Skip to main content
sharethis

ปธ.ญาติวีรชนพฤษภา’35 ข้องใจ 'ประวิตร' จะก้าวข้ามความขัดแย้งอย่างไร หากเป็นเพียงนามธรรมช่วงหาเสียงจะเป็นเพียงลิเกปรองดอง ย้อนถามรายงานปรองดองของ สปช. ซุกไว้ที่ไหน แนะให้นำเสนออย่างเป็นรูปธรรมพร้อมหนุนเต็มที่ ชูร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขของ 'หมอระวี' เป็นโมเดล เตือนหากนิรโทษสุดซอยเหมือนอดีตจะเจอวิกฤตที่จะรับมือไม่อยู่ 


นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 (แฟ้มภาพ)

คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่า นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 อดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศยืนยันต่อการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้จะก้าวข้ามความขัดแย้งนำสังคมไทยออกจากกับดักความคิด 2 ขั้วว่าแนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับจุดยืนและแนวทางของคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 ผู้เสียหายจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่มีความมุ่งหมายอยากเห็นสังคมไทยปราศจากความขัดแย้งทางความคิด ประชาชนทุกฝ่าย มีความรักสามัคคี อยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข  แต่ก็ยังมีความข้องใจสงสัยว่า พรรคพลังประชารัฐ โดย พล.อ. ประวิตร มีความตั้งใจและจริงใจที่จะทำให้สังคมไทยเกิดความสามัคคีสมานฉันท์แค่ไหน สืบเนื่องมาจากสังคมไทยที่คณะกรรมการญาติวีรชนฯ  ได้พยายามสานต่อปณิธานที่ได้รับการสอนสั่งจากพ่อหลวง ร.9 ตลอด กว่า 30 ปี คงต้องขออนุญาตรื้อความทรงจำเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ  พ่อหลวง ร.9  ทรงสอนสั่งว่าให้ประชาชนหันหน้าเข้าหากันทุกฝ่าย จึงเป็นเหตุให้ญาติวีรชนพฤษภาฯ อโหสิกรรมทุกฝ่าย และน้อมนำมาปฏิบัติตลอดมา จึงยอมให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่งตั้งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สปช. ที่มี ดร.อเนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธานฯ  

นายอดุลย์ กล่าวว่าในปี พ.ศ 2558 คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองได้รับฟังและทำความเข้าใจกับผู้เสียหายทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ โดยศึกษาบทเรียนจากต่างประเทศด้วย แล้วทำรายงานการศึกษาและข้อเสอแนะแนวทางการสร้างความปรองดองต่อ สปช. ในที่สุดที่ประชุม สปช. ลงมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ จากนั้นประธาน สปช. (นายเทียนฉาย กีระนันท์) ได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) แต่รัฐบาลคสช.โดยการนำของ “กลุ่ม3.ป.” กลับยกเลิกสปช.ไม่ต้องการให้มีการปรองดองเกิดขึ้น เพราะพวกตัวเอง ”ต้องการอยู่ยาว” เป็นเหตุให้ความขัดแย้งขยายลุกลามถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย จนสังคมไทยแตกแยกร้าวลึกไร้ทางเยียวยาจนถึงบัดนี้ 

“เมื่อ พล.อ. ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาพูดถึงความสามัคคี ก้าวข้ามความขัดแย้ง จะออกจากกับดักความคิด 2 ขั้ว คณะกรรมการญาติวีรชนฯ จึงมีความข้องใจสงสัยและไม่วางใจว่ามีความจริงใจที่จะทำตามคำมั่นสัญญาประชาคมหรือไม่  แม้ในหลักการจะเห็นด้วยและสนับสนุนก็ตาม ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความจริงใจ พล.อ.ประวิตร ต้องตอบเรามาก่อนว่ารายงานการศึกษาและข้อเสอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง ของ สปช. ที่ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนฯ เป็นกรรมการด้วย ซึ่งประธานสปช.เสนอให้รัฐบาลแล้ว ไปซุกไว้ที่ไหน ทำไมไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ  ไม่ใช่มาพูดเพียงเพื่อหาเสียงแล้วหลอกแกนนำผู้ชุมนุมอีกตามเคย กลายเป็น ลิเกปรองดอง ที่ไร้ความน่าเชื่อถือ  แต่หากมีความจริงใจและสามารถพิสูจน์ได้ว่าต้องการทำให้มีความสามัคคีของคนในชาติจริงๆ ญาติวีรชนพฤษภา’๓๕ ยืนยันว่าจะสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ตามวัฒนธรรมประเพณีของไทยแต่โบราณ” นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่าหากพล.อ.ประวิตร  มีความจริงใจ  จะสร้างความปรองดอง ต้องนำเสนออย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ไม่ใช่แค่นามธรรมมาทำในช่วงการหาเสียง และต้องให้คำมั่นสัญญาประชาคม ของพรรคพลังประชารัฐ ต่อประชาชนทุกหมู่เหล่าว่าเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินการโดยมีชักช้า โดยนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปรอง สปช.มาพิจารณา และล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2556  น.พ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ.  ... ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยให้มีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 – 30 พ.ย. 2565 ไม่เป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ไม่รวมถึงการกระทำความผิดฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ การกระทำความผิดตามป.อาญา มาตรา 112 และการกระทำที่ส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพื่อลดความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการปรองดอง สปช. ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคพลังประชารัฐ ควรนำไปพิจารณา  และขอเตือนว่าหากจะปรองดองโดยการนิรโทษกรรมแบบสุดซอยเหมือนในอดีต จะพบกับวิกฤตครั้งใหม่ที่ พล.อ.ประวิตร จะรับมือไม่ไหวอย่างแน่นอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net