. (ผู้บัญชาการกองทัพเรือ) กล่าวว่าการมีเสื้อชูชีพไม่ได้หมายความว่าจะรอดชีวิตได้ พูดราวกับว่าไม่ได้สำนึกในความผิดพลาดขององค์กรตัวเองหรือใยดีในความเป็นความตายของทหารชั้นผู้น้อยแม้แต่น้อย

และที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่ลืมว่าความล้มเหลวอันไม่น่าให้อภัยนี้เกิดขึ้นภายใต้การปกครองประเทศของนายกรัฐมนตรีที่เคยประกอบอาชีพทหารมาตลอดทั้งชีวิตราชการ และที่ผ่านมาหลายปียังควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของกองทัพทั้งปวงด้วย นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ท่านคือผู้ที่สมควรรู้เรื่องงบประมาณการใช้จ่ายของกองทัพเป็นอย่างดีที่สุดในบรรดานักการเมืองทั้งหมด เพราะเรื่องนี้เพื่อน ส.ส. ที่เป็นกรรมาธิการงบประมาณ เล่าว่าแม้แต่พวกเขาเองยังถูกปิดไม่ให้ทราบรายละเอียดสำคัญบางอย่าง และในภาวะที่บ้านเมืองยังไม่ได้มีภัยคุกคามจากภายนอก สิ่งที่สังคมคาดหวังจากกระทรวงกลาโหมและกองทัพเป็นอย่างน้อยที่สุดก็คือจะต้องไม่เอากำลังพลไปพบจุดจบในสถานการณ์ที่ไม่สมควรที่สุดเช่นนี้ แต่พวกท่านก็ทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว

ถ้าผู้นำประเทศ ผู้นำกองทัพยังเป็นแบบนี้ ซื้อเรือดำน้ำให้ก็เอาไปทำพังอยู่ดี ให้มีรถถังแค่คันเดียว มีเรือ มีเครื่องบินแค่ลำเดียว ก็อาจเอาไปสร้างเรื่อง เอาชีวิตทหารผู้น้อยไปทิ้งได้อยู่ดี ไม่ต้องคิดไกลถึงขนาดจะไปรบกับใครได้เลยครับ

โรม ระบุว่า สุดท้ายนี้ขอแสดงความเสียใจแด่ครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และขอให้พี่น้องทหารที่ยังสูญหายอยู่กลางทะเลทุกท่านปลอดภัยและได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว หวังว่าทางกองทัพจะรายงานสถานการณ์ความคืบหน้าอย่างทันท่วงที ไม่มีปกปิดอีก 

ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม

เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไทยพีบีเอส อ้างรายงานจากกองทัพเรือ ระบุว่า เรือหลวงสุโขทัย อับปางกลางอ่าวไทย บริเวณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันต์ แต่กองทัพระบุภายหลังว่าจากการตรวจสอบ พบว่ายังไม่ถึงขั้นล่มอับปาง แต่เกิดการเอียง เนื่องจากคลื่นลมแรง และจอดอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ

พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า เรือหลวงสุโขทัยประสบปัญหาจากเครื่องจักรใหญ่กับเครื่องจักรช่วยขัดข้อง ทำให้น้ำย้อนไหลกลับเข้าไปในตัวเรือ ทำให้เรือหลวงเอียง 60 องศา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งสูบน้ำในตัวเรือออก แต่หากไม่สามารถพยุงเรือหลวงไว้ได้ อาจจะต้องสละเรือหลวงนี้ 

นอกจากนี้ กองทัพเรือ อ้างว่ากำลังพลของเรือทั้งหมดปลอดภัยด้วย ก่อนที่รายงานของประชาชาติธุรกิจ เมื่อ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา เผยว่ามีทหารเรือสูญหาย 30 ราย ก่อนพบร่างกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ผู้เสียชีวิต จำนวน 6 รายในเวลาต่อมา 

ล่าสุด เมื่อ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กของ ‘กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ’ รายงานการปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือภาคที่ 1 จัดเรืออากาศยานของกองทัพเรือและกองทัพอากาศรวมถึงศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆ เข้าร่วมในการค้นหา ซึ่งพื้นที่ในการปฏิบัติการโดยคำนวนจากทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลมรวมทั้งบริเวณที่ตรวจพบและช่วยเหลือกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่าสุด นำมาพิจารณาพื้นที่ที่เป็นไปได้ว่ากำลังพลที่เหลือจะอยู่ตรงบริเวณดังกล่าว โดยมุ่งเน้นเส้นทางทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในระยะ 40 ไมล์ทะเลจากจุดเรือจม โดยแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการออกเป็น 11 พื้นที่ ปัจจุบันมีเรือในพื้นที่จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือหลวงกระบุรีรับผิดชอบพื้นที่ 6 และ 7 เรือหลวงนราธิวาสรับผิดชอบพื้นที่ 9 เรือหลวงนเรศวร รับผิดชอบพื้นที่ 10 และ 11 นอกจากนั้น กองทัพเรือส่งเรือหลวงตากสิน เข้าพื้นที่ เพื่อเสริมกำลังในการค้นหา

ขณะที่ ศรชล.จัดเรือตรวจการชายฝั่งเข้าร่วมในการค้นหา โดยเฉพาะในพื้นที่ตามแนวชายฝั่งพร้อมกับได้จัดกำลังเสริมประกอบด้วย UAV เพิ่มในการค้นหา

นอกจากนั้น ศรชล. มีการประสานไปยังสมาคมเรือสินค้าแจ้งให้เรือที่เดินทางในเส้นทางต่างๆ ช่วยตรวจสอบและให้การช่วยเหลือกำลังพลที่อาจพบในพื้นที่เดินเรือ ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่มเติมแต่อย่างใด 

สำหรับยอดล่าสุดของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยทั้ง 105 นาย ปัจจุบันหาพบแล้ว 82 นาย พบว่าเสียชีวิต 6 นาย และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 18 นาย คงเหลือที่ยังคงสูญหาย 23 ราย

ร.10 รับผู้เสียชีวิต 6 ราย ให้อยู่ภายใต้พระบรมราชานุเคราะห์

รายงานของกรมประชาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ระบุด้วยว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 นายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์  โดยในวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2565 กองทัพเรือจะนำกำลังพลที่เสียชีวิตและพิสูจน์อัตลักษณ์แล้วจำนวน 6 รายเดินทางกลับอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศ จากกองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีกำหนดเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา ในช่วงบ่าย ซึ่ง พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเป็นประธานในพิธีรับกำลังพลที่เสียชีวิต โดยพิธีจะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับอย่างสมเกียรติ

สำหรับกำลังพลผู้เสียชีวิต 6 รายนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตั้งบำเพ็ญกุศลฯ กิจการฌาปนสถานกองทัพเรือ สัตหีบ

'ก้าวไกล' ตั้งกระทู้สดในสภา ซักยิบกรณีเรือสุโขทัย อับปาง จี้ถามใครต้องรับผิดชอบ-'ชัยชาญ' เตรียมตั้ง คกก.สอบหาสาเหตุ-เสื้อชูชีพให้สังคมคลายความสงสัย

ในวันเดียวกัน ทีมสื่อก้าวไกล รายงานว่า ที่รัฐสภา ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีเรือหลวงสุโขทัย อับปางเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2565 โดย พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนตอบคำถาม

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์

ณัฐชา กล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และครอบครัวของกำลังพลทุกคนบนเรือหลวงสุโขทัย และกล่าวต่อถึงการแถลงของ ผบ.ทร. ซึ่งพบว่าไม่ได้ช่วยอะไร อีกทั้งซ้ำเติมความรู้สึกของผู้สูญเสีย ดังนั้น ณัฐชา อยากให้ทางผู้บัญชาการช่วยอธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นอย่างละเอียด ตั้งแต่เวลาที่น้ำเริ่มเข้าเรือ และเรือเกิดเหตุว่าได้รับการแจ้งเหตุเวลาใด เรือที่เข้าไปช่วยลำแรกคือเรือหลวงกระบุรี ไปถึงช่วงใด ได้เห็นกำลังพลเท่าไร เรือยังไม่จมสู่ใต้ทะเลใช่หรือไม่ อุปกรณ์ในการช่วยเหลือมีอะไรบ้าง จำนวนเสื้อชูชีพและเรือยางมีเท่าไร รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่จะช่วยกำลังพลให้รอดชีวิต ได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดบ้าง ได้รับตอบรับจากหน่วยใดบ้าง และเรือหลวงสุโขทัยอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ มีประวัติการซ่อมบำรุงมากน้อยเพียงใด และซ่อมบำรุงเมื่อไร

ด้านชัยชาญ ชี้แจงลำดับเหตุการณ์และสภาพอากาศในวันเกิดเหตุว่ามีคลื่นลมแรง เรือฝ่ามรสุม ทำให้น้ำเข้าตัวเรือบางส่วน เครื่องจักรของเรือหยุดทำงาน ส่วนจำนวนชูชีพ เรือแต่ละลำจะมีอัตราประจำเรือ และมีส่วนหนึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล มีทั้งชูชีพส่วนบุคคล ชูชีพพวง และแพชูชีพ แต่วันเกิดเหตุเนื่องจากสภาพเรือเอียงทำให้ไม่สามารถปล่อยแพได้ ส่วนปฏิบัติการช่วยเหลือในวันนั้น ทุกอย่างเป็นการควบคุมสั่งการจากศูนย์อำนวยการกองทัพเรือผ่านไปยังกองทัพเรือภาคที่ 1 และเรือกระบุรี ในส่วนงบซ่อมบำรุง เนื่องจากอายุการใช้งานของเรือรบอยู่ที่ประมาณ 40 ปี การซ่อมบำรุงจึงมีทั้งซ่อมตามวงรอบปกติและการซ่อมใหญ่ โดยเรือหลวงสุโขทัย มีการบำรุงใหญ่เมื่อปี 2561 และ 2563 เสร็จสิ้นตรวจรับเมื่อปี 2564 งบที่ได้รับเฉลี่ยปีละ 1,300 ล้านบาท และในปี 2566 ได้รับงบประมาณ 1,800 ล้านบาท

"สำหรับเหตุการณ์ที่แท้จริงได้สั่งให้กองทัพเรือสอบสวนทุกเรื่องว่า สาเหตุเกิดจากอะไร รวมถึงจำนวนเสื้อชูชีพที่สังคมสงสัย ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด เพื่อชี้แจงให้ทุกคนทราบโดยไม่มีการปกปิด" ชัยชาญ กล่าว

ณัฐชา กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ต้องสอบถามว่าเรือลำที่เข้าไปช่วยกำลังพลมีอุปกรณ์อะไรบ้าง เพราะสิ่งที่ตนต้องการทราบคือทางกองทัพมีความมุ่งมั่นตั้งใจจะไปช่วยกำลังพลอย่างไรบ้าง ส่วนกรณีเสื้อชูชีพมีไม่เพียงพอ กองทัพเรือก็จำนนต่อหลักฐานที่สังคมมีแล้ว นอกจากนี้ ขอตั้งคำถามว่า ภารกิจที่ทำให้จำเป็นต้องออกเรือในช่วงมรสุมที่มีลมแรง คือภารกิจอะไร มีความจำเป็นแค่ไหน ใครเป็นผู้ออกหนังสือสั่งการออกไปทำภารกิจ และได้รับข้อมูลสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาหรือกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือหรือไม่ หากได้รับการแจ้งเตือน เหตุใดยังคงส่งกำลังพลที่เป็นลูกหลานของพี่น้องคนไทยไปฝ่าคลื่นลมแรงในภารกิจนี้ และกำลังคนที่ออกไปทำภารกิจนี้เป็นทหารเกณฑ์ด้วยใช่หรือไม่ มีกำลังพลที่ว่ายน้ำไม่เป็นแต่ต้องไปปฏิบัติภารกิจด้วยใช่หรือไม่ กระบวนการขนส่งทหารเรือไปทำภารกิจช่วงมรสุม ต้องขนส่งโดยเรือหลวงใช่หรือไม่ หรือพอเรือหลวงกำลังจะออกไป จึงอัดกำลังพลไปให้เต็ม โดยไม่ได้ดูว่ามีอุปกรณ์เพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ มีงบประมาณในการจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับรับมือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเพียงพอสำหรับเรือแต่ละลำหรือไม่ และ กำลังพลทั้ง 105 นาย เคยอบรมการเผชิญเหตุภัยพิบัติหรือไม่

ณัฐชา กล่าวว่า ภารกิจดังกล่าวไปลาดตระเวนสิ่งใด เพราะขณะที่เรือออกไปลาดตระเวน กลับไม่มีเสื้อชูชีพเลย เรือก็ช่วยใครไม่ได้ เหตุเรืออับปางนี้ทำให้สูญเสียชีวิตกำลังพล สูญเสียขวัญกำลังใจของครอบครัว สูญเสียภาษีของพี่น้องประชาชน และสุดท้ายภารกิจที่อนุมัติให้เกิดความสูญเสียนี้ ผู้ใดต้องเป็นคนรับผิดชอบ เป็น รมว.กลาโหม หรือ ผบ.ทร.

"ถึงเวลาหรือยังที่ต้องปฏิรูปกองทัพ เพราะที่ผ่านมา มีแต่การตรวจสอบกันเอง นายกฯ มีอำนาจล้นฟ้ามา 8 ปีเต็ม แต่ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ขอถามว่าแม้แต่หน่วยงานที่ท่านเติบโต ยังบริหารให้ดีขึ้นไม่ได้เลย แล้วจะใช้เวลาอีก 2 ปีที่เหลืออยู่ บริหารประเทศให้ดีขึ้นได้อย่างไร ถึงเวลาหรือยังที่ต้องปฏิรูปกองทัพ ทุกคนในที่นี้ก็รักกองทัพและอยากให้ดีขึ้น เราจึงต้องทำให้กองทัพมีกระบวนการที่โปร่งใส ที่ผ่านมาตรวจสอบกันเองครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็มาเสนอประชาชนแบบข้างๆคูๆ หากมีผู้ตรวจการกองทัพตัวแทนจากประชาชนเข้าไปด้วยจะดีหรือไม่ รวมถึงต้องพิจารณาเรื่องการยกเลิกบังคับคนมาเป็นทหาร ยิ่งตอนนี้กองทัพยังไม่ตอบว่ากำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัยเป็นทหารเกณฑ์กี่นาย ว่ายน้ำไม่เป็นกี่นาย ครอบครัวเขารอคำตอบอยู่" ณัฐชา กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net