Skip to main content
sharethis

ศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษาจำคุก 'บาส' มงคล ถิระโคตร อายุ 29 ปี เหตุโพสต์เฟซบุ๊ก 27 ข้อความ มีความผิดใน 14 กรรม ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 42 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษเหลือกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 28 ปี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนอยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์

 

26 ม.ค. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษาจำคุก 'บาส' มงคล ถิระโคตร อายุ 29 ปี กรณีถูกฟ้องโพสต์เฟซบุ๊ก 27 ข้อความ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความผิดใน 14 กรรม ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 42 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษเหลือกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 28 ปี

ขณะนี้ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนอยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ โดยนับเป็นจำนวนกระทงที่มากที่สุดใน “ยุคการนำข้อหามาบังคับใช้ใหม่” ตั้งแต่ปลายปี 2563 เป็นต้นมา รวมแล้ว 29 กรรม แยกเป็น 3 คดี โดยโทษจำคุกของบาส มงคล จำนวน 28 ปี ถือเป็นโทษสูงสุดในคดี ม.112 ตั้งแต่มีการพิจารณาหลังปี 2563 เป็นต้นมา นอกจากบาส มงคล ยังมีกรณีของอัญชัญ ปรีเลิศ ถูกจับกุมในคดี ม.112 และถูกลงโทษจำคุก 87 ปี ให้การรับสารภาพลดเหลือจำคุก 29 ปี 174 เดือน (ราว 43.5 ปี) ซึ่งปัจจุบันอัญชัญยังคงถูกคุมขังในเรือนจำ

'บาส' มงคล ถิระโคตร

ในสองคดีแรกของบาส มงคล ซึ่งมีข้อความจากโพสต์เฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหารวมกัน 27 โพสต์ มีการสืบพยานโจทก์และจำเลยร่วมกันที่ศาลจังหวัดเชียงรายตั้งแต่วันที่ 19-20 เม.ย. และอีกครั้งในวันที่ 27-30 ก.ย. 2565 โดยศาลมีคำสั่งให้พิจารณาเป็นการลับ ทำให้นอกจากจำเลย ทนายความ อัยการโจทก์แล้ว ครอบครัวของจำเลยหรือบุคคลภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการพิจารณาคดีได้

เวลา 14.10 น. ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันตัวบาส มงคล ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัย เจ้าหน้าที่ศาลระบุว่า ให้รอฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในช่วงเย็นวันนี้ (26 ม.ค. 2566) เลย

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาคดีบาส มงคล ในวันที่ 26 ม.ค. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานสรุปคดีว่า การฟังคำพิพากษาในตอนแรกเจ้าหน้าที่ศาลไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเข้าฟังคำพิพากษา ทนายความได้แถลงขอให้พ่อกับแม่ของจำเลย ซึ่งเดินทางมาด้วย ได้ร่วมเข้าฟัง และศาลได้อนุญาตตามคำขอ โดยในวันนี้อัยการโจทก์ไม่ได้เดินทางมาศาล

เวลาประมาณ 11.00 น. (26 ม.ค. 2566) ศาลได้อ่านคำพิพากษาโดยสรุปเห็นว่า จากการนำสืบของโจทก์และจำเลย จำเลยได้รับว่าโพสต์ข้อความทั้งหมดตามที่ถูกฟ้องจริง

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าโพสต์ดังกล่าว มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ แม้ทั้งโจทก์และจำเลย จะมีพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นนักวิชาการทางนิติศาสตร์เข้าให้ความเห็นว่าบางข้อความก็ไม่เป็นความผิดตามข้อหาดังกล่าว แต่พยานดังกล่าว ศาลจะรับฟังหรือไม่ก็ได้ ศาลสามารถวินิจฉัยโดยความคิดเห็นของวิญญูชนทั่วไปได้ 

ศาลได้วินิจฉัยในแต่ละข้อความ มีความเห็นยกฟ้องจำนวน 13 ข้อความ โดยเป็นข้อความที่กล่าวหาอดีตกษัตริย์รัชกาลที่ 9 หรือข้อความที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ว่าโพสต์หมายถึงบุคคลใด และบางโพสต์แม้จะมีภาพรัชกาลที่ 10 แต่ก็ไม่เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท ทำให้ศาลเห็นว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิดของมาตรา 112

ขณะที่ศาลเห็นว่าข้อความ รูปภาพและวิดีโอที่ระบุได้ว่ากล่าวถึงพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 จำนวน 14 ข้อความ ถือว่ามีความผิดตามฟ้อง โดยเห็นว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นเกินกว่าขอบเขตของกฎหมาย แม้ทางนำสืบของจำเลยจะต่อสู้ว่าไม่มีเจตนาดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย แต่การโพสต์ของจำเลยย่อมแสดงให้เห็นว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เมื่อเป็นความผิดตามมาตรา 112 จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เรื่องการเผยแพร่และส่งต่อข้อมูลที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร 

เมื่อการกระทำเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามบทที่หนักที่สุด คือตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และให้เรียงโทษเป็นกระทงความผิดไป รวม 14 กระทง พิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้เหลือกระทงละ 2 ปี รวมโทษจำคุก 28 ปี

ทั้งนี้ศาลไม่ได้อ่านโทษเต็ม ก่อนลดโทษให้เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา หลังอ่านคำพิพากษา บัสบาสได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปยังห้องขังของศาล และทนายความได้ยื่นขอประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์คดี

ต่อมาเวลา 14.07 น. (26 ม.ค. 2566) ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัย โดยเจ้าหน้าที่ให้รอฟังคำสั่งในช่วงเย็นวันนี้เลย

เวลา 16.50 น. (26 ม.ค. 2566) ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้วิดีโอคอลมาแจ้งคำสั่งให้ครอบครัวของจำเลยที่เป็นนายประกัน และทนายความฟัง ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยไม่เคยผิดสัญญาประกันตัว จึงอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ด้วยวงเงิน 300,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขการประกันตัว 2 ประการ

ห้ามกระทำการที่เสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในชั้นสั่งฟ้องคดีต่อศาล นายประกันได้วางหลักทรัพย์ประกันตัวไว้แล้วคดีละ 150,000 บาท รวมสองคดีเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว 300,000 บาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ ทำให้ไม่ต้องวางหลักประกันตัวเพิ่มเติมอีกในชั้นอุทธรณ์คดีนี้

สำหรับอัตราโทษในคำพิพากษาของบัสบาส นับได้ว่าสูงสุดที่สุดในคดีมาตรา 112 ที่เกิดขึ้นในยุคตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา แต่ยังต่ำกว่ากรณีของ “อัญชัญ” ซึ่งคดีเกิดขึ้นในยุค คสช. ที่ถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกรวม 87 ปี จากกการเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ดีเจผู้จัดรายการใต้ดิน จำนวน 29 กรรม โดยเธอให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษเหลือจำคุก 29 ปี 174 เดือน (ราว 43.5 ปี) มากที่สุดเท่าที่ทราบข้อมูล ซึ่งปัจจุบันเธอก็ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำเรื่อยมา

ขณะเดียวกันนอกจากคดีนี้ของบัสบาส เขายังถูกฟ้องในคดีมาตรา 112 ที่ศาลจังหวัดเชียงรายในภายหลังอีกคดีหนึ่ง จากการโพสต์อีก 2 ข้อความ ซึ่งอยู่ระหว่างรอนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 3 มี.ค. 2566 นี้ 

 

 

อัพเดทข้อมูลสรุปการพิจารณาเพิ่มเติมจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน วันที่ 27 ม.ค. 2566 เวลา 10.19 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net