Skip to main content
sharethis
  • ‘แบม-ตะวัน’ มีอาการอ่อนเพลียเยอะขึ้น หน้ามืดเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ แน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยออก ปัสสาวะน้อยลง 'ตะวัน' ปฏิเสธรับยาแก้ปวดช่วงประจำเดือน ทั้งคู่เผยเศร้าใจที่ไม่ให้ประกันตัว ‘ทัตพงศ์’ เชื่อไม่มีท่าทีหลบหนีตามที่ศาลระบุ พร้อมยืนยันว่าจะรอจนกว่าศาลให้สิทธิประกันตัวแก่ผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองทุกคน 
  • ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี “อาทิตย์-น้ำเชี่ยว” คดีเผารถผู้ต้องขัง #ม็อบ7สิงหา64 ให้ประกันชั้นอุทธรณ์ ไม่กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม


2 มี.ค. 2566 เฟซบุ๊ก ‘Tawan Tantawan’ โพสต์ข้อความพร้อมภาพ อัพเดทอาการของ ‘แบม’ อรวรรณ ภู่พงษ์ และ ‘ตะวัน’ ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ที่กำลังอดข้าว ไม่รับน้ำ และยา หน้าศาลฎีกา เพื่อเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้ผู้ถูกคุมขังทางการเมืองทุกคน 

ทั้งนี้ ในวันเดียวกัน (2 มี.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 1.00 น. เพจเฟซบุ๊ก ทะลุวัง โพสต์ข้อความว่า ทางแบม และตะวัน ยกระดับการประท้วงโดยการอดอาหาร ไม่รับน้ำ และยา หลังนายทัตพงศ์ เขียวขาว ประชาชนวัย 25 ปี ไม่ได้รับการประกันตัว ในคดีครอบครองวัตถุระเบิด การชุมนุมของทะลุแก๊ส ณ ถนนราชปรารภ เมื่อ 21 พ.ย. 64 ทำให้ทัตพงศ์ ต้องเข้าเรือนจำทันที 

รายละเอียดคำชี้แจงของแบม-ตะวัน

คําชี้แจง
กรณีนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ (ตะวัน) 
และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ (แบม)

ประจําวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566

ในวันนี้ ทนายความได้เข้าพบและเข้าเยี่ยมตะวันและแบมในช่วงเย็น ที่บริเวณหน้าศาลฎีกา สนามหลวง ทนายความของนางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ ขอชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียด อาการและรายละเอียดการเข้าพบตะวันและแบม ต่อสาธารณชนดังต่อไปนี้

ในวันนี้ แบมมีอาการหน้ามืด อ่อนเพลียเยอะขึ้น ทั่วไปถามตอบรู้เรื่องดี ดูซึมกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด หน้ามืดมากเวลาเปลี่ยนท่า มีแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกช่วงเช้า อ่อนเพลียหลับจนถึงช่วงบ่าย ไม่มีปวดท้อง ปัสสาวะออกลดลง โดยแทบไม่ปัสสาวะเลย ปัสสาวะไปเล็กน้อยตอนหกโมงเย็นของเมื่อวานและบ่ายสองของวันนี้

ตะวันรู้สึกคล้ายๆ เดิม ปวดกล้ามเนื้อมากขึ้น ทั่วไปถามตอบรู้เรื่องดี อ่อนเพลีย วิงเวียน หน้ามืดเวลาเปลี่ยนท่าทาง ไม่มีคลื่นไส้อาเจียนถ่ายเหลว ปัสสาวะออกลดลง ไม่ได้ปัสสาวะตั้งแต่ตีสองแล้ว มีประจําเดือนวันแรกเป็นลิ่ม มีอาการปวดท้องประจําเดือนร่วมด้วย ปฏิเสธยาแก้ปวดหรือยาเลื่อนประจําเดือน

สภาพจิตใจของทั้งคู่คือมีความกังวลต่อท่าทีของศาล เพลียเยอะ และทั้งคู่ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องแผนการรักษา หรือแผนฉุกเฉินไว้

จากการพูดคุย ตะวันกับแบมยังได้เล่าว่า ทั้งสองคนรู้สึกเศร้าใจกับคําสั่งของศาลที่ไม่ให้ประกันทัตพงศ์ในวันนี้ โดยทั้งคู่ได้อธิบายว่าการที่ศาลไม่ให้ประกันตัวเพื่อนด้วยเหตุผลว่าการกระทําที่ถูกกล่าวหาเป็นความผิดร้ายแรง มีอัตราโทษสูง เป็นการกระทําเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่ไม่สามารถออกใบอนุญาต ทําให้เกิดระเบิดในถนนสาธารณะ กลางเมือง อันอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชนและทรัพย์สินได้ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงมาก หากให้ปล่อยชั่วคราว อาจหลบหนีได้ จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะทัตพงศ์นั้น นับจากวันที่ถูกปล่อยตัวออก มาจากเรือนจําเนื่องจากอัยการสั่งฟ้องไม่ทัน ก็ให้ความร่วมมือกับศาลและกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด รวมถึง ได้ไปศาลเพื่อให้อัยการพาตัวไปฟ้องด้วย ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหลบหนีเลย และหากการที่ถูกฟ้องในคดีที่เป็นข้อหาร้ายแรง เป็นเหตุในการไม่ให้ประกันได้ ก็คงเป็นเรื่องง่ายมากที่คนไทยหลายๆ คนจะไม่มีวันได้ประกันตัว

ในวันนี้พวกเธอยังได้แจ้งด้วยว่า เธอทราบมาว่าผลการสืบเสาะความประพฤติของคทาธร ได้ถูกส่งกลับมาที่ศาลอาญาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่แจ้งต่อนายประกันว่าจะให้มาฟังคําสั่งในวันที่ 7 มีนาคม ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ทราบว่าตนเองจะเป็นอย่างไรในวันดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ทั้งคู่บอกกับทนายความว่าไม่เป็นไรและพวกเธอจะรอคําสั่งประกันของเพื่อนทุกคนต่อไปโดยคาดหวังว่าศาลจะพิจารณาการกระทําของตนเอง

(ที่มา: เฟซบุ๊ก Tawan Tantawan)

ศาลสั่งจำคุกราว 2 ปี 'อาทิตย์-น้ำเชี่ยว' ข้อหาร่วมเพลิงเผารถคุมขัง #ม็อบ7สิงหา64 ก่อนให้ประกัน

วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าศาลอาญาพิพากษาจำคุก 2 ปี'อาทิตย์' (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) และ 'น้ำเชี่ยว' (สงวนชื่อจริง-นามสกุล) สองประชาชนผู้ถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงรถควบคุมผู้ต้องขัง ในการชุมนุม #ม็อบ7สิงหา64 ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 

ภาพรถควบคุมตัวผู้ต้องขัง ขณะเกิดเพลิงไหม้ เมื่อ 7 ส.ค. 2564

ทั้งคู่ถูกแจ้งข้อหาร่วมวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 217, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายฯ ตาม ป.อ. มาตรา 215, ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น ตาม ป.อ. มาตรา 358, ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ตาม ป.อ. มาตรา 360 และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ

ข่าวรายละเอียดคดีจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 

ศาลตัดสินว่า เนื่องด้วยการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 217 หรือร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด และขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 อายุยังไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 

โดยให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 4 เดือน อย่างไรก็ตาม จำเลยที่ 2 เคยถูกศาลเยาวชนและครอบครัวตัดสินให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยรอลงอาญา ขณะเกิดเหตุคดีนี้ยังไม่พ้นกำหนดรอลงอาญา จึงต้องบวกโทษจำคุก รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 10 เดือน

หลังจากฟังคำพิพากษา อาทิตย์และน้ำเชี่ยวถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไปคุมขังไว้ที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญาทันที 

ต่อมา หลังยื่นขอประกันตัวจำเลยระหว่างอุทธรณ์คดี ในเวลา 17.00 น. ทนายความแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกัน ระบุว่า “กรณีจำเลยเคยได้รับการปล่อยชั่วคราวมาก่อน จึงไม่มีพฤติการณ์หลบหนี อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์”  โดยกรณีอาทิตย์ ให้วางหลักประกัน 100,000 บาท ส่วนน้ำเชี่ยว ให้วางหลักประกัน 150,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ โดยศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net