กลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ ‘ศปปส.’ ยื่นหนังสือ บช.น.ขอคืนพื้นที่หน้าศาลฎีกา เปิดทาง ปชช.รับเสด็จฯ ร.10-พระราชินี วันที่ 6-7 มี.ค.นี้ หวั่นเกิดปะทะ หลังจากนั้นจะทำอะไรไม่ว่ากัน ปธ.ศปปส.เผย ‘ไม่เชื่อตะวัน-แบม อดอาหารจริง’

1 มี.ค. 2566 เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. ถ่ายทอดสดวันนี้ (1 มี.ค.) เวลา 12.55 น. ที่สำนักงานตำรวจนครบาล (บช.น.) อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธาน ศปปส. ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ตำรวจขอคืนพื้นที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ภายใน 5 มี.ค. 2566 เนื่องจากในวันที่ 6-7 มี.ค.นี้ ประชาชนจะไปรับเสด็จฯ รัชกาลที่ 10 และพระราชินี บริเวณดังกล่าว 

นับตั้งแต่เมื่อ 24 ก.พ. 2566 ‘แบม’ อรวรรณ ภู่พงษ์ และ ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ สองสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ปักหลักอดหารประท้วงภายในเต็นท์ที่พัก เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้ผู้ถูกคุมขังทางการเมือง ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ถูกคุมขังทางการเมือง และคดียังไม่สิ้นสุด จำนวน 3 คน ได้แก่ คทาธร ชัยพร และถิรนัย 

อานนท์ กล่าวหลังยื่นหนังสือว่า ฝากทาง บช.น. ดำเนินการขอคืนพื้นที่ ภายในวันที่ 6 มี.ค.นี้ ถ้าไม่เสร็จ ทางศูนย์ประชาชนปกป้องสถาบัน และหลายๆ กลุ่มจะไปรับเสด็จฯ รัชกาลที่ 10 และพระราชินี ในบริเวณดังกล่าว และอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันเหมือนวันที่ 5 ธันวาคม 2565

“ผมเป็นห่วงเรื่องนี้มาก ประชาชนเขาไม่พอใจอย่างมาก เพราะเส้นทางนั้นใกล้เขตพระราชฐาน วัดพระแก้ว บางคนในม็อบไปปักป้ายแถววัดพระแก้ว ทาง บช.น. ต้องดำเนินการเร่งด่วนที่สุด” อานนท์ กล่าว

นอกจากนี้ ประธาน ศปปส. กล่าวด้วยว่า เขาไม่เชื่อว่าทางแบม และตะวัน กำลังประท้วงอดอาหาร และตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ถ้าอดอาหารจริง ทำไมต้องทำในเต็นท์มิดชิด 

“ในรูปที่เขาไปถ่าย ถ้าเขาอดอาหารจริง ตายแล้วนะครับ นี่มันเป็นเดือนแล้ว ไม่ได้อดอาหาร มีเต็นท์มีผ้าใบคลุมหมด ผมว่าไม่ได้อดอาหารจริง ถ้าอดจริง ตายไปแล้ว” ประธาน ศปปส. กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ระบุว่าจะดูแลประชาชน และอำนวยความสะดวกที่จะร่วมรับเสด็จฯ วันที่ 6-7 มี.ค.นี้อย่างดี 

(ที่มา: เพจ ศปปส.)

ทั้งนี้ ประธาน ศปปส. ระบุด้วยว่า เขาต้องการใช้พื้นที่รับเสด็จ 2 วัน ทางผู้ชุมนุมอาจจะต้องย้ายออกไปก่อนไปพื้นที่ที่ทางกรุงเทพมหานคร จัดให้ก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการปะทะเกิดขึ้น หลังจากวันที่ 6-7 มี.ค. ให้แล้วแต่ผู้ชุมนุมจะทำอะไรก็ได้

ต่อกรณีที่การชุมนุมหน้าศาลฎีกาเป็นการชุมนุมโดยสงบ และผู้ชุมนุมต้องการยืนยันหลักที่ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน อานนท์ ระบุว่า เขาเห็นด้วยว่าผู้ชุมนุมไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แต่การชุมนุมมีการแอบกระทบกระเทียบและล้อเลียนสถาบันกษัตริย์ ยกเลิกมาตรา 112 

ต่อกรณีที่สมมติว่าทาง ศปปส.ไปรับเสด็จ อาจมีการปะทะหรือไม่ ทางประธาน ศปปส. ระบุว่า อาจไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเกิดว่าไม่มีการยั่วยุ พอหลายๆ คนเข้าใครจะไปห้ามใคร เขาห้ามไม่ได้ทุกคน 

ต่อกรณีที่มีทาง ศปปส. กล่าวอ้างว่า มีเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งโพสต์ปรากฏภาพ ‘เขียนป้ายหน้าพระบรมฉายาลักษณ์’ อานนท์ กล่าวว่าอาจจะมีการแจ้งความดำเนินคดี และขอผู้ชุมนุมว่าอย่าล้อเลียนพระมหากษัตริย์ เพราะว่าสถาบันไม่ลงมายุ่งกับเรื่องการเมือง และเรื่องมาตรา 112 

“อย่าไปล้อเลียนพระมหากษัตริย์ เพราะว่าท่านไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ท่านไม่ลงมายุ่งเรื่องมาตรา 112 ถ้าจะไปแก้มาตรา 112 ไม่ใช่ไปแก้ตรงหน้าศาลฎีกา ต้องไปแก้ในรัฐสภา เลือกตั้ง ส.ส.ให้เยอะๆ ก่อน และช่วยกันแก้มาตรา 112” อานนท์ ทิ้งท้าย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2565 เฟซบุ๊กของสื่อ ‘วอยซ์ทีวี’ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ‘สายน้ำ’ นภสินธุ์ และเพื่อนร่วม 3 คน เดินทางไปที่สนามหลวง ฝั่งศาลฎีกา โดยระหว่างเดินข้ามถนนจากสนามหลวงไปที่หน้าศาลฯ ได้เดินสวนกับกลุ่ม ศปปส. ของอานนท์ กลิ่นแก้ว และเกิดเหตุที่อานนท์ ต่อยไปที่สายน้ำ หลายครั้งจนนักกิจกรรมคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ มีแผลแตกที่บริเวณหางคิ้ว เป็นแผลลึก

สายน้ำ ชี้แจงว่า เขายังไม่ทำอะไร เพียงแค่เดินทางไปยังสนามหลวงกับกลุ่มเพื่อน และไม่ได้มีแผนจัดกิจกรรม แค่รู้สึกว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เปิดไม่ได้มีการปิดกั้นห้ามเข้า จึงตั้งใจเพียงแค่ไปเดินเล่น แต่ระหว่างทางได้เดินสวนกับกลุ่มปกป้องสถาบันฯ โดยที่ตนเองยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกชกเข้าที่ใบหน้าหลายครั้ง จนทำให้คิ้วแตก 

'สายน้ำ' เมื่อ 5 ธ.ค. 2565

สำหรับสายน้ำเป็นเยาวชนที่เคยถูกแจ้งความดำเนินคดี 112  หลายคดี หนึ่งในนั้นมาจากการใส่เสื้อครอปท็อป และข้อความบนหลังว่า “พ่อกูชื่อมานะ” และล่าสุดเขาเพิ่งเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากกรณีการสวมชุดหมีพูห์ ประท้วงการประชุมเอเปคเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2565