PTT-OR ยืนยันเคารพสิทธิมนุษยชน หลังกองทุนนอร์เวย์ ถอนการลงทุนทั้งหมด เหตุมองว่า บ.หนุนความรุนแรงในพม่า

ปตท. (PTT) และ ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) แจงประเด็นในเมียนมา ยืนยันเคารพสิทธิมนุษยชน และกังวลความรุนแรงที่เกิดขึ้น หลังกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลนอร์เวย์ ถอนการลงทุนทั้งหมด เพราะมองว่าบริษัทฯ มีส่วนสนับสนุนความรุนแรงในเมียนมา

 

22 ธ.ค. 2565 เว็บไซต์สื่อ PPTV36HD รายงานวันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อ 10.14 น. บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (PTT) ชี้แจงกรณีกองทุนได้ประกาศการถอนการลงทุนใน ปตท. และบริษัทในกลุ่ม เนื่องจากประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมานั้น

โดยในการดำเนินธุรกิจของ ปตท. ทั้งในส่วนที่ ปตท. ดำเนินการเอง และลงทุนผ่านบริษัทในกลุ่ท ปตท. ได้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วนมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติการกำกับดูแล โดยมีการบูรณาการหลักสิทธิมนุษยชน ครอบคลุมสายโซ่อุปทานของบริษัท ตั้งแต่การตรวจสอบอย่างรอบด้าน การบริหารจัดการ ตลอดจนส่งเสิรม ปกป้อง และให้ความเคารพด้านสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากลอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ทั้งนี้ในการพิจารณาการลงทุนของ ปตท.นั้น ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบบังคับใช้ รวมถึงมีการตรวจสอบ และวิเคราะห์สถานะของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว

ทั้งนี้ ปตท.ยึดถือการเคารพสิทธิมนุษชนเป็นหนึ่งในแนวปฏิบัติขั้นพื้นฐาน และมีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาภายหลังการรัฐประหารปี 2564 โดยสนับสุนการแก้ไขปัญหาวิกฤตอย่างสันติ และเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎหมาย แนวปฏิบัติสากลในทุกพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงแหล่งพลังงานได้อย่างเท่าเทียม ปตท.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ในเมียนมาร์จะคลี่คลาย และกลับคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววัน

OR ยันจะไม่ชำระทุนเพิ่มเติมให้ BE ของพม่า และ BE ต้องไม่ชำระเงินให้แก่บุคคลใดๆ ที่อยู่ใน บช.คว่ำบาตร

ด้านบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) ชี้แจงว่า การเข้าร่วมลงทุนในบริษัทร่วมทุน Brighter Energy (BE) ในปี 2562 โดยถือหุ้นสัดส่วน 35 เปอร์เซ็นต์ เพื่อประกอบธุรกิจการค้าส่ง และธุรกิจคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างเพื่อดำเนินกิจการในเมียนมา การลงทุนดังกล่าวมุ่งสร้างและยกระดับคุณภาพชีวิติที่ดีให้กับประชาชนชาวเมียนมา ซึ่งระหว่างปี 2564 ได้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงและความไม่สงบในเมียนมา รวมทั้งมีมาตรการคว่ำบาตร (Sanctions) จากหลายประเทศ

ขณะที่ OR ได้แสดงเจตรารมณ์ในฐานะผู้ถือหุ้นข้างน้อยให้ BE หยุดการดำเนินการก่อสร้างคลัง โดย OR จะไม่ชำระทุนเพิ่มเติม และ BE ต้องไม่ชำระเงินให้แก่บุคคลใดๆ ที่อยู่ในบัญชื่อคว่ำบาตร (Sanctions list) 

อย่างไรก็ตาม OR ยึดถือและดำเนินการตามแนวทาง และนโยบายอย่างเคร่งครัดที่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการดำเนินกิจการของ BE ในเมียนมา

กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ ถอนการลงทุน 'PTT-OR' เหตุมองว่ากำลังหนุนกองทัพพม่า ละเมิดสิทธิฯ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังเมื่อ 18 ธ.ค. 2565 เว็บไซต์ เวิร์กพอยต์ทูเดย์ รายงานว่า สาเหตุที่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ หรือ Norway Sovereign Wealth Fund ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศถอนตัว เนื่องจากกังวลว่าทั้ง ปตท. และ ปตท.น้ำมันและค้าปลีก อาจมีส่วนร่วมในการสนับสนุนความรุนแรงในเมียนมา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่อาจยอมรับได้

คณะกรรมการจริยธรรม (The Council on Ethics) เสนอให้ ปตท. และ OR ถูกกันออกจากการลงทุนโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการแห่งประเทศนอร์เวย์ (GPFG) เนื่องจากความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ว่า ทั้ง 2 บริษัท มีส่วนในการละเมิดสิทธิของบุคคลอย่างร้ายแรงในสถานการณ์สงครามและความขัดแย้ง ข้อเสนอดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของบริษัทในเมียนมา

บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท. ทำธุรกิจร่วมกับบริษัท Myanmar Oil and Gas (MOGE) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลพม่า ลงทุนในโครงการแท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวเมาะตะมะ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ยานาดา เยตะกุน และซอติก้า นอกจากนี้ ข้อมูลจากกลุ่ม Blood Money Campaign อ้างว่า ปตท.ยังเป็นผู้รับซื้อก๊าซธรรมชาติรายใหญ่จากกองทัพพม่าอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจัดแสดงในงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมแม่โขง-อาเซียน (MAEW) ปีนี้ (2565) เผยว่า ทางการพม่ามีรายได้จากการส่งออกก๊าซธรรมชาติ สูงราว 33 พันล้านบาทต่อปี 

ขณะที่ OR เป็นพันธมิตรในการร่วมทุนกับ Myanmar Economic Corporation (MEC) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัททางทหารของกองทัพ เพื่อก่อสร้างและดำเนินการคลังน้ำมันและโรงบรรจุก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG)

ย้อนไปเมื่อ 1 ก.พ. 2564 กองทัพพม่า นำโดย พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพพม่า ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน ทำให้ประชาชนพม่าลุกฮือต่อต้านในหลายพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม กองทัพพม่าใช้ความรุนแรงในการปราบปรามจนมีประชาชนถูกจับและเสียชีวิตจำนวนมาก

ข้อมูลจากองค์กรช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า หรือ AAPP ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ก.พ. 2564-21 ธ.ค. 2565 มีผู้เสียชีวิตจากเงื้อมมือของฝ่ายความมั่งคงพม่า จำนวนอย่างน้อย 2,639 ราย มีผู้ถูกจับกุม อย่างน้อย 16,574 ราย และยังถูกควบคุมตัว 13,098 ราย 

 

ข้อมูลทางสถิติจากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เผยว่า หลังการทำรัฐประหาร 1 ก.พ. 2564 - 3 ต.ค. 2565 มีจำนวนผู้พลัดถิ่นภายในในประเทศเมียนมา จำนวนเพิ่มขึ้น 1,018,800 คน  โดยสาเหตุหลักมาจากการปราบปรามของกองทัพพม่า และการทำสงครามกลางเมืองในหลายพื้นที่ โดยประชาชนจากภูมิภาคสะไกน์ มีจำนวนประชาชนที่กลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในมากที่สุด ด้วยจำนวน 545,200 ราย

ข้อมูลจาก UNHCR

ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีการทำรัฐประหารในพม่าเมื่อปี 2564 รัฐบาลที่บริหารประเทศเมียนมาในปัจจุบัน คือ สภาบริหารแห่งรัฐ หรือ State Administrative Council (SAC) โดยมี พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหาร เป็นประธาน 

ทางนอร์เวย์ มองว่า ปตท. และ OR กำลังช่วยให้กองทัพมีแหล่งรายได้จำนวนมากที่สามารถสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทกับ MOGE และ MEC แสดงถึงความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ที่จะก่อให้เกิดการละเมิดบรรทัดฐาน (Norm Abuses) ที่ร้ายแรงอย่างยิ่งในอนาคต

ทั้งนี้ คณะกรรมการจริยธรรมออกคำแนะนำดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. 2565 ก่อนที่ธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norge Bank) จะประกาศการตัดสินใจในวันที่ 15 ธ.ค. 2565

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท