Skip to main content
sharethis

ช่วงปี 2559-2564 พบ 'คนทำงานรุ่นมิลเลนเนียล' ในสหรัฐฯ สร้างครอบครัวใหม่เพิ่มมากขึ้น หลังก่อนหน้านี้ต้องเลื่อนออกจากบ้านพ่อแม่เพื่อสร้างครอบครัวเองตั้งแต่วิกฤตซับไพรม์เป็นต้นมา


ที่มาภาพประกอบ: Andrea Piacquadio (CC)

จากรายงานพิเศษของสื่อที่เกาะติดเรื่องท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา อย่าง Stateline ภายใต้ The Pew Charitable Trusts พบว่าตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2564 เกือบทุกรัฐในสหรัฐฯ จำนวนคนทำงานวัยหนุ่มสาวที่มีอายุระหว่าง 25-44 ปีสร้างครัวเรือนใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นพัฒนาที่สำคัญทั้งเรื่องจำนวนประชากร การเติบโตทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่นในรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ

สำหรับคนทำงาน 'รุ่นมิลเลนเนียล' (Millennial) จำนวนมาก ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยครั้งใหญ่อย่าง 'วิกฤตซับไพรม์' ได้ทำให้พวกเขาต้องเลื่อนการออกจากบ้านพ่อแม่เพื่อไปสร้างครอบครัวใหม่เอง แต่เกิดปรากฎการณ์ที่คนทำงานรุ่นมิลเลนเนียลเริ่มกลับออกมาสร้างครอบครัวเองอย่างรวดเร็วเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ตามการวิเคราะห์ข้อมูลสำมะโนประชากรใหม่จาก American Community Survey โดย Stateline 

Greatest Generation (หรือ G.I. Generation) เกิดระหว่างปี พ.ศ.2444-2467 (ค.ศ.1900-1924) 
Baby Boomer (หรือ Gen-B) เกิดระหว่างปี พ.ศ.2489-2507 (ค.ศ.1946-1964) 
Generation X (หรือ Gen-X) เกิดระหว่างปี พ.ศ.2508-2522 (ค.ศ.1964-1979)
Millennial Generation (หรือ Generation Y, Gen-Y) เกิดระหว่างปี พ.ศ.2523-2540 (ค.ศ.1980-1997)
Generation Z (หรือ Gen-Z) เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) เป็นต้นไป

ที่มา: เจเนอเรชั่นไหน? เกิดระหว่างปีใด? (TCIJ, 6 พ.ย. 2561)

สำหรับคู่รักบางคู่ การออกมาสร้างครอบครัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการมีลูก การก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ และสิ่งของอื่นๆ นับไม่ถ้วนที่จำเป็นสำหรับบ้าน สิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตและการค้าปลีกของท้องถิ่นตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ราคาที่อยู่อาศัยและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในปี 2565 ที่ผ่านมา อาจทำให้แนวโน้มนี้ชะลอตัวลง

ครัวเรือน 'ชาวมิลเลนเนียล' ที่เพิ่มขึ้น

รัฐฟลอริดาและรัฐนิวเจอร์ซีย์เป็นหนึ่งในรัฐที่มีครัวเรือนหนุ่มสาวเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างปี 2559-2564 เนื่องจากมีประชากรคนรุ่นมิลเลนเนียลจำนวนมาก

ส่วนรัฐนิวอิงแลนด์ซึ่งมีพ่อแม่อายุ 30 ปี เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จำนวนครัวเรือนที่นำโดยคนอายุระหว่าง 25-44 ปี เพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ (2554-2559)

“เราเห็นเพียงการกลับมาที่นิวเจอร์ซีย์ครั้งใหญ่ของคนรุ่นมิลเลนเนียลในปี 2563 และ 2564 ก่อนหน้านั้นพวกเขาออกจากรัฐเพื่อไปยังนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย แต่พวกเขาพบว่าการใช้ชีวิตในกล่องรองเท้าที่บรู๊คลินนั้นไม่น่าดึงดูดนักเมื่อมีโรคระบาดและกำลังเลี้ยงลูก” เจมส์ ฮิวจ์ส ศาสตราจารย์ด้านการวางผังเมืองแห่งมหาวิทยาลัยรัตเกอร์สกล่าว

ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ จำนวนครัวเรือนที่มีหัวหน้าครอบครัวอายุ 25-44 ปี เพิ่มขึ้น ร้อยละ 13 ระหว่างปี 2559-2564 หลังจากที่ลดลง ร้อยละ 7 ระหว่างปี 2554-2559 (อนึ่ง 'ครัวเรือน' หมายถึง "บุคคลหรือกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน รวมถึงครอบครัวและคู่รัก")

จำนวนครัวเรือนในรัฐเมนที่นำโดยคนรุ่นมิลเลนเนียลเพิ่มขึ้น ร้อยละ 21 ระหว่างปี 2559-2564 หลังจากที่ลดลง ร้อยละ 12 เมื่อ 5 ปีก่อน ในรัฐฟลอริดา อัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 18 หลังจากไม่มีการเติบโตเลยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

การวิเคราะห์ที่เผยแพร่เมื่อเดือน ม.ค. 2566 โดย Joint Center for Housing Studies แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าการเติบโตของครัวเรือนที่มีหัวหน้าครอบเป็นคนรุ่นมิลเลนเนียลมากที่สุดนั้น เกิดขึ้นระหว่างปี 2562-2564 ส่งผลให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยสูงซึ่งทำให้ราคาบ้านและค่าเช่าสูงขึ้น

“บางทีพวกเขาอาจต้องการออกไปสร้างครอบครัวด้วยตัวเองไวกว่านี้ แต่ตอนนั้นพวกเขายังทำไม่ได้” แดเนียล แมคคิว ผู้ร่วมวิจัยอาวุโสของศูนย์และผู้เขียนบทวิเคราะห์ของฮาร์วาร์ดกล่าว

จากการสำรวจของ National Association of Realtors พบว่า ร้อยละ 27 ของผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ออกย้ายจากบ้านของพ่อแม่ ตรงกับช่วงระหว่าง ก.ค. 2564 ถึง มิ.ย. 2565 

อุปสรรคด้านราคา ที่กีดกันผู้ซื้อบ้านผิวสี


ที่มาภาพ: TierraMallorca (TierraMallorca)

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในการแยกออกมาสร้างครอบครัวใหม่คือ ค่าเช่า ราคาบ้าน และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในปี 2565

จากการสำรวจของ Realtors ในปี 2565 สัดส่วนโดยรวมของผู้ซื้อบ้านหลังแรกอยู่ที่ร้อยละ 26 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ลดลงจากร้อยละ 34 จากปี 2564 ความเหลื่อมล้ำทางเชื้อชาติก็แย่ลงเช่นกัน ผู้ซื้อบ้านกว่าร้อยละ 88 เป็นคนผิวขาว ตั้งแต่กลางปี 2564 ถึงกลางปี 2565 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 82 ในปีก่อนหน้านั้น

ค่าเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ผู้คนเก็บเงินดาวน์ได้ยากขึ้น “ยิ่งรั้งผู้ซื้อผิวสีซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ซื้อครั้งแรกมากกว่าคนอื่นๆ” รายงานของ Realtors สรุป

เริ่มลดความร้อนแรงลงตั้งแต่ปี 2565


ที่มาภาพ: paulbr (Pixabay License)

ในรายงานเมื่อปี 2565 แดเนียล การ์เซีย โมลินา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงอัตราการก่อตัวของครัวเรือนใหม่ที่สูงเป็นพิเศษระหว่างปี 2562-2564 แต่ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าจะมีการเปลี่ยนกลับไปสู่อัตราที่ต่ำกว่า 

“เราได้เห็นว่าในปี 2564 ดูเหมือนจะเป็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จากวันแรกของการแพร่ระบาดที่คนหนุ่มสาวจำนวนมากย้ายกลับเข้ามาอยู่กับครอบครัว” การ์เซีย โมลินา กล่าว "อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 ครัวเรือนใหม่ได้ลดลงอีกครั้งสู่ระดับเมื่อปี 2562"

ริค แฮริสัน วัย 33 ปี ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาก่อสร้าง ย้ายไปที่ฟอร์ต ไมเออร์, รัฐฟลอริดา จากบ้านเกิดที่คอนเนตทิคัตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาและภรรยาเพิ่งได้ซื้อบ้านหลังแรก ทั้งที่ตั้งเป้าว่าจะซื้อเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

“สำหรับคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen-Z ในตอนนี้ บ้านต้องเป็นสิ่งที่คุณสามารถซื้อได้อย่างสบายใจ แม้จะมีความไม่แน่นอนมากมายเกี่ยวกับเศรษฐกิจในตอนนี้” แฮริสัน กล่าว “ความมั่นคงในหน้าที่การงานอาจไม่ใช่เรื่องจริงจังเสมอไป แต่คุณก็คงไม่อยากลงเอยด้วยการมีบ้านในฝัน แต่ฐานะทางการเงินกลับแย่ลง”


ที่มา:
More Millennials Are Leaving the Nest to Form Their Own Households (Tim Henderson, Stateline, 1 February 2023)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net