ตำรวจยิงปืนในบ้าน ย่านสายไหม เสียชีวิตที่ รพ.ภูมิพล หลังถูกจู่โจมจับกุมและถูกยิงเข้าตามร่างกาย

พ.ต.ท.กิตติกานต์ สารวัตรสันติบาล ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงออกจากบ้านพักย่านสายไหม เสียชีวิตแล้วที่ รพ.ภูมิพล หลังถูก บุกจู่โจมจับกุมแล้วเกิดการยิงปะทะจนถูกกระสุนปืนเข้าตามร่างกายอาการสาหัส 'จิตแพทย์' ขอสังคมทำความเข้าใจ

 

16 มี.ค.2566 ความคืบสถานการณ์ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ สารวัตรสันติบาล ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงออกจากบ้านพักย่านสายไหมตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (14 มี.ค.)ที่ผ่านมานั้น สวพ.91 รายงานว่า พ.ต.ท.กิตติกานต์ ถูกหน่วยอรินทราชบุกจู่โจมจับกุมแล้วเกิดการยิงปะทะกันขึ้น ทำให้ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ถูกกระสุนปืนเข้าตามร่างกายอาการสาหัส และนำตัวส่ง รพ.ภูมิพล โดยทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัด แต่อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤต

ต่อมา เวลา 22.50 น. พ.ต.อ. รังสรรค์ สอนสิงห์ ผู้กำกับการ สน.สายไหม ยืนยันกับทาง สวพ.91 ว่า พ.ต.ท. กิตติกานต์ สารวัตรสันติบาลฯ หลังเกิดการปะทะและบาดเจ็บสาหัส ได้เสียชีวิตแล้วที่ รพ.ภูมิพล 

ภาพปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าควบคุมสถานการณ์เหตุตำรวจยิงปืนในบ้าน ย่านชุมชนซอยสายไหม 56 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. (ที่มาภาพ เพจ สืบสวนนครบาล IDMB )

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว รายงานข่าวระบุว่า เริ่มต้นเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. ตำรวจรับแจ้งเกิดเหตุ ชายคลุ้มคลั่ง ก่อเหตุยิงปืนหลายนัดจุดเกิดเหตุบริเวณ บ้านมั่นคง แยกซอยสายไหม 46 แขวงและเขตสายไหม กทม. ตำรวจ สน.สายไหม เร่งเข้าระงับเหตุ  จากนั้นเวลา 12.00 น. จากการเข้าตรวจสอบ พบว่า ชายคลุ้มคลั่ง คือ "สารวัตรกานต์" พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว สันติบาล ยิงปืนอยู่ภายในบ้านพัก เพื่อนผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า สารวัตรกานต์ มีอาการป่วยทางจิต แล้วโทรศัพท์ให้มารับ แต่เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาก็มีอาการคลุ้มคลั่ง และยิงปืนออกมาจากภายในบ้านเป็นระยะ 

จากนั้นเวลา 12.30 น. ตำรวจอรินทราช 30 นาย พร้อมตำรวจ สน.สายไหม ระดมกำลังปิดล้อม เพื่อระงับเหตุ หลัง สารวัตรกานต์ถือปืนเดินออกมาจากภายในบ้าน พร้อมตะโกนด่าทอเป็นระยะ เหตุการณ์ควบคุมสถานการณ์กินเวลา 25 ชั่วโมง ก่อนเมื่อเวลา 12.17 น. ของวันที่ 15 มี.ค. ตำรวจปฏิบัติการจู่โจมบุกเข้าบ้านผู้ก่อเหตุ พร้อมชาร์จตัว

จิตแพทย์ ขอสังคมทำความเข้าใจ

สำนักข่าวไทย รายงานความเห็นของ นพ.มานิต ศรีสุรภานนท์ ศาสตราจารย์และประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงเหตุการณ์สารวัตรคลั่ง ว่า อยากให้สังคมมีความเข้าใจเรื่องของผู้ป่วยทางจิตเวช เพราะบ่อยครั้งถูกตีตรา ทำให้ขาดความเข้าใจเรื่องกระบวนการรักษา จากกรณีสารวัตรคนดังกล่าว เกิดอาการคลุ้มคลั่ง หลังจากรถพยาบาลมารับตัวไปรักษาในโรงพยาบาล  ซึ่งการแสดงออกลักษณะคล้ายปฏิเสธการรักษา อาจเกิดจาก 1.การตีตราในสังคม ไม่มีใครอยากถูกตีตราว่าเป็นคนป่วยทางจิต ไม่เหมือนกับการเจ็บป่วยโรคทางกาย ที่คนมักให้ความเห็นใจและสงสาร ทั้งที่จริง ๆ แล้ว โรคทางใจต้องการความช่วยเหลือและรักษาไม่แตกต่างกัน 2.ไม่รู้ตัวว่าป่วย ไม่รู้ว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมอารมณ์ของตนเอง ต้องอาศัยคนรอบข้างร่วมสังเกต และ 3.เข้าใจว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาทางจิตเวช จะขาดอิสระ ไม่เหมือนกับการรักษาโรคทางกาย

ส่วนเรื่องการตั้งข้อสังเกต พบอุปกรณ์การเสพกัญชาใกล้กับที่นอนของสารวัตรคนดังกล่าวนั้น นพ.มานิต กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่า เมื่อมีอาการทางจิต และมีการใช้สารเสพติดร่วมยิ่งส่งผลให้อาการรุนแรงมากขึ้น โดยสารเสพติดก่อให้เกิดอาการทางจิตเวช ได้แก่ แอมเฟตามีน (ยาบ้า) และกัญชา ส่วนที่ระบุจากข่าวว่าผู้ก่อเหตุรายนี้มีอาการนอนไม่หลับ จึงสันนิษฐานว่าอาจใช้เพื่อบรรเทาอาการนั้น อยากทำความเข้าใจว่าการรักษาอาการ ทั้งวิตกกังวล หรือนอนไม่หลับ จิตแพทย์จะไม่แนะนำให้ใช้สารเสพติดอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหล้า หรือกัญชา ส่วนฤทธิ์ของกัญชาในร่างกายจะอยู่นานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เมื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาก็ต้องรับยาเพื่อถอดฤทธิ์เหล่านี้ออกทันที จะรอให้หมดเองไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหาในกระบวนการรักษา และภาระของแพทย์ หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ส่วนผู้ก่อเหตุรายนี้จะเสพกัญชาหรือไม่ ไม่อาจตอบได้

ต่อคำถามที่ว่าเหตุใดผู้มีอำนาจถือครองอาวุธปืนมักก่อนเหตุรุนแรงและมีอาการป่วยนั้น นพ.มานิต กล่าวว่า มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาทั้งการตรวจสอบสภาพจิตใจก่อนที่จะมีการอนุญาตให้ถือครองอาวุธปืน แต่ต้องยอมรับว่ามีความยุ่งยาก เนื่องจากกลไกการตรวจสอบสภาพจิตใจไม่ง่าย และไม่สามารถทำเสร็จแบบรวดเร็วทันที ต้องใช้เวลา ดังนั้น หากผู้ถือครองอาวุธมีนับแสนคน ต้องใช้บุคลากรหรือจิตแพทย์จำนวนมากในการตรวจสอบ และที่สำคัญการตรวจสุขภาพทางจิต ยังต้องเชื่อมโยงร่วมกับการตรวจค้นประวัติของผู้ถือครองอาวุธด้วย ว่ามีพฤติกรรม ชอบก่อเหตุ หรือกระทำความรุนแรงบ่อยครั้งหรือไม่ ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุน และต้องทำแบบต่อเนื่อง ซึ่งต้องชั่งน้ำหนักว่าภาครัฐและเห็นด้วยหรือไม่ เพราะหากนำจิตแพทย์มาช่วยกันตรวจสุขภาพจิตผู้ถือครองอาวุธปืนกันหมด ก็อาจละเลยการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท