Skip to main content
sharethis

กสม. ชี้สายการบินปฏิเสธไม่ให้คนพิการนำรถเข็นไฟฟ้าโดยสารไปกับเครื่องบินและสนามบินเชียงใหม่ถอนงวงช้างจนรถเข็นไถลเป็นการละเมิดสิทธิฯ แนะสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขข้อปฏิบัติและกฎหมายเพื่อให้คนพิการได้รับบริการตามมาตรฐานสากล

9 ก.พ.2566 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนรายงานว่า วสันต์ ภัยหลีกลี้ ในฐานะ กสม. เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนประเด็นสิทธิคนพิการว่า ผู้ร้องเป็นตัวแทนผู้เสียหายที่เป็นผู้พิการสัญชาติอิสราเอลและต้องใช้รถเข็นไฟฟ้าสำหรับเคลื่อนที่ได้ประสบปัญหาสายการบินไม่ให้เอารถเข็นของเขาขึ้นเครื่องและไม่คืนค่าโดยสารแม้จะมีการแจ้งล่วงหน้าก่อนเดินทาง และยังถูกห้ามขึ้นเครื่องเกือบผลัดตกจากทางเชื่อมสนามบินกับเครื่องบิน(งวงช้าง)

รายงานระบุว่า ผู้เสียหายได้จองบัตรผ่านเว็บไซต์จากสายการบินแห่งหนึ่งเพื่อเดินทางจากท่าอากาศยานเชียงใหม่มาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกรุงเทพ และได้มีการแจ้งข้อมูลรถเข็นที่บรรจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาดความจุ 240 วัตต์-ชั่วโมงล่วงหน้าให้สายการบินทราบก่อน 48 ชั่วโมงแล้ว แต่สายการบินแจ้งว่าไม่มีนโยบายอนุญาตให้นำรถเข็นไฟฟ้าขึ้นเครื่องได้ เมื่อผู้เสียหายขอคืนค่าโดยสารสายการบินกลับปฏิเสธจะคืนค่าโดยสาร
ต่อมาผู้เสียหายได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ พนักงานของสายการบินดังกล่าวได้ตรวจสอบและให้ผู้เสียหายแสดงเอกสารเกี่ยวกับแบตเตอรี่อีกหลายครั้งอยู่นานกว่า 90 นาที ผู้เสียหายจึงรีบไปที่ประตูเครื่องบินให้ทันเวลา แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินและนักบินได้ถอยเครื่องบินออกจากสะพานเทียบเครื่องบิน ทำให้ผู้เสียหายเกือบพลัดตก

ผู้ร้องเห็นว่า การกระทำของสายการบินและท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็นการปฏิบัติ ที่ไม่เหมาะสมต่อคนพิการ จึงขอให้ตรวจสอบ และขอให้แก้ไขปัญหาเชิงระบบ

กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับสิทธิคนพิการที่มีการรับรองไว้
ในรัฐธรรมนูญพ.ศ. 2560, อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ และพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต
คนพิการ พ.ศ. 2550 ที่รับรองความเท่าเทียมและการไม่เลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ทั้งนี้เมื่อ กสม.ตรวจสอบแล้วพบข้อเท็จจริงดังนี้

(1) กรณีสายการบินปฏิเสธโดยอ้างว่ารถเข็นของผู้เสียหายมีกำลังไฟฟ้าเกินกว่ามาตรฐานของสายการบิน และอาจกระทบความปลอดภัยของผู้โดยสารนั้นเป็นการกระทำของสายการบินที่กระทบสิทธิของผู้เสียหายในการเดินทาง โดยไม่คำนึงว่าผู้เสียหายประสงค์จะเดินทางตามลำพัง รวมถึงมีประเด็นการใช้เวลาตรวจสอบแบตเตอรี่นานถึง 60 นาที ทั้งที่ผู้เสียหายได้แจ้งรายละเอียดล่วงหน้าแล้ว แต่จากการตรวจสอบพบว่ามาตรฐานความจุและกำลังไฟของแบตเตอรี่ลิเธียมของสายการบินแห่งนี้แตกต่างจากมาตรฐานตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับอุปกรณ์ต้องห้าม และหลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ. 2559 ที่ยกเว้นสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือแบตเตอรี่ของรถเข็นไฟฟ้า

กสม.เห็นว่าแม้สายการบินแห่งนี้ได้ชดใช้ค่าเสียหายตามที่เกิดขึ้นจริงให้แก่ผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ของวุฒิสภา ว่าจะทบทวนปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับการอนุญาตให้นำแบตเตอรี่ของรถเข็นไฟฟ้าขึ้นอากาศยานได้ แต่จนถึงธันวาคม 2565 สายการบินดังกล่าวยังคงเป็นสายการบินที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวที่ห้ามนำแบตเตอรี่ของรถเข็นไฟฟ้าขึ้นอากาศยาน จึงทำให้เห็นว่าสายการบินดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการปรับปรุงเงื่อนไขการให้บริการ และยังทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้โดยสารพิการอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

(2) กรณีท่าอากาศยานเชียงใหม่ใช้ระยะเวลาตรวจสอบแบตเตอรี่รถเข็นไฟฟ้าของผู้เสียหาย
จนเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้า เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารอากาศยาน และกระทำต่อบุคคลทุกคน ณ จุดรักษาความปลอดภัย โดยกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานไว้ว่า กรณีของแบตเตอรี่ลิเธียมขนาดใหญ่
ที่ใช้ในยานพาหนะไฟฟ้า จะห้ามมิให้พาไปกับอากาศยาน แต่ต้องส่งไปในลักษณะสินค้า ตามข้อกำหนดทางเทคนิคที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ดี กรณีของแบตเตอรี่ของรถเข็นไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ช่วยเคลื่อนที่สำหรับผู้โดยสารที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหวจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ อายุ หรือปัญหาชั่วคราว สามารถพาไปกับอากาศยานได้ โดยต้องแจ้งให้สายการบินทราบเพื่อดำเนินการต่อไป

กสม.เห็นว่า การตรวจสอบแบตเตอรี่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่ภายใต้กรอบอำนาจของตน จึงไม่เป็นการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้เสียหายแต่อย่างใด

(3) กรณีผู้เสียหายเกือบตกจากสะพานเทียบเครื่องบิน หลังจากถูกปฏิเสธการโดยสาร ท่าอากาศยานเชียงใหม่ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ดำเนินการเคลื่อนสะพานเทียบเครื่องบิน ชี้แจงว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน และต่อให้ผู้เสียหายไถลไปชนประตู ก็จะไม่ตกลงไปแต่อย่างใด แต่เหตุที่ผู้เสียหายไถลไปเกิดจากสะพานเทียบเครื่องบินมีความลาดชัน ประกอบกับมีการเคลื่อนย้ายสะพานเทียบเครื่องบินออกจากตัวอากาศยาน เห็นได้ว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังที่เพียงพอ กับการให้ความปลอดภัยต่อผู้โดยสาร อันเป็นภารกิจหลักของการดำเนินงานที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินได้ จึงเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ผู้โดยสารชาวอิสราเอลชี้ สายการบินเลือกปฏิบัติ เหตุไม่ให้นำแบตฯวีลแชร์ขึ้น-ตรวจจนตกเครื่อง

กสม.จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปยังสายการบิน ให้พิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้นำแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับรถเข็นไฟฟ้าของคนพิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ไปกับอากาศยาน ให้เป็นไปตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับอุปกรณ์ต้องห้าม และหลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ. 2559 และตามมาตรฐานขององค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) และให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่กำกับการให้บริการต่อผู้โดยสารพิการ โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งปรับปรุงขั้นตอนการจัดการสะพานเทียบเครื่องบิน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลให้ผู้โดยสารได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบนี้

นอกจากนั้น กสม.ยังให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติแก่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยให้เคร่งครัดในการกำกับ ติดตามและประเมินผลการให้บริการของสายการบินให้เป็นไปตามมาตรฐาน หากพบกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้โดยสาร จะต้องดำเนินการสอบสวนและนำผลไปประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตหรือการอนุญาตให้บริการ จนกว่าจะมีมาตรการในการปรับปรุง

กสม.ยังให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมท่าอากาศยาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้บริการเกี่ยวกับท่าอากาศยาน ดำเนินการพิจารณาปรับปรุงสนามบิน รวมถึงจัดอุปกรณ์ให้บริการที่รองรับผู้โดยสารพิการทุกประเภท และผู้สูงอายุ โดยในระยะสั้น ให้ปรับปรุงนโยบายการจัดอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารพิการ อันเป็นหน้าที่การให้บริการของสนามบิน และงดจัดเก็บค่าใช้อุปกรณ์ เช่น ลิฟต์ยก จากสายการบินหรือผู้โดยสาร และในระยะยาว ควรดำเนินการปรับปรุงอาคารสถานที่ โดยคำนึงถึงหลักอารยสถาปัตย์ (Universal Design) และจัดซื้ออุปกรณ์ในการช่วยขนส่งผู้โดยสารพิการขึ้นเครื่องบินให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ และรองรับสภาพสังคมผู้สูงอายุ

สุดท้าย กสม.มีข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรี โดยให้กระทรวงคมนาคมทบทวนแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศยานของผู้โดยสารพิการให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และมาตรฐานขององค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) โดยเฉพาะประเด็นการปฏิเสธการรับขนผู้โดยสารและปฏิเสธการรับขนคนพิการ และประเด็นมาตรฐานสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่สายการบินและท่าอากาศยานต้องจัดให้ผู้โดยสารพิการ รวมทั้ง ให้กระทรวงคมนาคม และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พิจารณายกระดับประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับอุปกรณ์ต้องห้าม และหลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ. 2559 ให้มีสถานะเป็นกฎหมาย เพื่อให้สามารถบังคับใช้กับทุกสายการบินที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net