Skip to main content
sharethis

"ชลน่าน" แถลงเปิดอภิปรายทั่วไป ฝ่ายค้านจะอภิปราย "กระชากหน้ากากคนดี" ตลอด 2 วัน พร้อมเปิดประเด็นมีประชาชน 14 ล้านไม่ได้งบดูแลสุขภาพเพราะ รมต.สาธารณสุขไม่เซนอนุมัติงบให้เพราะเกรงจะทำผิดกฎหมายช่วงเลือกตั้ง

15 ก.พ.2566 ที่รัฐสภา ชลน่าน ศรีแก้ว พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวเปิดการอภิปรายโดยกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น ทั้งการไม่ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการของรัฐบาล ความรุนแรงในสังคมเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู น้ำท่วมใหญ่ปี 2565 การจัดสรรงบประมาณที่ไม่สอดคล้อง ไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม ประเด็นการทุจริต การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ปัญหาที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ประธานวิปฝ่ายค้านอภิปรายว่าการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปฏิบัติหรือดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาที่สัญญาว่าจะเร่งดำเนินการ เช่น การแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน พบว่า ประชาชนระดับรากหญ้ายังมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในสังคมสูงมากเกิดภาวะรวยกระจุกจนกระจาย คนไร้ที่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ปัญหาประมงพื้นบ้านยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ประมงระดับชาติก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการออกพระราชกำหนดของรัฐบาล กลุ่มมารดาตั้งครรภ์ก็ยังไม่ได้รับสวัสดิการ ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำมากขึ้นตลอดมา ปัญหาการทุจริตยาเสพติดก็เพิ่มมากขึ้น การดำเนินการเพื่อให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็ไม่มีการปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ แสดงถึงการขาดความจริงใจ

นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรียังบริหารงานด้านเศรษฐกิจล้มเหลวโดยสิ้นเชิงโดยใช้จ่ายงบประมาณและก่อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ส่งผลให้หนี้สินต่อครัวเรือนและต่อหัวประชากรสูงขึ้นเป็นลำดับ แต่กลับไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้แต่กลับมุ่งใช้เงินสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองและความอยู่รอดของตนเอง โดยไม่ด้คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม และภาระงบประมาณของประเทศ

การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรม เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง ทั้งจากโครงการขนาดใหญ่จนถึงระดับท้องถิ่น จนดัชนีชี้วัดด้านทุจริต สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีการเอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนและพวกพ้องตนเอง ทำให้เกิดการผูกขาดและการแสวงหาประโยชน์จากโครงการของรัฐ และทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยต้องปิดตัวลงเองเป็นจำนวนมาก ขณะที่การแก้ไขปัญหาที่ดินทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมกลับไม่เป็นรูปธรรม

ชลน่านกล่าวถึงการไม่แก้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่กระจายไปตามชุมชนต่างๆทั่วประเทศ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งพักยาเสพติดของคู่ค้าก่อนส่งไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกัน นอกจากนั้นยังเกิดบ่อนการพนันที่อยู่ภายใต้การรู้เห็นของเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยไม่มีการป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจัง และยังปล่อยให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นฐานก่ออาชญากรรมมีการฟอกเงินและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีล้มเหลวจนสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

นอกจากนั้นยังจ่ายงบประมาณไปจำนวนมากกับปัญหาความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่แก้ปัญหาไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถแก้ไขราคาผลผลิตเกษตรตกต่ำแต่ปล่อยให้กลุ่มทุนต่างชาติเอารัดเอาเปรียบและสร้างอำนาจต่อรองหรือเกษตรกร ในขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นกระทบผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างยิ่ง

ปัญหาด้านสังคม ทั้งที่ก่อนหน้าก็เกิดเหตุกราดยิงที่นครราชสีมามาแล้ว มีเหตุเกิดยิ่งมีเหตุการณ์กราดยิงที่หลวงบัวลำภูอีก นอกจากนั้นยังปล่อยให้เกิดน้ำท่วมขังในปริมาณในหลายพื้นที่ อีกทั้งรัฐบาลไม่สนใจการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น

ชลน่านกล่าวว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่าของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ทำให้ประเทศชาติเสียโอกาส การพัฒนาประเทศถดถอยทำให้ประชาชนลำบากยากเข็นที่มาจากยุทธศาสตร์และแนวทางบริหารราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรี

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวว่าการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงคะแนนครั้งนี้จะเป็นการชี้ให้เห็นว่าฉายาของรัฐบาลที่สื่อมวลชนตั้งให้ว่า “หน้ากากคนดี” เป็นอย่างไร

“เราใช้คำว่ากระชากหน้ากากคนดี ให้พี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศนี้ได้รู้ได้เห็นว่า คนดีที่บอกว่าจะมาคืนความสุขให้กับพี่น้องประชาชน คนดีที่จะมาทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้านเมืองแท้ที่จริงเป็นอย่างไร” ชลน่านกล่าว และการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นการทำให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงในช่วงก่อนถึงวันเลือกตั้ง

“การนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคมแห่งนี้มาเสนอหลายท่านอาจจะบอกว่าก็เป็นเรื่องเก่า ไม่เห็นมีผลอะไร ล้มรัฐบาลไม่ได้ จริงครับมันล้มรัฐบาลไม่ได้หรอกเพราะไม่มีการลงคะแนน ต่อให้เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ก็ล้มรัฐบาลไม่ได้ แม้จะมีเหตุการณ์ที่จะคิดล้มรัฐบาลโดยล้มนายกรัฐมนตรีในการอภิปรายเมื่อครั้งที่สาม ปี 2564 ที่ผ่านมาเมื่อเดือนกันยาเนี่ย พลาดจะล้มจะล้มจะล้มเลยนะครับ แต่ปาฏิหาริย์เนี่ย สามารถที่จะกู้คืนภายในชั่วข้ามคืน”

ชลน่านกล่าวถึงประเด็นหนึ่งในการอภิปรายครั้งนี้คือการที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวปิดเหมืองทองอัคราจนกระทั่งถูกบริษัทแม่ คิงส์เกต ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคดีผ่านอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่มีการพิจารณาไต่สวนกันและขยายยืดระยะเวลามาเรื่อยๆที่เขามองว่าเป็นการประนีประนอมยอมความถึงเขาะเห็นว่าทำได้แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติผลประโยชน์ของประชาชนและผลสืบเนื่องที่จะกระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรไทย

อย่างไรก็ตามบริษัทคิงส์เกตฟ้องประเทศไทยไม่ได้ฟ้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้ฟ้องรัฐบาล ทำให้ประชาชนเป็นผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดและจบด้วยการนำเอาสินทรัพย์เอาทรัพยากรธรรมชาติไปยอมความ และอนุญาตให้เหมืองทองอัคราประกอบกิจการต่อ เขาตั้งคำถามว่าเป็นการทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเพื่อช่วยเหลือใคร เพราะเป็นการเอาเอาทรัพย์สมบัติของชาติไปแลกกับความอยู่รอดของตนเองและผูกพันไปสู่รัฐบาลหน้าที่จะต้องเจอข้อพิพาททางด้านกฎหมายที่จะตามมาอีกมาก

นอกจากนั้นชลน่านยังกล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีพบประชาชนในพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ทำเหมืองทองที่จะกระทบที่ทำกิน สิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำแต่มีประชาชนออกมาคัดค้านจนถูกระงับ แต่ยังมีพื้นที่อื่นๆ ที่มีการออกอาชญาบัตรไปแล้ว โดยที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการแร่แห่งชาติ ออกกฎหมายใหม่ที่เขียนอำนาจให้กรรมการนโยบายแรกแห่งชาติเป็นผู้มีหน้าที่จะไปกำหนดว่าพื้นที่ไหนเหมาะสมให้ออกอาชญาบัตรสำรวจทำเหมือง

นอกจากนั้นชลน่านยังกล่าวถึงการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้รับฉายาว่าเป็นผู้กู้ชนะสิบทิศ จากการกู้เงิน 5.7 ล้านล้านบาทขยายเพดานหนี้สาธารณะจากร้อยละ 60 ขึ้นเป็นร้อยละ 70 จนมีหนี้สาธารณะสูงเป็นประวัติการณ์และจะมีการอภิปรายเจาะลึกถึงการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรและเพื่อใคร 24.5 ล้านล้านบาทงบประมาณที่นายกรัฐมนตรีใช้นี้เอามาใช้ในการทำงาน ต่อให้เอานายกรัฐมนตรี 28 คนมารวมกันยังใช้เงินไม่มากเท่านี้แต่ผลงานออกมาต่ำ

ชลน่านเล่าถึงเรื่องที่เขาได้รับการร้องทุกข์จากชาวบ้านถึงการระบาดยาเสพติด และพบว่ามีการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้ผลิตออกมาได้คราวละมากๆ และยังมีการผสมสารเคมีที่เป็นอันตรายมากขึ้น เช่น โซเดียมไซยาไนด์ อีกทั้งยังมีค่าขนส่งที่ถูกลง เขาตั้งข้อสังเกตว่ามีการเวียนของกลางที่ถูกยึดกลับมาขายหรือไม่ อีกทั้งยังมีมิจฉาชีพทุกวงการ เว็บพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์เว็บดูดเงิน แชร์ลูกโซ่ เยอะมาก กระทบความมั่นคงหรือไม่ และจะมีเพื่อนสมาชิกมาอภิปรายถึงเรื่องทุนจีนสีเทา ที่มีหลานชายของนายกรัฐมนตร

ชลน่านยังกล่าวถึงปัญหาการบริการทางการแพทย์หลังการระบาดโควิด-19 และปัญหางบในการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนที่ผ่านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีความพยายามบิดเบือนกลไกจนเกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชน ขณะนี้งบประมาณปี 2566 ที่ สปสช.ใช้ดูแลสุขภาพประชาชนมีทุกมิติทั้งการส่งเสริมป้องกันโรค รักษาพยาบาลฟื้นฟูสภาพ สำหรับประชาชนทั้งสิทธิบัตรทองหรือหลักประกันสุขภาพแห่งขาติตีมีอยู่ 51-52 ล้านคน สิทธิสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม พนักงานรัฐวิสาหกิจ ท้องถิ่น ที่เป็นสิทธิภายใต้กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในเรื่องของการส่งเสริมป้องกันโรคและกิจกรรมทางด้านการสุขที่จะต้องดูแลเขาเป็นกรณีพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ วัคซีน ยาเอชไอวี ถุงยางอนามัย ต้องได้รับจากงบของ สปสช. ที่ตั้งเอาไว้ 26,000 ล้านบาท

“คณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือเราเรียกว่า บอร์ด สปสช.ไม่เซ็นต์อนุมัติในหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณให้กับพี่น้องประชาชนที่จะได้รับสิทธิ์ในการดูแลด้านส่งเสริมป้องกันสิทธิพิเศษในกิจกรรมที่ผมกล่าวไปเนี่ยอีกจำนวนประมาณ 14 ล้านคน ไม่ได้รับสิทธิ์เพราะไม่ยอมอนุมัติหลักเกณฑ์ให้”

ชลน่านกล่าวว่าประธานบอร์ดต้องลงนามตั้งแต่เดือนตุลาคมสำหรับปีงบประมาณ 2566 แต่ก็ไม่มีการลงนามอนุมัติเงินให้กับงานส่งเสริมป้องกันจนมีข้อเรียกร้องเข้าไปที่บอร์ด สปสช. และบอร์ดก็มีมติว่าต้องอนุมัติเพราะเคยอนุมัติมาตั้งแต่ปี 2545มาจนถึงปี 2564 แต่รัฐมนตรี สธ.หาทางออกด้วยการอนุมัติเฉพาะ คนที่มีสิทธิอยู่ในบัตรทองแต่คนนอกสิทธิ์บัตรทองจำนวน 14 ล้านคนไม่อนุมัติงบอีกประมาณ 5ล้านบาทให้

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวต่อว่าการไม่อนุมัติงบ 5 พันล้านให้ดังกล่าวทำให้สถานบริการทางการแพทย์การสาธารณสุขก็เดือดร้อนมากโดยเฉพาะใน กทม. เมื่อรับฟังความเห็นมาและส่งข้อมูลให้รัฐมนตรีและมีการตั้งกระทู้ถามโดย นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ หลังจากนั้น 3 วันเซ็นอนุมัติงบให้แค่เฉพาะผู้มีสิทธิ์บัตรทอง ที่เหลือสิทธิบัตรอื่นไม่เซ็น

“ข้อเท็จจริงที่ผมได้มา เป็นเรื่องที่แปลกมาก เป็นความหวังดีของคณะที่ปรึกษาของตัวท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผมพูดอย่างนี้ผมไม่ได้กล่าวหาท่านนะครับ มีความหวังดีว่าปกป้องไม่ให้รัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย รัฐมนตรีอย่าเซ็น ถ้าเซ็นแล้วจะเป็นอันตรายต่ออนาคตที่ท่านกำลังจะขอเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของท่าน ปกป้องคนหนึ่งคนแต่คนอีก 14 ล้านคนเดือดร้อนเอาวิธีคิดมาจากไหน” ชลน่านกล่าว

ประธานวิปฝ่ายค้านอธิบายเรื่องข้อกฎหมายของว่าพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาตรา 9-10ที่ระบุว่าถ้าจะจัดบริการรวมกันของสิทธิในแต่ละส่วน เช่น ประกันสังคมข้าราชการท้องถิ่นถ้าจะมาพิจารณาจัดบริการรวมกันให้เกิดการปรึกษาหารือ ถ้ามีข้อตกลงร่วมกันได้ในเรื่องของประเภทบริการชนิดต่างๆ ก็ให้ไปออกพระราชกฤษฎีการองรับ ในมาตรา 66 เขียนรองรับเอาไว้ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาแล้วก็มาจัดบริการร่วมกันได้

ชลน่านเล่าย้อนกลับไปว่าตั้งแต่ปี 2545เป็นต้นมา 3กองทุนนี้เคยคุยกันแต่คุยกันไม่ได้ว่าตกลงจะจัดบริการร่วมกันได้อย่างไร ไม่มีข้อยุติครับ พอไม่มีข้อยุติคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2545 เขาใช้อำนาจตามมาตรา 88 (14) ที่พูดถึงการบริการพี่น้องประชาชนจะต้องไม่ขาดตกบกพร่อง มติคณะรัฐมนตรีสามารถมีมติให้ประธานบอร์ดเป็นผู้อนุญาตอนุมัติในหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดการบริการตรงนี้ได้และทำอย่างนี้มาตลอด

“แต่ปี 66ทำไม่ได้เพราะอะไรครับ เพราะที่ปรึกษาแสนฉลาดของท่านไปดูงบประมาณขาขึ้นของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่จะขอเม็ดเงินมาบริการ 66 ล้านคนนะครับ งบส่งเสริมป้องกันทุกปีจะมีบันทึกแนบท้ายการของบประมาณขาขึ้นว่าให้รัฐมนตรีมีมติอนุญาตให้ประธานบอร์ดเป็นผู้อนุมัติหลักเกณฑ์เพื่อนำเงินก้อนนี้มาใช้ ท่านเห็นอย่างนี้ท่านไปเอาออกครับ ไปเอาออกจากตัวร่างร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่จะเป็นตัวขาขึ้นเพื่อขอใช้งบก้อนนี้ แล้วก็บอกว่าท่านเซ็นไม่ได้นะเพราะไม่มีกฎหมายอนุญาต ชงเองกินเองทำเองทำเพื่ออะไร”

ชลน่านกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน สิทธิสวัสดิการ สิทธิประกันสังคมสิทธิท้องถิ่นสิทธิวิสาหกิจ ตัวเลขงานส่งเสริมป้องกันของปี 2566 ลดลงอย่างชัดเจนทั้งเรื่องวัคซีน การดูแลสุขภาพ ถุงยางอนามัย ยาเอดส์ต่างๆ ได้รับผลกระทบทั้งหมด

ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวต่อว่าเรื่องที่กล่าวไปเหล่านี้เป็นภาพรวมที่จะกระชากไม่ใช่เพียงแค่หน้ากากแต่จะทำให้เห็นก้นบึ้งของหัวใจว่าทำด้วยอะไร ด้วยการอภิปรายของฝ่ายค้านเป็นเวลา 2 วัน 24 ชั่วโมงที่จะเน้นย้ำในสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญ

“คนดีที่ใส่หน้ากากกระชากแล้วเป็นยังไงพี่น้องประชาชนโปรดติดตาม ลงคะแนนไม่ได้ อยากให้พี่น้องไปลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งว่าท่านอยากจะให้คนดีนี่อยู่ต่อไหม หรืออยากให้ท่านมันให้ประเทศชาติบ้านเมืองไปต่อเหมือนที่ท่านบอกไว้ประเทศต้องไปต่อ ประเทศต้องไปต่อครับไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรีอย่างมีอนาคตและอย่างมีความหมาย ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคนให้ไปต่อเพียงเพื่อจะสืบทอดอำนาจ” ชลน่านกล่าวจบการอภิปรายของตัวเอง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net