ศาลปกครอง ไม่รับฟ้อง แรงงานข้ามชาติ กรณี จนท. จัดหางานละเลยต่อหน้าที่ เป็นเหตุให้แรงงานถูกขัง 105 วัน

ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่ฟ้อง นางสาว ป. แรงงานข้ามชาติ กรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานละเลยต่อหน้าที่ในการต่ออายุใบอนุญาตทำงาน เป็นเหตุให้นางสาว ป. ต้องถูกกุมขัง 105 วัน ศาลชี้ ผู้ฟ้องไม่ประสงค์จะเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ คดีนี้จึงไม่ใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง ทั้งนี้ นางสาว ป. ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อเสรีภาพ ชื่อเสียง และจิตใจ เป็นเงิน 185,500 บาท 

 

5 ม.ค. 2566 มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (HRDF) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2565 ศาลปกครองกลางมีหนังสือแจ้งคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ในคดีหมายเลขแดงที่ 2283/2565 ลงวันที่ 27 ต.ค. 2565 ด้วยเหตุผลว่า ผู้ร้องไม่ได้ประสงค์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานละเลยต่อหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควรในการต่ออายุใบอนุญาตทำงานให้แก่ผู้ร้อง คดีนี้จึงไม่ใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย หรือเนื่องมาจากการดำเนินกิจการทางปกครองที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2564 ขณะที่นางสาว ป. แรงงานข้ามชาติหญิงชาวเมียนมา กำลังทำงานในโรงงานผลิตเสื้อผ้าย่านสุขสวัสดิ์อยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงกรุงเทพมหานคร เข้าไปในโรงงานและขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานของแรงงานในโรงงานทุกคน เมื่อนางสาว ป. ได้แสดงหนังสือเดินทางและใบอนุญาตทำงานให้ตรวจสอบ พบว่าใบอนุญาตทำงานสิ้นสุดแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2564

ฝ่ายบุคคลของบริษัทฯ แจ้งว่าทางบริษัทได้มีการยื่นคำขอต่อใบอนุญาตทำงานไว้แล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับไม่พบข้อมูลในระบบ เจ้าหน้าที่จึงพาตัวนางสาว ป. ไปยังสถานีตำรวจนครบาลราษฎร์บูรณะ เพื่อดำเนินคดีข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 8 ประกอบ มาตรา 101 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560

พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับนางสาว ป. ผ่านล่ามของบริษัทฯ และนางสาว ป. ได้รับสารภาพเนื่องจากเข้าใจว่าตนได้กระทำความผิดตามกฎหมายและไม่มีทนายความให้คำปรึกษาในวันดังกล่าว นางสาว ป. จึงถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจและถูกส่งตัวไปยังสถานกักตัวคนต่างด้าว (สวนพลู) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเตรียมถูกส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร

มูลนิธิ HRDF สำนักงานสาขาจังหวัดสมุทรสาคร ประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการจัดหางาน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลราษฎร์บูรณะ และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 จนพบว่า นายจ้างได้ดำเนินการยื่นคำขอต่อใบอนุญาตทำงานต่อสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ไว้แล้ว ก่อนที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นอายุ ตามมาตรา 67 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 2 ได้รับคำขอและรับชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอไว้แล้ว ซึ่งไม่ปรากฏว่านายทะเบียนได้มีคำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงานในกรณีดังกล่าว

ในกรณีนี้นางสาว ป. จึงยังมีสิทธิทำงานไปพลางก่อนจนกว่านายทะเบียนจะมีคำสั่งไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ตามมาตรา 67 วรรคสอง แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว

โดยนางสาว ป. ได้ถูกดำเนินคดีและควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย.  ถึงวันที่ 4 ต.ค. 2564 เป็นเวลารวมถึง 105 วัน

นางสาว ป. ได้ยื่นคำฟ้องกรมการจัดหางานต่อศาลปกครองกลางเป็นคดีหมายเลขดำที่ 2159/2565 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 โดยเหตุที่ได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ได้รับความเสียหายต่อทรัพย์ เสรีภาพ ชื่อเสียงและจิตใจ จึงขอให้ชดใช้เงินเยียวยา ความเสียหายจำนวน 185,500 บาท และขอให้กรมการจัดหางานประกาศขอโทษผ่านเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ทุกประเภท เป็นเวลาติดต่อกันนาน 7 วัน ซึ่งต่อมาสำนักงานศาลปกครองกลางมีหนังสือแจ้งคำสั่งศาล ลงวันที่ 31 ต.ค. 2565 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ด้วยเหตุผลว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย

ทนายความของมูลนิธิ HRDF มีความเห็นว่า แม้ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่ง ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาก็ตาม แต่คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจกระทำการในการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ซึ่งยังคงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ตามมาตรา 194 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้นนางสาว ป. ยังคงมีสิทธิเสนอคำฟ้องกรมการจัดหางานต่อศาลแพ่ง เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงาน ทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายที่ทำให้ได้รับความเสียหายต่อทรัพย์สินเสรีภาพจิตใจและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และชื่อเสียง เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายแก่นางสาว ป. ได้ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาคาดหวังว่าการยื่นฟ้องคดีครั้งนี้จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่ที่อาจส่งผลต่อความความเสียหายต่อเสรีภาพของประชาชน

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท