Skip to main content
sharethis

ศาลแพ่งยกฟ้องคดีนักสิทธิฟ้องสำนักนายกฯ กอ.รมน.ทำ IO โจมตีการรณรงค์เรื่องสิทธิ แม้ข้อความใน Pulony.blogspot.com จะเป็นเท็จทำนักสิทธิเสียหายแต่ไม่สามารถพิสูจน์ว่าทั้ง 2 หน่วยงานเกี่ยวข้องกับเว็บ

เมื่อวานนี้(16 ก.พ.2566) iLaw รายงานผลคำพิพากษาของศาลแพ่ง รัชดาฯ ในคดีที่อังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอัญชนา หีมมิหน๊ะ จากกลุ่มด้วยใจเป็นโจทก์ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกองอำนวนการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) และกองทัพบก จากกรณีมีการทำปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร(IO) โจมตีทั้งสองคนจากการรณรงค์เรื่องสิทธิในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ให้เสียหาย

สำหรับคดีนี้อังคณาและอัญชนาในฐานะโจทก์ได้ฟ้องทั้งสองหน่วยงานด้วยข้อหาละเมิด ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยเห็นว่ามีการสนับสนุนการทำไอโอเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายผู้หญิงนักปกป้องสิทธิทางโลกออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์ Pulony.blogspot.com

สุรชัย ตรงงาม ทนายความของทั้ง 2 คนระบุว่า ศาลแพ่งได้วินิจฉัยใน 4  ประเด็นคือประเด็นแรกคือคดียังอยู่ในอายุความหรือไม่ ประเด็นที่สองโจทก์สามารถฟ้องทั้งสองหน่วยงานได้หรือไม่ ประเด็นที่สามข้อความที่เผยแพร่เข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่ และปะเด็นที่สี่ กอ.รมน.เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ Pulony.blogspot.com หรือไม่

สุรชัยระบุว่าในสองประเด็นแรกนั้นศาลเห็นว่าโจทก์สามารถฟ้องได้เพราะคดียังไม่ขาดอายุความที่ใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งเนื่องจากตามฐานความผิดพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ฯ ไม่ได้มีการระบุอายุความไว้ และ กอ.รมน.ยังเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีโจทก์ทั้งสองคนจึงสามารถฟ้องได้ แต่ไม่สามารถฟ้องกองทัพบกได้เพราะแม้ว่ามีการระบุว่ามีบุคลากรของกองทัพภาคที่ 4 ในการละเมิดด้วยแต่ก็ทำงานภายใต้ กอ.รมน.ไม่ได้เกี่ยวกับกองทัพบก

ทนายความระบุถึงในส่วนของเนื้อหาบนเว็บดังกล่าวนั้นศาลเห็นว่าข้อความเหล่านั้นเป็นเท็จใส่ความให้กับอังคณาและอัญชนาเสียหาย โดยมีข้อความและภาพที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นบุคคลทั้งสองอยู่ด้วยและกล่าวหาว่าทั้งสองคนมีทัศนคติอันตรายและทำงานโดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยทางฝ่ายจำเลยไม่ได้มีการโต้แย้งประเด็นนี้ ศาลจึงเห็นว่าข้อความบนเว็บนั้นเป็นการละเมิดโจทก์ทั้งสองคน

อย่างไรก็ตาม ศาลได้พิพากษายกฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากศาลเห็นว่าฝ่ายโจทก์ทั้งสองคนไม่สามารถนำสืบและหาพยานหลักฐานเช่นข้อมูลการจราจรทางอิเล็กโทรนิกส์จาก blogspot.com ที่เป็นผู้ให้บริการพื้นที่ทำเว็บไซต์มาพิสูจน์ได้ว่า กอ.รมน.มีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ Pulony.blogspot.com  ศาลจึงไม่สามารถรับฟังได้ว่าหน่วยงานที่เป็นจำเลยเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

iLaw ยังระบุด้วยว่าอังคณาได้แสดงความรู้สึกผิดหวังในคำพิพากษาที่ยกฟ้องโดยกเหตุเรื่องหลักฐานข้อมูลการจราจรทางอิเล็กทรอนิกส์ว่า เพราะที่ผ่านมาได้พยายามหาหลักฐานเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่ข้อมูลดังกล่าวประชาชนธรรมดาทั่วไปเข้าถึงได้ยาก และศาลก็ไม่ได้สั่งให้หน่วยงานเยียวยาเนื่องจากรัฐบาลไทยยังไม่ได้อนุวัติกฎหมายตามปฏิญญาว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชนแม้จะมีการรับรองไว้

แต่ถึงอย่างไรอดีตกรรมการสิทธิก็เห็นว่าคำพิพากษายังมีด้านบวกบ้างเพราะศาลยังเห็นว่าข้อความเหล่านั้นของ Pulony เป็นการโจมตีและละเมิดสิทธิพวกเธอทั้งสองคน

สำหรับอัญชนาแสดงความรู้สึกว่าไม่แปลกใจกับคำพิพากษาที่ออกมา และทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมคุ้มครองประชาชนได้แค่ไหน และที่ผ่านมาก็เห็นตัวอย่างจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยว่าเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดแล้วเป็นเรื่องยากที่จะเอาผิดกับรัฐในฐานะองค์กรอย่างมากทำได้เพียงแค่เอาผิดกับเจ้าหน้าที่เป็นรายบุคคลเท่านั้นแม้เจ้าหน้าที่จะทำความผิดในเวลาราชการและสวมเครื่องแบบอยู่ก็ตาม

ศาลแพ่งสืบพยาน คดี 2 นักปกป้องสิทธิฯ ฟ้องกองทัพบก-สำนักนายกฯ หนุนทำ IO เสร็จแล้ว นัดอ่านคำพิพากษา 16 ก.พ. 66

ก่อนหน้านี้ สัญญา เอียดจงดี ทนายความในทีมเคยให้สัมภาษณ์ไว้ถึงการสืบพยานในศาลว่ามีการต่อสู้ในประเด็นทางฝ่ายโจทก์ได้แสดงหลักฐานการตรวจสอบสองคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ที่สอบสวนประเด็นที่มีการจัดสรรงบประมาณให้แก่ Pulony.blogspot.com ซึ่งทางฝ่ายหน่วยงานรัฐโต้แย้งว่าไม่มีการสนับสนุนงบประมาณอีกทั้งยังมีการจับตาเว็บไซต์ดังกล่าวเนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลที่กระทบความมั่นคง

แต่ทนายความสังเกตเห็นจากการสืบพยานว่าในเอกสารรายการเฝ้าระวังของ กอ.รมน. พบพิรุธว่าเอกสารมีการระบุถึงเว็บไซต์ดังกล่าวว่ามีเนื้อหาที่เป็นการสนับสนุนรัฐและไม่พบว่ามีการทำรายงานตรวจสอบเว็บไซต์ แต่กลับพบชื่อของอัญชนาที่เป็นโจทก์ที่สองอยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของ กอ.รมน.แทน จึงเห็นว่าที่หน่วยงานมาชี้แจงว่าเว็บไซต์ Pulony.blogspot.com อยู่ในการเฝ้าระวังไม่น่าเป็นความจริง

นอกจากนั้นก่อนที่จะเกิดคดีนี้ประเด็นเรื่องเว็บไซต์ Pulony.blogspot.com ทำไอโอโจมตีนักสิทธิมนุษยชนเคยถูกวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ตั้งแต่ยังเป็นส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ก่อนถูกยุบมาเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภาในประเด็นเรื่องกองทัพและรัฐบาลเกี่ยวข้องกับการทำไอโอมาตั้งแต่ 20 ก.พ.2563 โดยมีการเปิดเผยเอกสารต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงปฏิบัติการของรัฐในการทำไอโอผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อตอบโต้ประเด็นที่รัฐบาลกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วย และณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.ก้าวไกลยังเปิดเรื่องนี้ในการอภิปรายถึงการใช้งบในปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net