เลขา ครป.หวังศาลรัฐธรรมนูญรักษาประโยชน์ชาติ กรณีมีผู้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐลดลงต่ำกว่า 51% เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)
8 ม.ค. 2566 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนกล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติวินิจฉัยคดีที่นายสุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐลดลงต่ำกว่าร้อยละ 51 เป็นการกระทำที่ขัดหรือ แย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ว่าคาดหวังว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินโดยรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่รักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุนเอกชนที่เติบโตหลายแสนล้านโดยการผูกขาดการผลิตไฟฟ้า และถูกกล่าวหาว่ารัฐและทุนสุมหัวกันขูดรีดประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ล่ารายชื่อ 100 พลเมืองไทยเรียกร้องรัฐบาลยุติการให้เอกชนผูกขาดการผลิตไฟฟ้าเกินกึ่งหนึ่งของรัฐ ซึ่งมีผู้ลงชื่อที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ทั้งอดีตผู้ว่าการ กฟผ. และผู้บริหาร ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสากิจหลายแห่ง นักกฎหมาย ทนายความ คณบดี อาจารย์มหาวิทยาลัย อดีต ส.ส. ส.ว. ศิลปิน ดารานักร้อง นักธุรกิจเพื่อสังคม และแกนนำภาคประชาชนจำนวนมาก ที่ไม่ต้องการให้เกิดการผูกขาดเศรษฐกิจโดยการใช้ทรัพยากรของรัฐและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ควรเป็นบริการสาธารณะ ไม่ควรปล่อยให้เอกชนแสวงหากำไรเอาเปรียบประชาชน
เรื่องนี้คือความผิดพลาดของรัฐบาลอย่างชัดเจน โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกฯ เป็นประธาน กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สมคบคิดวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย และให้ใบอนุญาตเอกชนผูกขาดการผลิตไฟฟ้าเกินกึ่งหนึ่งของประเทศ ดังนั้น ผมขอเรียกร้องให้เปิดเผยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับเอกชน โดยทันที เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ และให้ประชาชนเห็นว่าถูกต้องชอบธรรมหรือไม่