Skip to main content
sharethis

หลังศาลมีคำพิพากษา 'ยกฟ้อง' กรณี 'คุณภัทร คะชะนา' ถูกฟ้องฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุขายเสื้อ-หนังสือในที่ชุมนุมหน้าศาลอาญา รัชดาภิเษก ปี 64 ล่าสุดมูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานคดีสิ้นสุดแล้ว เหตุอัยการ 'ไม่อุทธรณ์' 

23 ธ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ว่า วันนี้ (23 ธ.ค.65) ทนายความของคุณภัทร คะชะนา ยื่นคำร้องรับรองคดีถึงที่สุด เนื่องจากพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขแดงที่ อ. 3404/2565 กรณีที่ คุณภัทร ถูกจับและแจ้งข้อหาฝ่าฝืนฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เหตุจากการนำเสื้อมือสองและหนังสือไปขายในงานชุมนุมบริเวณหน้าศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อปีที่แล้ว จึงเป็นผลให้ “คดีดังกล่าวถึงที่สุด”

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลแขวงพระนครเหนือได้มีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” คดีนี้ โดยมีความเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความขัดแข้งกันในหลายประเด็น อาทิ ไม่ปรากฎภาพถ่ายและวิดีโอที่เกี่ยวกับพฤติการณ์การก่อความรุนแรงของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ภาพที่โจทก์ยื่นก็ไม่ปรากฏใบหน้าของจำเลย ย่อมทำให้เกิดข้อสงสัยได้ว่าจำเลยแต่งกายเหมือนกับผู้ชุมนุมและได้สวมใส่ผ้าโพกหัวตามที่โจทก์กล่าวอ้างจริงหรือไม่ ทั้งไม่ปรากฎหลักฐานใดที่จะเชื่อมโยงได้ว่าจำเลยเป็นหนึ่งในผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ในช่วงการสลายการชุมนุมในวันเกิดเหตุ และการที่จำเลยวิ่งหนีชุดจับกุมก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ดังนั้นพยานหลักฐานของโจทก์มีข้อสงสัยหลายประการจึงไม่อาจรับฟังได้ ทั้งไม่จำเป็นต้องพิจารณาหลักฐานของจำเลย

“พอรู้ว่าคดีจบสิ้นลงจริงๆ ก็รู้สึกโล่งใจมากๆ เหมือนเป็นอิสระจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเราก็ยังรู้สึกโกรธอยู่เสมอที่ถูกกระทำรุนแรงจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ ภาพคนในเครื่องแบบสีดำที่วิ่งเข้ามาข่มขู่ ตะคอก มัดแขน พร้อมอาวุธครบมือ ยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำ รวมทั้งความรุนแรงจากกฎหมายและกระบวนยุติธรรมที่เข้ามาซ้ำเติม ยิ่งทำให้รู้สึกโกรธสังคมนี้อยู่เสมอๆ สังคมที่เราทุกคนสามารถถูกกระทำจากรัฐได้ทุกเวลา แต่สุดท้ายเราพยายามจะจัดการกับความโกรธนี้ ด้วยการใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่านี้ ใฝ่ฝันถึงโลกที่เราจะสามารถเป็นเจ้าของชีวิตของเราได้ร่วมกันกับคนอื่นๆ ความรู้สึกโล่งใจจากเรื่องนี้ ทำให้เราอยากจะใช้ชีวิตที่มีอยู่เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมและโลกใบนี้ให้ได้” คุณภัทร กล่าวถึงความรู้สึกหลังทราบข่าวว่าคดีถึงที่สุดแล้

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุด้วยว่า แม้คดีนี้ศาลจะยกฟ้องและคดีถึงที่สุดแล้วในวันนี้ แต่หากย้อนไปนับแต่วันเกิดเหตุก็เป็นเวลากว่าสองปีเต็มที่คุณภัทรต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตนเองในชั้นศาล นับเป็นการสร้างภาระและความลำบากอย่างยิ่งต่อประชาชนคนหนึ่งที่เพียงตั้งใจนำเสื้อและหนังสือมาขายเพื่อประกอบอาชีพโดยสุจริต หากเจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วนคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นหลักแล้ว กรณีนี้อาจไม่ต้องกลายมาเป็นคดีอาญาและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังเพิ่มภาระให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเช่นนี้

คดีนี้เป็นอีกหนึ่งคดีที่รัฐใช้อำนาจทางกฎหมายฟ้องปิดปากปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพของประชาชน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ติดตามคดีการฟ้องปิดปากเช่นนี้อีกหลายคดีที่ยังอยู่ในกระบวนการศาลต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมรณรงค์ต่อต้านคดีการฟ้องปิดปาก (SLAPPs) และยืนยันว่าการแสดงออกทางความคิดเห็นเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนพึงกระทำ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net