ทุนมินลัต นักธุรกิจใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์กับ ‘มินอ่องลาย’ ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ถูกอัยการไทยฟ้องในข้อหายาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ฟอกเงิน ร่วมกับจำเลยอื่นอีก 4 ราย อ้าง มีความผิดฐานรับเงินจากการค้ายาเสพติดแล้วนำไปซื้อไฟฟ้าส่งออกไปขายในพม่า
(ใส่สูท ที่สองจากขวามือ) ทุนมินลัตในนิทรรศการการกลาโหมและความมั่นคง พ.ศ. 2652 ที่กรุงเทพฯ โดยยืนร่วมอยู่กับคณะทหารจากพม่าและ พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย (ที่สองจากซ้ายมือ) ที่มาภาพ: Senior General Min Aung Hlaing/Government of Myanmar
จากการสืบค้นเอกสารฟ้องของอัยการผ่านระบบสารสนเทศสำนวนคดี ศาลอาญา พบว่าศาลรับฟ้องตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. 2565 โดยจำเลยในคดีมีทั้งสิ้น 5 ราย ได้แก่ทุนมินลัต (ทุน มิน หลัด ตามเอกสารคำฟ้อง) ดีน ยัง จุลธุระ ชายสัญชาติไทย-อเมริกัน ลูกเขยของอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นอกจากดีนแล้ว บริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) นิติบุคคลจดทะเบียนในไทย และบุคคลอีกสองรายที่เกี่ยวข้องกับบริษัทกลุ่มอัลลัวร์ยังถูกฟ้องเป็นจำเลยอีกด้วย
ในสาระสำคัญ จำเลยทั้งห้าถูกกล่าวหาตามคำฟ้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเงินที่ได้จากการขายยาเสพติด นำไปแปลงสภาพเป็นไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปขายที่ประเทศพม่า โดยทุนมินลัต จำเลยที่ 1 ทำหน้าที่โอนเงินจากบัญชีที่รับโอนของเครือข่ายยาเสพติดจำนวนทั้งสิ้น 7 กลุ่ม ไปยังบัญชีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อ.แม่สาย เพื่อชำระหนี้ค่าไฟฟ้า โดยทุนมินลัต รับผลประโยชน์จากการดำเนินงานของบริษัทเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป นิติบุคคลที่จดทะเบียนในพม่า ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออัลลัวร์ กรุ๊ป และอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ส่วนดีน ยัง จุลธุระ จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการกระทำการแทนเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป และรับผลประโยชน์จากการนำเงินไปจ่ายค่าไฟฟ้าดังกล่าว
จำเลยที่ 5 บริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ถูกกล่าวหาตามฟ้องว่า “เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายไทย มีหน้าที่นำเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มาเปลี่ยนสภาพเป็นสินค้าประเภทกระแสไฟฟ้า ส่งออกไปยังประเทศเมียนมาร์”
“ทั้งนี้ การกระทำของจำเลยทั้งห้ากับพวกดังกล่าวได้ดำเนินการเป็นคณะบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปที่รวมตัวกันในช่วงเวลาหนึ่ง และร่วมกันกระทำโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ทางวัตถุอย่างอื่น อันเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม อันเป็นการสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด อันมีลักษณะขององค์กรอาชญากรรม” คำฟ้องระบุ
แม้คำฟ้องจะมุ่งไปที่การกระทำในส่วนของเส้นทางการเงิน แต่ได้มีการระบุว่ามีมูลเหตุเกี่ยวพันกับคดีความยาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่กลายเป็นคดีความไปก่อนหน้านี้เมื่อ 10 พ.ค. 2562 ในข้อหาถือครองและจำหน่ายยาเสพติดประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ จำนวน 1,043,800 เม็ด น้ำหนักราว 99.152 กก.)
คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าในหลายข้อหา ยกตัวอย่างเช่น ประมวลกฎหมายยาเสพติด พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
อนึ่ง ความผิดฐานฟอกเงินและอาชญากรรมข้ามชาติมีโทษสูงสุดอยู่ที่จำคุก 15 ปี แต่ในความผิดฐานยาเสพติดนั้น ความผิดตามฟ้องสามารถนำไปสู่โทษจำคุกตลอดชีวิตไปจนถึงประหารชีวิตได้
จากการสืบค้นในบริการค้นข้อมูลคดี ศาลอาญา เมื่อ 23 ธ.ค. 2565 พบว่ามีการยื่นขอประกันตัวจำเลยทั้งสิ้น 4 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน โดยนัดหมายศาลครั้งหน้า เป็นการตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 23 ม.ค. 2566
ประชาไทและ OCCRP ยังไม่สามารถหาช่องทางเพื่อติดต่อกับทนายความของจำเลยได้
เมื่อปี 2557 บริษัทเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป ได้ลงนามในข้อตกลงขายไฟฟ้าให้กับหน่วยงานการไฟฟ้าใน จ.ท่าขี้เหล็ก ที่อยู่ติดกับ อ.แม่สายของ จ.เชียงราย
กฟภ. อ.แม่สาย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ข่าว แต่ข้อมูลจากแหล่งข่าวในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ กฟภ. ระบุว่าทาง กฟภ. ได้รับทราบเรื่องคดีแล้ว และได้ส่งเอกสารตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ขอ โดยการส่งไฟฟ้ายังดำเนินการไปตามปกติ แต่กำลังมีการหารือว่าจะทำอย่างไรให้การซื้อขายไฟฟ้าสามารถกระทำได้อย่างถูกต้องในอนาคต
ยะดะนา หม่อง โฆษกของกลุ่มนักกิจกรรม จัสติซฟอร์เมียนมาร์ กล่าวว่าคำฟ้องดังกล่าวเป็น “พัฒนาการด้านบวกในการที่ได้เห็นถึงการรับผิดรับชอบบางส่วนต่อข้อกล่าวหาเรื่องการฟอกเงิน ยาเสพติด และข้อหาที่เกี่ยวข้อง”
“ทุนมินลัต คือผู้สนับสนุนของทหารพม่า สนับสนุนอาชญากรรมของพวกเขาในเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ผ่านการให้การช่วยเหลือทางรายได้และอาวุธ” ยะดะนา หม่อง กล่าว
เมื่อเดือน ส.ค. 2565 รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้คว่ำบาตรเครือบริษัทสตาร์ แซฟไฟร์ กรุ๊ป ของทุนมินลัต โดยให้เหตุผลว่าเครือบริษัทดังกล่าว “มีส่วนรับผิดชอบต่อการเป็นนายหน้าขายยุทธภัณฑ์
ทุนมินลัต ดีน และจำเลยคนอื่นถูกจับกุมในกรุงเทพฯ เมื่อ 17 ก.ย. โดยตำรวจไทย ราวสองอาทิตย์หลังจากนั้น มีการออกหมายจับไปยังอุปกิต ปาจรียางกูร ในข้อหาที่เกี่ยวกับฟอกเงินและยาเสพติด แต่หมายจับดังกล่าวถูกเปลี่ยนเป็นหมายเรียกในภายหลัง
ในอดีต อุปกิตเคยเป็นเจ้าของบริษัทเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป ข้อมูลบริษัทแสดงให้เห็นว่าเขาลาออกจากบริษัทเมื่อปี 2562 ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาประเทศไทยโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ 14 พ.ค. 2562 ตามที่ระบุในราชกิจจานุเบกษา โดยหลังจากนั้นสามเดือน ดีนได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทเมียนมาร์ อัลลัวร์ กรุ๊ป
ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังผู้ช่วยของอุปกิต ปาจรียางกูร แต่ยังไม่สามารถนัดหมายให้สัมภาษณ์ภายในช่วงเวลาที่เผยแพร่ข่าว ด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยระบุว่า ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับข้อหาที่ดีนถูกฟ้อง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)