Skip to main content
sharethis

ในสหรัฐฯ 40% ของท้องถิ่นทั้งหมด หรือ1,272 จาก 3,141 เคาน์ตี มีอาชีพ 'ทนายความ' น้อยกว่า 1 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเหล่านี้จึงไม่สามารถเข้าถึงคำแนะนำทางกฎหมายได้โดยง่าย


ประเทศที่มีความก้าวหน้าในทุกด้านอย่างสหรัฐฯ กลับพบว่าในเขตชนบทนั้นขาดแคนอาชีพทนายความ | ที่มาภาพประกอบ: Wesley Fryer (CC BY 2.0)

เหมือนกับเรื่องตลก ที่อาจจะเป็นไปได้ว่านักกฎหมายจำนวนมากเกินไปในโลก แต่พื้นที่ชนบทหลายแห่งในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา กลับมี 'ทนายความ' น้อยเกินไป

จากรายงานพิเศษของสื่อที่เกาะติดเรื่องท้องถิ่นของสหรัฐฯ อย่าง Stateline ภายใต้ The Pew Charitable Trusts ที่เผยแพร่เมื่อช่วงเดือน ม.ค. 2566 ชี้ว่าแม้จะมีความพยายามในช่วงไม่กี่ปีมานี้โดยรัฐ มหาวิทยาลัย และสมาคมกฎหมาย เพื่อบรรเทาปัญหานี้ แต่การขาดแคลนนักกฎหมายยังคงเห็นได้ชัดในพื้นที่ชนบทห่างไกลหลายแห่ง กระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงคำแนะนำทางกฎหมายสำหรับปัญหาครอบครัว พินัยกรรม อสังหาริมทรัพย์ และธุรกรรมทรัพย์สินต่างๆ ได้อย่างสะดวก นอกเหนือไปจากข้อพิพาททางกฎหมายทางอาญาหรือทางแพ่ง ประชาชนในเขตพื้นที่ชนบทมักจะต้องขับรถเป็นระยะทางไกลไปยังอีกเมืองหนึ่งหรือพึ่งพาการประชุมทางวิดีโอทางไกลแทน

“นั่นเป็นปัญหาในการเข้าถึงเมื่อคุณขอให้ใครสักคนขับรถ 100 ไมล์ขึ้นไปเพื่อทำเอกสารเกี่ยวกับพินัยกรรมง่ายๆ หรือเอกสารการหย่าร้างง่ายๆ” แซม คลินช์ รองผู้อำนวยการบริหารของ Nebraska State Bar Association ทั้งนี้ในเมืองลินคอล์นและโอมาฮา ของรัฐเนแบรสกา มีโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ทนายความที่ประกอบวิชาชีพในเขตชนบท ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาโครงการนี้ได้สร้างทนายความ 39 คน ในพื้นที่ชนบทของรัฐ

ประมาณร้อยละ 40 ของเคาน์ตีทั้งหมดในสหรัฐฯ — 1,272 จาก 3,141 — มีทนายความน้อยกว่า 1 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน ซึ่งน้อยมากจนอาจจะกล่าวได้ว่าเป็น “ทะเลทรายทางกฎหมาย” จากการสำรวจจำนวนทนายความที่ครอบคลุมที่สุด ซึ่งจัดทำโดยเนติบัณฑิตยสภาของอเมริกา (American Bar Association)ในปี 2563

ผู้ประกอบอาชีพทนายความกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่

นอกจากนี้ยังมีการสำรวจขนาดเล็กเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ให้ผลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน การสำรวจสำมะโนทนายความโดยเนติบัณฑิตยสภาของอเมริกาในปี 2565 ไม่ได้ให้ภาพทนายความตามถิ่นที่อยู่ แต่จำนวนทนายความโดยรวมยังคงเท่าเดิม

โดยเฉลี่ยแล้วทั่วสหรัฐฯ มีทนายความประมาณ 4 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน แต่ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้มีความหมายมากนัก เนื่องจากทนายความจำนวนมากกระจุกตัวอยู่ในเมืองต่างๆ รัฐนิวยอร์กมีทนายความมากกว่ารัฐใดๆ ในประเทศ (184,000 คน) แต่ในเขตชนบทของรัฐนิวยอร์กก็เผชิญปัญหาเช่นเดียวกับที่อื่นๆ อย่างในเมืองออร์ลีนส์ รัฐนิวยอร์ก มีทนายความเพียง 31 คนสำหรับผู้อยู่อาศัยในเคาน์ตี 40,000 คน เท่านั้น

รัฐแคลิฟอร์เนียมีทนายความมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ แต่ในพื้นที่ชนบทก็ขาดแคลนทนายความด้วยเช่นกัน อย่างในเคาน์ตีเช่นเมอร์เซด มีทนายความ 0.74 คนต่อผู้อยู่อาศัย 1,000 คน

ปัจจัยที่มากกว่าตัวเงิน


สิ่งอำนวยความสะดวกทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหว่างชนบทกับเมืองใหญ่ เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ดึงดูดอาชีพทนายความให้ไปตั้งถิ่นฐานในชุมชนเล็กๆ | ที่มาภาพประกอบ: Charles Henry (CC BY-NC 2.0)

แม้ว่าตัวเงินจะมีความสำคัญ เนื่องจากทนายความมักทำเงินได้มากขึ้นในเมืองใหญ่ แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ ด้วยเช่นกันที่ทำให้ทนายความไม่สามารถประกอบอาชีพในชุมชนเล็กๆ ในชนบทได้ 

แฮนนาห์ แฮคส์การ์ด ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยเซาท์ดาโคตา กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าหาก “เป้าหมายคือการเป็นผู้มีรายได้สูง คุณควรไปที่เมืองใหญ่ๆ” แม้ว่าเธอจะเสริมว่าทนายความที่ทำงานเฉพาะด้าน เช่น พินัยกรรมหรือประเด็นที่เกี่ยวกับที่ดิน มักไม่ได้รับค่าตอบแทนจำนวนมากอยู่แล้วไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน แต่แบบแผนการใช้ชีวิตของอาชีพทนายความมีปัจจัยที่มากกว่าตัวเงิน เธอกล่าวเสริม

ในขณะที่ทนายความรุ่นใหม่ๆ มักจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขาดการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีและศิลปะในชุมชนเล็กๆ “บางคนกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงความบันเทิงได้แค่ฟาร์มปศุสัตว์และการแข่งขันโรดีโอ” เธอกล่าว “วัฒนธรรมในพื้นที่ชนบทกับเขตเมืองแตกต่างกันอย่างมาก ถ้าคุณต้องการไปดูซิมโฟนี คุณไม่สามารถทำได้หากคุณอาศัยอยู่ใจกลางโอคลาโฮมา”

ส่วนข้อกังวลอื่นๆ ได้แก่ การหางานที่เหมาะสมสำหรับคู่สมรส หรือการเข้าถึงโรงเรียนที่ดีของลูกๆ เป็นต้น

มาตรการดึงดูดอาชีพทนายสู่ชนบท

จากสถานการณ์เลวร้ายที่ในรัฐที่มีพื้นชนบทเป็นส่วนใหญ่ต้องเผชิญ เช่น รัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งมีทนายความเพียงไม่กี่รายที่ประกอบอาชีพอยู่นอกเมือง เซาท์ดาโคตาเป็นหนึ่งในไม่กี่รัฐที่สภานิติบัญญัติและผู้ว่าการรัฐตกลงร่วมกันเมื่อทศวรรษที่แล้วในการอนุมัติแผนการดึงดูดอาชีพทนายความสู่พื้นที่ชนบท

โครงการจัดหาทนายความในพื้นที่ชนบทได้ผลักดันทนายความใหม่ 32 คนไปยังพื้นที่ห่างไกลในรัฐ ตามคำกล่าวของแพทริก เกิร์ตซิงเกอร์ ทนายความของแรพิดซิตี อดีตประธานเนติบัณฑิตยสภาแห่งรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งเป็นผู้นำโครงการเมื่อทศวรรษที่แล้ว

ทนายความแต่ละคนจะได้รับค่าจ้าง 12,500 ดอลลาร์ฯ ต่อปีเป็นเวลา 5 ปี หากพวกเขาตกลงที่จะทำงานในเขตชนบท ค่าตอบแทนซึ่งเพิ่มเติมจากสิ่งที่พวกเขาได้รับจากการทำงานนั้นสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายของโรงเรียนกฎหมายหนึ่งปี ในขณะที่นักกฎหมายหลายคนใช้กู้ยืมจากกองทุนเพื่อการศึกษา เขากล่าวว่า พวกเขามีอิสระที่จะใช้เงินตามที่พวกเขาต้องการ แต่หากพวกเขาออกจากโครงการนี้ก่อน 5 ปี พวกเขาจะถูกริบเงิน

อย่างไรก็ตาม ช่องว่างของทนายความในชนบทและในเมืองยังคงกว้างอยู่ สื่อท้องถิ่นของรัฐเซาท์ดาโคตารายงานว่าร้อยละ 72 ของทนายความในรัฐเซาท์ดาโคตาอาศัยอยู่ใน 4 เมืองเท่านั้น

ในรัฐเนแบรสกา มีโครงการกองทุนการศึกษาด้านกฎหมายเพื่อบริการสาธารณะ และโครงการกองทุนช่วยเหลือการชำระคืนเงินกู้เพื่อการปฏิบัติงานในชนบท ปีงบประมาณที่แล้วจ่ายเงินให้ผู้เข้าโครงการ 34 ราย ระหว่าง 1,000-5,000 ดอลลาร์ฯ สำหรับเงินกู้ยืมเพื่อเรียนในโรงเรียนกฎหมาย หากผู้เข้าโครงการยอมทำงานในพื้นที่ชนบทที่กำหนด 

แซม คลินช์ รองผู้อำนวยการบริหารเนติบัณฑิตยสภาแห่งรัฐเนแบรสกา กล่าวว่านอกเหนือจากโครงการเงินกู้แล้ว สมาคมเนติบัณฑิตยสภายังร่วมมือกับมหาวิทยาลัยของรัฐ 3 แห่งเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่แสดงความสนใจจะเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมายและทำอาชีพทนายความในชนบท

“เราหวังว่าพวกเขาจะกลับไปชนบทในเนแบรสกา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็ได้” คลินช์ กล่าว พร้อมเสริมว่าจากการสำรวจของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการพบว่าร้อยละ 70 เติบโตในพื้นที่ชนบท เนติบัณฑิตยสภายังจัดทัศนะศึกษาไปยังพื้นที่ชนบทเพื่อให้นักเรียนกฎหมายได้พบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและทนายความ “ถ้าเราส่งทนายความหนึ่งคนไปยังชุมชนชนบทที่ต้องการได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ”

เพื่อดึงดูดทนายความหน้าใหม่ๆ โครงการฯ จะพูดถึงประสบการณ์ทางวิชาชีพที่ได้รับมากกว่าตัวเงิน “เราบอกพวกเขาว่าหากคุณไปเมืองใหญ่ หรืออยู่ในบริษัทกฎหมายขนาดใหญ่ คุณอาจได้รับคดีสักครั้งภายใน 2 ปี” คลินช์ กล่าว “แต่ถ้าคุณฝึกงานในเมืองเล็กๆ หรือพื้นที่ชนบท คุณจะได้ไปศาลภายใน 2 สัปดาห์แรก และเริ่มรับคดีในเดือนแรกเลย”. 


ที่มา:
Lack of Rural Lawyers Leaves Much of America Without Support (Elaine S. Povich, Stateline, 24 January 2023)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net