มท. แจ้งความเอาผิด เป็นต่อกรุ๊ป ‘ชูวิทย์’ ยกเคส ‘สารวัตรซัว’ สะท้อนความเหลื่อมล้ำในระบบราชการ

มท.แจ้งความ ‘เป็นต่อกรุ๊ป’ จัดตั้งมูลนิธิทิพย์ ‘ชูวิทย์’ แฉต่อเนื่อง ยกเคส สารวัตรซัว สะท้อนความเหลื่อมล้ำในระบบราชการ

13 ก.พ. 66 หลายสำนักข่าวรายงานตรงกันว่า สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกรณีที่กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการปกครองดำเนินการตรวจสอบกรณีมีการใช้ชื่อระบุว่ามูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ปซึ่งพบว่าไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น ระบุว่าวันนี้ (13 ก.พ.) ได้มอบหมายให้ พนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิ ไปแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้งเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของมูลนิธิเป็นต่อ หลังพบว่าไม่ได้มีการจดแจ้งขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ

มท.แจ้งความเอาผิด มูลนิธิทิพย์

ชงดีอีเอส สอบเว็บด้วย 

สุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนในชื่อของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ใน 3 ความผิดฐาน คือ

  1. พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 ที่ได้ใช้คำว่า “มูลนิธิ” ประกอบกับชื่อในดวงตราและเอกสารอื่นเกี่ยวกับธุรกิจ โดยมิได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิ
  2. พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ศ. 2487 มาตรา 8 ประกอบมาตรา 17
  3. พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14 นำข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ไทยรัฐออนไลน์รายงานเพิ่มเติมว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังได้ลงนามหนังสือถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ภายหลังกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ www.pentorfoundation.com ซึ่งการกระทำของบุคคลที่แอบอ้างใช้คำว่ามูลนิธิผ่านเว็บไชต์ดังกล่าวข้างต้น อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายและเป็นการกระทำที่อาจทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อาจเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 เพื่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ปลัด มท. กล่าวอีกว่า “กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิจังหวัดกำชับนายอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบการดำเนินงานของมูลนิธิต่างๆ ที่อาจเกี่ยวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายว่ามีการขออนุญาตก่อตั้งมูลนิธิ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินกิจการของมูลนิธิที่ได้มีการก่อตั้งแล้ว หากพบความผิดปกติทางการเงิน หรือไม่ได้มีกิจกรรม หรือมีการดำเนินการที่เข้าข่ายความผิด ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด” 

ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจระบุว่า มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป คือหนึ่งในเครือข่าย “เป็นต่อ กรุ๊ป” ที่มี เป็นต่อ กรุ๊ป โฮลดิ้ง" เป็นบริษัทแม่ดำเนินธุรกิจหลายอย่าง โดยมี “สารวัตรซัว” หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล เป็นเจ้าของ บริหารผ่าน 3 คีย์แมนสำคัญคือ ธีรพงศ์ ทองสุวรรณ อุกฤษฎ์ สิทธิสังข์ และอดิสรณ์ กฤษวงศ์

โดยก่อนหน้านี้ บีบีซีไทยรายงานคำพูดของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ผู้เคยออกมาเปิดโปงเครือข่ายทุนจีนสีเทาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก หลังจาก ดิว อริสราออกมาอัดคลิปแฉอดีตแฟนที่เกี่ยวพันกับเว็บพนันมาเก๊า 888 ทางเฟซบุ๊กว่า นอกจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ของพี่น้อง 4 บ. แล้ว "พนันออนไลน์ที่ทำจนใหญ่โต มีเจ้าของเป็นทั้ง 'นายตำรวจ' ด้วย เป็น 'นายบ่อน' ด้วย ยังมีอีกหลายฝูง"

ชูวิทย์บอกว่า มาเก๊า 888 เป็นไซส์ S (ขนาดเล็ก) แต่ไซส์ L คือ "สารวัตรซัว แห่งเป็นต่อกรุ๊ป"

โดยชูวิทย์อ้างว่า ธุรกิจนี้มีเงินหมุนเวียนเป็นพันล้าน และใช้เส้นสายโรงเรียน ภปร. สามพราน เชื่อมโยงถึงนายพล "จ." นอกจากนี้ ยังใช้ "ลูกน้องหัวกะทิ" ทำพนันออนไลน์ "ตั้งแต่ยศร้อยตำรวจตรี ยันวันนี้เป็นพันตำรวจโท" และมีการจัดตั้งสหกรณ์เป็นของตัวเอง เปิดบริษัทบังหน้าเป็นสิบบริษัท

"สารวัตรซัว แต่ก่อนเคยอยู่ไซเบอร์ เป็นมือเก็บเว็บพนันอื่น ๆ ส่งให้นายพล 'จ' ที่วันนี้แม้ไม่อยู่ไซเบอร์แล้ว แต่ยังกินเศษเงินจากพวกพนันออนไลน์อยู่"

ชูวิทย์ยังเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งจัดการนายตำรวจกลุ่มที่เขากล่าวหา โดยเขาจะให้เวลาจนถึงวันจันทร์ที่ 13 ก.พ. นี้

“ตำรวจเสื่อมเพราะตำรวจเองครับ ผบ.ตร. ต้องกล้าฟัน หากช้า เดี๋ยวจะเจอนารีพิฆาตอย่าง มาเก๊า 888 อีก”

'ชูวิทย์' แฉ แก็งลูกน้องสารวัตรซัว

ล่าสุดวันนี้ (13 ก.พ.) พีพีทีวีรายงานความคืบหน้าจากโพสต์ล่าสุด ของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ผู้ที่ออกมาแฉธุรกิจสีเทา ระบุข้อความว่า ตำรวจสีเทา มั่วซั่ว โดดเด่น จากการกระชากหน้ากากคนอย่าง “สารวัตรซัว” มีอาชีพเป็นตำรวจ แต่มีธุรกิจต่างประเทศ ทั้งคาสิโน บ่อนออนไลน์ และตั้งศูนย์เซิร์ฟเวอร์ ในประเทศมีธุรกิจเป็นสิบบริษัท ร่ำรวยขยายงานไม่หยุดยั้งของสารวัตรซัว ล้วนเอาเวลาราชการตำรวจมาทำ หากอ้างว่า ทำนอกเวลา ต้องไม่มีเวลาเหลือให้นอน เพราะเกินมนุษย์ปกติ แถมยังมีเวลาบินไปปอยเปต ไปสิงคโปร์ ไปลอนดอน

ในโพสต์ชูวิทย์ ยังระบุว่า นอกจากใช้ยศตำรวจบังหน้า ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชนยังเอาเวลาราชการเบียดบังไปขยายธุรกิจสีเทา ถึงขนาดไปซื้อ “อาบอบนวด” ของกำพล วิคตอเรีย ผู้ต้องหาหนีคดีค้ามนุษย์ ที่ชื่อ “โคปา คาบานา” ย่านรัชดา แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ลาลิซ่า” โดยใช้ลูกน้องถือหุ้นแทน หากไล่สอบย่อมรู้ว่าเป็น “นอมินี” แม้จะรีบเปลี่ยนชื่อหลังเรื่องดัง

ตำรวจ 200,000 กว่านาย ที่เป็นตำรวจอาชีพจะรู้สึกอย่างไร กับการทำงานที่หลังขดหลังแข็ง นี่เป็นระบบ “ความไม่เท่าเทียม เหลื่อมล้ำ” ในสังคมข้าราชการทุกวันนี้

อย่าง “นายพล จ.” สร้างภาพเข้มงวด จัดระเบียบใหม่พนันออนไลน์ หลังจับทางถูกตั้งนโยบายแบ่งประเภทจ่าย รายเล็ก 50,000 บาท รายกลาง 100,000 บาท รายใหญ่ 200,000 บาทต่อเดือน จนพนันออนไลน์เฟื่องฟู ตัวเลขจับกุมน้อย ยึดอายัดได้จิ๊บจ้อย นอกจากนี้ กินบนอากาศ หรือ พนันออนไลน์แล้ว ยังตามไปกินในทะเล คือ น้ำมันเถื่อนด้วย

ส่วนตำรวจรุ่นใหม่ เด็กๆ เลือกทำอาชีพ “พนันออนไลน์” ได้ขับรถซุปเปอร์คาร์ มีเงิน มียศ อย่าง “มาเก๊า 888”

ต่อมา ชูวิทย์ ได้โพสต์เพิ่มเติม เปิดตัวแก๊งลูกน้องสารวัตรซัว "รูบี้-กอล์ฟ-เต็น-ตั้ว" โดยระบุบางช่วงบางตอนว่า เว็บต่างๆ เป็นพันเว็บที่ลงท้ายด้วย “Bet” และอื่นๆ ล้วนของท่านสารวัตรซัวทั้งหมด ทำร่วมกับ “ลุค” หุ้นส่วนคู่ซี้

เด็กเส้นติดตามสารวัตรซัวอีกคนชื่อ “รูบี้” (ศิษย์เก่ารุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน) ที่แม้แต่ตำรวจกองปราบยังถอย เพราะไปเจอตอ และยังมีลูกข่ายอีกเป็นพันๆ คน ยังไม่นับรวม กอล์ฟ เต็น ตั้ว “แก๊งตำรวจ รุ่นพนันออนไลน์” อีก

ชูวิทย์ บอกว่า ตอนนี้ตัวเองแฉแล้ว อยากให้หาช่องทางจับสักทีเถอะครับ เพราะยังไงสารวัตรซัวก็คงไม่เดือดร้อน มีบ้านมีเงินฝากอยู่ลอนดอนหลายร้อยล้านปอนด์ กินหลายชาติก็ไม่หมด แต่ล้วนเอามาจากคนไทยตอนใส่เครื่องแบบตำรวจทั้งนั้น

เดี๋ยวนี้เว็บพนันเปิดเผย ทำบุญ ทำกฐิน ยังใส่ชื่อเว็บ “ปารีสคลับ 888” ร่วมทำบุญ ไม่ต้องเกรงใจ 3 หน่วยงานใหญ่ปราบไซเบอร์

สำหรับกรณี อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณราชการไปแล้วโทรศัพท์มาหา แต่ชูวิทย์ ไม่ได้รับสายโทรศัพท์ เชื่อว่า อดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มีความประสงค์ที่จะเป็นคนกลางในการให้ นายพล จ. ซึ่งชูวิทย์ ยืนยันว่าจะไม่มีการพูดคุยกับ นายพล จ. เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องพูดคุยอะไรกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท