ครูสอนปวศ.พาดพิง พล.อ.เปรม ‘ประยุทธ์-ตรีนุช’ สั่ง เข้มเอาผิด ‘ก้าวไกล’ เห็นต่าง ไม่ควรล่าแม่มด

ประมวลความความเคลื่อนไหวจากหลากหลายฝ่าย สืบเนื่องจากกรณีโลกออนไลน์เผยแพร่คลิปครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในกทม. ซึ่งสอนวิชาประวัติศาสตร์ ชั้น ม.4 โดยมีการพูดถึงการปกครองในระบอบอำนาจนิยมและพาดพิงถึงประเด็นเรื่องเพศวิถีของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ด้าน ‘ประยุทธ์’ สั่งเข้มเอาผิดคนยุยงปลุกปั่น ‘ตรีนุช’ รมว.ศธ. รับลูก ฝ่าย ‘ครูธัญ ก้าวไกล’ ชี้ ข้อเท็จจริงต้องตรวจสอบ แต่ไม่ใช่ล่าแม่มด

‘ศชอ.-ศปปส.-นักรบองค์ดำฯ’ บุกโรงเรียน จี้ตรวจสอบ

ที่มาภาพ: ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน

วานนี้ (22 ธ.ค.) เวลา 17.36 น. สำนักข่าวท็อปนิวส์รายงานว่า นพดล พรหมภาสิต เลขาธิการศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบูลลี่ทางสังคมออนไลน์ (ศชอ.) อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู ประธานกลุ่มนักรบองค์ดำปกป้องสถาบัน พร้อมทีมงาน นัดหมายเดินทางมายังโรงเรียนดังกล่าวเพื่อตรวจสอบและสอบถามข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้พบกับผู้อำนวยการโรงเรียน และครูคนดังกล่าวแต่อย่างใด เนื่องจากช่วงเวลานี้อยู่ระหว่างการออกค่ายพักแรมของครูและนักเรียน เป็นระยะเวลา 3 วัน

‘ประยุทธ์’ สั่ง เข้มเอาผิดคนปลุกปั่นทุกกรณี

วานนี้ (22 ธ.ค.) เวลา 17.18 น. มติชนออนไลน์รายงานท่าทีของนายกรัฐมนตรีต่อกรณีดังกล่าวระบุ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับสั่งการให้ตำรวจดูแลเฝ้าระวังการยุยงปลุกปั่นที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมายต่างๆ โดยให้ทำอย่างจริงจังภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่มีการละเว้น เพราะหากมีใครที่พูดบิดเบือนหรือโน้มน้าวให้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดต้องดำเนินการอย่างจริงจังเคร่งครัด รวมถึงกรณีครูผู้ที่จะพูดสอดแทรกหรือแนวคิดอะไร ก็ต้องตรวจสอบเป็นเรื่องของภาพรวมอะไรต่างๆ ที่มีการเข้าไปยุยงปลุกปั่นให้เกิดการบิดเบือนความคิดต่างๆ ไม่ว่ากรณีใดก็ต้องมาดูคำพูดหรือเนื้อหาต่างๆ ว่ามีตรงไหนหรือไม่อย่างไร หากผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการจับกุมดำเนินคดี

‘ตรีนุช’ รับลูก ‘ประยุทธ์’

ชี้ ครูไม่ควรสร้างความแตกแยก

เดลินิวส์ รายงานคำพูดของตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีข้อสั่งการว่า ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สามัคคี ความแตกแยก หรือ ทำให้สังคมวุ่นวาย จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่ว่าเป็นการจะบูลลี่กันในโรงเรียน การนำคนเข้าไปปลุกปั่นสร้างความแตกแยกในสถานศึกษา จะมีความผิดหมดทั้งผู้อำนวยการสถานศึกษา ครู และบุคลากรนั้น ตนได้สั่งการให้ทุกองค์กรหลักในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) แจ้งไปยังหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และให้ทุกหน่วยงานดูแลเป็นพิเศษเรื่องการสร้างความสามัคคี

ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

“กระทรวงศึกษาธิการ ไม่นิ่งนอนใจในเรื่องการบูลลี่กันในสถานศึกษา การนำองค์กร ลัทธิ หรือ บุคคลภายนอกมาสร้างความเชื่อ สร้างความแตกแยกในสถานศึกษา ตลอดจนปัญหาครูจัดการเรียนการสอน โดยพูดถึงบุคคลที่สามในทางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในกรณีต่าง ๆ เหล่านี้ที่ผ่านมา ต้นสังกัดของสถานศึกษาก็ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง และลงโทษทางวินัยไปแล้ว และขณะนี้ในบางกรณีก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง พร้อมทั้งให้คุรุสภาตรวจสอบในส่วนของจรรยาบรรณวิชาชีพด้วย ทั้งนี้ ดิฉันเห็นว่า ในการจัดการสอนของครูนั้น ควรสอนให้เด็กคิด วิเคราะห์ ไม่ควรพูดถึงบุคคลที่สามในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่ครอบงำทางความคิด ไม่สร้างความแตกแยก ไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น และขอย้ำว่า ใครก็ตามที่ทำให้เกิดความไม่สามัคคี ความแตกแยก หรือ ทำให้สังคมวุ่นวาย ต้องถูกลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีตามกฎหมาย โดย ศธ.จะประสานความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด และหากพบว่าผู้บริหารปล่อยปละละเลย ต้องรับผิดชอบด้วย” ตรีนุชกล่าว

สพฐ. สั่งพักงาน - ตั้ง คกก. สอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (23 ธ.ค.) ข่าวสดออนไลน์รายงานความเคลื่อนไหวของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในกรณีดังกล่าวระบุ อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 2 กรุงเทพฯ (สพม. 2 กทม.) ได้ตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง และให้ครูรายดังกล่าวพักการสอนวิชาสังคมศึกษาไปก่อน จนกว่าการสืบข้อเท็จจริงจะสิ้นสุด

“มองว่าโรงเรียนต้องสอนให้นักเรียนเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นจริง ทั้งนี้ ต้องไปดูเจตนาของครูรายดังกล่าวด้วย ว่าทำไมถึงพูดเช่นนั้น ถ้าไปบิดเบือนความจริง พูดกระทบผู้อื่น ไม่ทำให้เกิดความสามัคคี เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และหากมีหลักฐานว่าจงใจหรือเจตนาก็ต้องว่าไปตามความผิด ว่าไปตามกฎหมาย กฎระเบียบต่อไป” อัมพร กล่าว

‘ครูธัญ ก้าวไกล’ เห็นต่าง

ชี้ ตักเตือนได้ แต่ไม่ใช่ล่าแม่มด

ในขณะเดียวกัน ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานต่อผู้สื่อข่าวว่า ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล หรือครูธัญกล่าวถึงกรณีที่มีครูท่านหนึ่งพูดถึง พล.อ.เปรม ในชั้นเรียนในฐานะตัวอย่างเมื่อพูดถึงการปกครองในระบอบอำนาจนิยมและมีการพาดพิงถึงประเด็นเรื่องเพศวิถี ระบุตนเห็นว่าสิ่งที่ครูท่านนั้นตั้งข้อสังเกตในประเด็นเพศวิถีและข้อเท็จจริงบางอย่างเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์จริง และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา และขบวนการจัดตั้งของสื่อบางฝ่าย ที่ทำการล่าแม่มด กดดัน ลงโทษ ครูท่านนั้นอย่างไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้การพูดถึง พล.อ.เปรม ในลักษณะอคติทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นลักษณะเรื่องเล่านั้นควรมีการบอกก่อนนักเรียนก่อนทุกครั้งว่ายังไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์ แต่การแก้ปัญหาของกรณีนี้ควรเป็นการตักเตือน และอบรมทัศนคติครูเรื่องการเข้าใจความหลากหลายทางเพศทั้งระบบ ไม่ใช่ดำเนินการทางนิติสงคราม ทั้งทางกฎหมายและทางวินัย รวมทั้งใช้การกดดันทางสังคมอย่างการล่าแม่มดแบบที่บางฝ่ายกระทำอยู่ในปัจจุบัน

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

ธัญวัจน์ตั้งคำถามว่า คือการที่มวลชนและสื่อบางฝ่ายหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาล่าแม่มดครูท่านนี้ เป็นเพราะต้องการให้ชั้นเรียนตระหนักถึงความเข้าใจความหลากหลายทางเพศจริง หรือเป็นไปเพื่อปิดปากทุกคนที่เห็นต่างจากตนเองกันแน่ ด้วยการกดดันให้ใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าเล่นงาน ถ้าผู้ที่ออกมาใช้โจมตีครูท่านนี้เห็นความสำคัญของการพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราควรส่งเสริมคือการเปิดให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทุกด้านและหักล้างกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่การใช้อำนาจปิดปาก สร้างความกลัว และสถาปนาความจริงเพียงแบบเดียวในแบบที่ผู้มีอำนาจต้องการให้เชื่อ

และจากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการ ผบ.ตร. ให้ดำเนินคดีการปลุกปั่นสร้างความแตกแยก เราอยากถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่าใครกันแน่ที่กำลังสร้างความแตกแยกในสังคม ระหว่างครูคนหนึ่งที่สอนในชั้นเรียนกับสื่อและมวลชนที่ทำการล่าแม่มด เคลื่อนไหวกดดันให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง

การทำให้การศึกษาไทยมีอนาคต ต้องทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ ควบคู่กับการสอนประวัติศาสตร์ที่สร้างการถกเถียงไม่ใช่รับข้อมูลข้างเดียว แต่การล่าแม่มด กำจัดผู้เห็นต่างที่มีความเชื่อต่างจากตัวเอง และใช้อำนาจเข้าข่มขู่คุกคามมากกว่าความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งปลูกฝังวัฒนธรรมอำนาจนิยมในโรงเรียน และจะยิ่งทำให้การศึกษาของชาติล้าหลัง ไม่ทันโลก

‘ครูทิว’ ถาม ครูสอนเด็กด่าอีกฝั่ง ไม่เห็นมีใครโวย

สำหรับ ธนวรรธน์ สุวรรณปาล หรือ ครูทิว จากกลุ่มครูขอสอน แสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์

“ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขวาจัด ข่มขู่ คุกคาม ครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ยกตัวอย่างพลเอกเปรม ในการสอนเรื่องเผด็จการ โวยวายจะฟ้องร้องเอาเรื่องถึงที่สุด ครูแก่บางคนสอนนักเรียน ด่าทักษิณ ด่าธนาธร ปิยบุตร ไม่เห็นใครจะมาห่วงเรื่องเนื้อหาการสอนแบบนี้เลย”  ธนวรรธน์กล่าวในทวิตเตอร์

 

 

‘กลุ่มนักเรียน’ ออกแถลง “ห้องเรียนควรเป็นที่ปลอดภัย”

ด้านกลุ่ม ‘รอวอไม่ขอเผด็จการ’ หรือกลุ่มนักเรียนโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอข่าวที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ล่าแม่มดและส่งผลต่อความปลอดภัยต่อครูผู้สอน เรียกร้องให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่แห่งการพูดคุยถกเถียง เพื่อเปิดกว้างต่อความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ที่จะเอื้อให้เกิดความงอกงามทางสติปัญญาของเยาวชนต่อไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท