‘อ๋อม สกาวใจ’ เปิดใจเข้าเพื่อไทย ‘มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อแพ้’ พร้อมอาสาเป็นผู้แทน ปชช.เขตสะพานสูง ประเวศ ชี้เลือกเพื่อไทยเพราะเป็นพรรคเดียวที่ทำตามนโยบายได้จริง ขณะที่พรรคเปิด 3 กลยุทธ์หลัก ผู้สมัครเข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน นโยบายจับต้องได้ ทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น แคนดิเดตครบตามกฎหมายจำนวน 3 คน
6 ก.พ.2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทย รายงานต่อสื่อมวลชนว่า สกาวใจ พูนสวัสดิ์ หรือ ‘อ๋อม สกาวใจ’ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เขตสะพานสูง ประเวศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เนื่องจากตนอยู่ในวงการบันเทิงมา 30 กว่าปี มีรายได้เลี้ยงชีพและเป็นที่รู้จัก เพราะพี่น้องประชาชนมอบชื่อเสียงให้มา จะเป็นอ๋อม สกาวใจในวันนี้ไม่ได้เลย หากไม่ให้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน จึงอยากตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชนที่รักและเอ็นดู เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนตั้งแต่ตื่นจนหลับ ภาษีที่เสียไปหลากหลายรูปแบบ ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าหรือไม่ แม้ที่ผ่านมาได้ออกมาพูดถึง (call out) ปัญหาของบ้านเมืองมาโดยตลอดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้งอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก แม้ได้รับการแก้ไข แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว การแก้ปัญหาที่ยั่งยืนต้องแก้ที่ต้นเหตุด้วยการนำเอานโยบายดีๆ เสนอเข้าสู่สภาตามระบอบประชาธิปไตย จึงจะสามารถนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้าได้
สำหรับเหตุผลที่เลือกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากที่ผ่านมาตนเลือกอยู่ฝั่งประชาธิปไตยมาเป็นอันดับหนึ่ง หากจะเลือกลงการเมืองกับพรรคใดจะต้องเป็นพรรคที่เข้าถึงปัญหาและต้องยึดโยงผู้แทนกับประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจน จึงทำให้อุ่นใจ นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังเป็นองค์กรการเมืองที่เข้าถึงประชาชน นับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยจนมาถึงเพื่อไทย ซึ่งตนได้เห็นผลงานมาโดยตลอด พรรคเพื่อไทยสามารถตอบโจทย์นโยบายที่หาเสียงได้ทุกครั้ง เป็นพรรคเดียวที่คิดนโยบายและทำได้จริง จึงมีความมั่นใจเลือกพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้ยังมีนายพลภูมิ วิวัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเป็นที่ปรึกษาและได้ทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกัน และผู้ใหญ่ที่เคารพรักอย่างนายวิชาญ มีนชัยนันท์ และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด และอีกหลายคนในพรรคที่ได้เข้าไปพูดคุย ปรึกษาปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน การที่ตนเองมีชื่อเสียง อายุ 40 กว่าปี มาจากประชาชน และจากนี้ไปจะเข้ามาตอบแทนบุญคุณพี่น้องประชาชน เข้ามาแก้ปัญหาที่โครงสร้าง แก้นโยบายในภาพใหญ่ และแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ในการลงสมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง ประเวศ เพราะใช้ชีวิตครอบครัวในพื้นที่นี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อยู่ในหมู่บ้านนักกีฬามานานหลายปี สิ่งที่เห็นในวันนี้ควรพัฒนาให้มีความเจริญมากกว่านี้
สกาวใจ กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีเรื่องแปลกที่พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.อันดับหนึ่ง แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล หากรัฐบาลเป็นพรรคเพื่อไทย ประเทศคงไปได้ไกลกว่านี้ จึงอยากสอบถามประชาชนว่า วันนี้เราตื่นขึ้นมา กับ8 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ มีเพียงบางโครงการที่เดินต่อไปเท่านั้น ขณะที่สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ ค่าแรงเท่าเดิม นักเรียน นักศึกษา มองไม่เห็นอนาคต ผู้ใหญ่ไม่ฟังเด็ก เชื่อว่าตราบใดที่ยังมีรถถังออกมาเพ่นพ่านแบบนี้ ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากประเทศกำลังพัฒนาได้
“อ๋อมตัดสินใจไม่ผิด อ๋อมไม่ได้มาเพื่อแพ้ อ๋อมมาเพื่อชนะ ประเทศต้องก้าวไปข้างหน้า อ๋อมมั่นใจในตัวเอง มั่นใจในทีมงาน และมั่นใจในพรรคเพื่อไทย” สกาวใจ กล่าว
เอกภาพ หงสกุล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าพี่น้องชาวสายไหมยังรักพรรคเพื่อไทย และรักนางปวีณา หงสกุล ผู้เป็นพี่สาว โดยเขตสายไหมเป็นพื้นที่ที่ตนเติบโตมา ที่ผ่านมาได้ทำงานติดตามช่วยเหลือ ทำงานการเมือง พบปะประชาชน ร่วมกับพี่สาวมาโดยตลอด จากนี้ไปจึงอยากสานต่องานของพรรคและงานของพี่สาวต่อไปด้วย
กมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตบางขุนเทียน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้จะมีคู่แข่งจากพรรคอื่นที่ครองพื้นที่เขตบางขุนเทียน แต่มั่นใจว่าด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทย จะช่วยให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งได้
เปิด 3 กลยุทธ์หลัก ผู้สมัครเข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน นโยบายจับต้องได้ ทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น แคนดิเดตครบตามกฎหมายจำนวน 3 คน
ขณะที่ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความภาคภูมิใจเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จันทบุรี ซึ่งถือเป็นพื้นที่ศักยภาพสูง มีความโดดเด่นด้านเกษตรกรรม ท่องเที่ยวและประมง เป็นพื้นที่หมุดหมายของพรรคเพื่อไทยในการส่งเสริมศักยภาพให้กลายเป็นเมืองแห่งผลไม้และอัญมณี จึงขอเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จันทบุรีในวันนี้ และเปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง กทม.อีก 3 คน ทำให้ กทม.เปิดตัวผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครบทั้ง 33 เขตแล้ว
สำหรับยุทธศาสตร์และเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ต้องชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ต้องได้ ส.ส.มากกว่า 251 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อปิดกั้นอำนาจเก่า กลไกที่บิดเบี้ยวในรัฐธรรมนูญ ไม่ให้มายื้อแย่งประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้พวกเขาต้องการ ส.ส.เพียง 25 ที่นั่งเท่านั้นก็สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่พรรคเพื่อไทยต้องการชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย จาก 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. บุคลากรของพรรคเพื่อไทย และผู้แทนราษฎร ที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน
2. นโยบายที่เป็นประชาธิปไตยที่จับต้องได้ ทำได้จริง คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน เป็นสินค้าทางการเมืองที่พี่น้องประชาชนให้ความมั่นใจว่า เพื่อไทยประกาศแล้วทำได้จริง และเตรียมประกาศเพิ่มอีก 7 นโยบายหลังยุบสภา
3. แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่จะได้รับความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนและนานาอารยประเทศให้การยอมรับ ซึ่งมีครบตามกฎหมายจำนวน 3 คน เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจเพื่อนำพาประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตได้ ที่จะเป็นผู้นำพาการเลือกตั้งให้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมประกาศทั้ง 3 รายชื่อในเวลาอันใกล้นี้
“กทม.เป็นหัวใจของประเทศไทย เป็นศูนย์การการเมืองการปกครอง เป็นศูนย์กลางทางมิติสังคม สะท้อนทุกอย่างภายในประเทศ เป็นพื้นที่ที่เพื่อไทยให้ความสำคัญมาก เรามั่นใจว่า ส.ส. ว่าที่ผู้สมัคร และ ส.ส.ในอนาคต จะตอบโจทย์พี่น้องประชาชนทุกมิติ ฝากชาว กทม.ช่วยกันพิจารณาสร้างโอกาสร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่ออนาคตของ กทม.และประเทศชาติ เพื่อไทยยึดมั่นถือประชาชนเป็นหัวใจ ร่วมชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ให้ถล่มทลาย” ชลน่านกล่าว
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทำงานต่อเนื่องเพื่อประชาชน โดยวานนี้ที่ได้ลงพื้นที่ภูเก็ตและพังงา ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และในฐานะของ ส.ส.นครราชสีมาผู้แทนของคนโคราช ขอขอบคุณชาวโคราชที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส.ส.แบ่งแขตและบัญชีรายชื่อ จากโพลนิด้าล่าสุด ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยขอเปิดตัว ผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ภาคตะวันออก 2 คน และ กทม.อีก 3 คน ได้แก่
ภาคตะวันออก 2 คน ได้แก่
- จันทบุรี
1. นายวันทิตย์ ตั้งรักษาสัตย์
2. นายนิติรุจน์ ศิระวิเชษฐ์กุล
กทม.3 คน ได้แก่
1.นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ กทม. เขตสะพานสูง ประเวศ
2.นายเอกภาพ หงสกุล กทม. เขตสายไหม
3.นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่ กทม. เขตบางขุนเทียน
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พื้นที่ กทม.ในขณะนี้ มีความพร้อมทุกด้านได้แก่
1. ความพร้อมด้านผู้สมัครครบทั้ง 33 เขต ทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนล้วนมีความรู้ความสามารถ ลงพื้นที่ต่อเนื่อง เข้าใจถึงปัญหาในพื้นที่พร้อมรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ
2. ความพร้อมเรื่องนโยบาย ทุกนโยบายของพรรคเพื่อไทย และนโยบายของ กทม. กลั่นกรองมาจากปัญหาของประชาชนในพื้นที่ เช่นเดียวกับนโยบายของ ส.ก.ที่ทำได้จริง ด้วยนโยบายที่ คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ทุกนโยบายทำได้จริง
3. ความพร้อมของพรรคเพื่อไทยในการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ เพราะตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของรัฐบาลปัจจุบัน ประเทศประสบกับวิกฤติมากมาย โดยเฉพาะวิกฤติด้านเศรฐกิจ ปากท้อง การแพร่ระบาดของโรค ยาเสพติด และการทุจริตในวงกว้าง ทุกอย่างล้วนสะท้อนถึงล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้
“ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องเปลี่ยนรัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาแก้ไขวิกฤติของประเทศ พรรคเพื่อไทย ขออาสา มาแก้ไขวิกฤติของประเทศ โดยนำ ส.ส.ที่มีคุณภาพ นโยบายดีๆที่สามารถทำได้จริง และเคยสำเร็จมาแล้วในอดีต ให้กลับมาพลิกฟื้นประเทศในครั้งนี้ ดิฉันขอโอกาส จากพี่น้อง กทม. และพี่น้องทั้งประเทศ โปรดใช้สิทธิ์ของท่าน ร่วมกันพลิกฟื้นประเทศ โดยเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เราจะก้าวข้ามอดีต และร่วมกันสร้างอนาคตของประเทศไปด้วยกัน” พวงเพ็ชร กล่าว
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในพื้นที่ต่างๆในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับทราบปัญหาและนำเสนอนโยบายไปสู่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการลงพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ตและพังงา ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี