'สำนักข่าวชายขอบ' เผยกรมอุทยานฯ-ดีเอสไอเสนอเพิกถอนที่ดินแปลง 11 เกาะหลีเป๊ะ

'สำนักข่าวชายขอบ' เผยกรมอุทยานฯ-ดีเอสไอเสนอเพิกถอนที่ดินแปลง 11 เกาะหลีเป๊ะ เหตุพบเอกสารไม่ตรงข้อเท็จจริงหลังตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ เตรียมยื่นมติประชาคมหมู่บ้านชาวเลให้ตรวจสอบ น.ส.3 ทั้งหมดให้ กก.ตรวจสอบ กรมที่ดินตั้งคณะทำงานลงพื้นที่

29 ม.ค. 2566 เพจสำนักข่าวชายขอบ รายงานว่าความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นประธาน ได้ลงพื้นที่และเตรียมดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยสั่งการให้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับเอกชนที่รุกล้ำพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตาและพื้นที่สาธารณะที่เป็นเส้นทางและลำรางดั้งเดิม โดยเฉพาะที่ดิน น.ส.แปลงที่ 11 ซึ่งกำลังมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นเนื่องจากมีที่ดินบวมจาก น.ส.3 จำนวน 81 ไร่เพิ่มอีกกว่า 60 ไร่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการตรวจสอบที่ดินแปลงที่ 11 นั้น นอกจากตรวจพบว่ามีรีสอร์ทหรูและสระว่ายน้ำก่อสร้างรุกล้ำที่ดินของอุทยานฯซึ่งเพิ่งก่อสร้างภายใน 1-3 ปีที่ผ่านมาแล้วยังมีการถมทับพื้นที่ลำรางสาธารณะ ทำให้กรรมการฯบางส่วนเห็นว่าเกี่ยวโยงกับเจ้าหน้าที่ราชการในพื้นที่ที่ปล่อยให้มีการก่อสร้างซึ่งมีความผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่า เมื่อปี 2557 กรมอุทยานฯได้มีการตรวจสอบและทำรายงานเสนอผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า สำนักงานตรวจสอบ พิสูจน์ การถือครองหนังสือแสดงสิทธิที่ดินในเขตป่าอนุรักษ์พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ การวิเคราะห์ด้านกฎหมายและการพิสูจน์กระบวนการถือครองหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดิน สรุปได้ว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 11 ราย 1. นางสมฤทัย เอี่ยวเหล็ก 2.นางดารา อังโชติพันธุ์ ออกสืบเนื่องจากแบบแจ้งการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินสงวนหวงห้ามของรัฐภายหลังการมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินบนเกาะในท้องที่ตำบลยะระโตด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล พ.ศ.2482 แม้ในแบบแจ้งครอบครองระบุว่า รับมรดกตกทอดประมาณ 2493 ก็ไม่ทราบได้ว่าได้ครอบครองที่ดินมาตั้งแต่เมื่อใด อาจจะครอบครองก่อนหรือหลัง พ.ศ. 2479 ก็ได้ และครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ในรายงานที่คณะตรวจสอบทำถึงผู้บริหารกรมอุทยานฯ ระบุว่า หากมีการครอบครองหลัง พ.ศ.2479 ก็จะเป็นการครอบครองที่ดินภายหลังจากมี พรบ.ออกโฉนดที่ดิน(ฉบับ6) พ.ศ.2479 ใช้บังคับแล้ว ผู้ครอบครองที่ดินจะต้องขออนุญาตจับจองที่ดินตามมาตรา 5 แห่ง พรบ.ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ก็จะต้องทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น หากไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่ามิใช่ผู้ครอบครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมาย 

ในรายงานการตรวจสอบระบุว่า ที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 11 นี้ จากเอกสารที่มีพบว่าได้ขออนุญาตจับจองแต่อย่างใด ผู้ครอบครองจึงไม่มีสิทธิครอบครองตามกฎหมายที่ดินถึงแม้ผลการอ่าน แปล และวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศ บริเวณแปลงที่ดินมีร่องรอยการทำประโยชน์ แต่เนื่องจากตำแหน่งแปลงที่ดินด้านทิศเหนือและทิศใต้ไม่ตรงตามหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 11 ที่นำมาใช้ออก น.ส.3 เลขที่ 11 ฉบับดังกล่าว เนื้อที่เดิมเพิ่มขึ้นจากหลักฐานเดิม(ส.ค.1) ทิศข้างเคียงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติฉบับที่ 2(พ.ศ.2515) ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการออกโฉนดที่ดินและออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์หมวดที่ 5 
“น.ส.3 เลขที่ 11 จึงออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นเห็นควรแจ้งกรมที่ดินพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ในการเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เลขที่ 11 ราย 1.นางสมฤทัย เอี่ยวเหล็ก 2.นางดารา อังโชติพันธุ์ ต่อไป”ในรายงาน ระบุ

ขณะเดียวกันในส่วนของศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษเขต 9 ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการปิดกั้นทางสาธารณประโยชน์บนเกาะหลีเป๊ะ ที่นำเสนอไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ระบุว่า จากการตรวจสอบ ส.ค.1 เลขที่ 11 เนื้อที่ 50 ไร่ มีนายสบู่ หาญทะเล เป็นผู้ครอบครองเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2498 ต่อมาเมื่อปี 2505 นางแบอ๊ะ หาญทะเล ได้มอบอำนาจให้นายบรรจง อังโชติพันธุ์ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ครอบครองเป็นนางแบอ๊ะ หาญทะเล และนางแบอ๊ะได้มอบอำนาจให้นายบรรจง ยื่นขอ น.ส.3เนื้อที่ 81 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา ให้แก่นางดารา มีรายละเอียดระบุว่า ทิศเหนือจดทะเล ทิศตะวันออกจดทะเล ทิศตะวันตกจดที่นายนายเจ๊หมัน หาญทะเล และทิศใต้จดที่ดินนายอุเทน หาญทะเล 

ผลการตรวจสอบของดีเอสไอระบุว่า จากข้อมูลเอกสารีที่ได้จากการลงพื้นที่พบว่าตำแหน่งที่ดินด้านทิศเหนือและทิศใต้ น.ส.3 เลขที่ 11 ที่นำมาใช้ในการออก น.ส.3 เลขที่ 11 มีเนื้อที่เพิ่มจากเดิมและทิศข้างเคียงเปลี่ยนแปลง ถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 2

ด้านนายเดชณรง อยู่กลาง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย เกาะหลีเป๊ะ กล่าวว่า อำเภอรับเรื่องที่มีประชาคมไปแล้ว 2 ประเด็นคือเรื่องลำรางและถนนสาธารณะ ส่วนเรื่องการตรวจเอกสารสิทธิ น.ส.3 ที่ได้มีการทำประชาคมไปก่อนหน้านี้ได้ส่งไปที่อำเภอแล้ว ซึ่งอำเภอจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการฯชุดที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นประธาน ในวันที่ 30 มกราคม ซึ่งคณะกรรมการฯจะลงมาพื้นที่ 

ขณะที่นางพนิดาวดี ปราชญ์นคร รองอธิบดีกรมที่ดินในฐานะโฆษกกรมที่ดิน กล่าวว่าเดิมที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะเป็นเขตหวงห้ามและได้มีการยกเลิกและกำหนดเป็นเขตอุทยานฯเมื่อปี 2517 และได้มีการขอ สค.1 รวม 41 แปลง โดยนามสกุลหาญทะเลแจ้ง 38 แปลง และเป็นที่ราชพัสดุ 1 แปลง ซึ่งได้มีการนำเอกสารนี้มาออกเป็น น.ส.3 จำนวน 18 แปลง สำหรับแปลงที่ 11 ที่เป็นปัญหานั้น ได้นำ ส.ค.1 มาขอ น.ส.3 จำนวน 81 ไร่และได้อุทิศที่ดินบางส่วนให้เป็นของสถานีอนามัยและโรงเรียน ที่เหลือเป็นรีสอร์ท และเป็นทางสัญจรภายหลัง

นางพนิดาวดี กล่าวว่าต่อมาได้มีการรังวัดทำแผนที่พิพาทส่งศาลเนื่องจากได้มีการกล่าวหาว่าครอบครองที่ดินเกินหลักฐานกว่า 69 ไร่ ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ หากพบการกระทำผิดหรือเอกสารสิทธิคลาดเคลื่อนก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิให้ชาวอูรักลาโว้ยที่อยู่มาก่อน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท