Skip to main content
sharethis

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปกรมที่ดิน จี้ถอนเอกสารสิทธิที่ดินเกาะหลีเป๊ะ ปลัด มท.กำชับให้แล้วเสร็จใน 60 วัน ที่ปรึกษาเผยมีพยานสำคัญยืนยันสิทธิชาวเล ส่วนการจัดสรรที่ดินให้ชาวเล ต้องรอก่อน

 

16 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า วันนี้ (16 มี.ค.) ณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล และที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ และคณะ ได้เดินทางไปยังกรมที่ดินเพื่อหารือกับผู้บริหารกรมที่ดินเกี่ยวกับการตรวจสอบที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะโดยเฉพาะที่ดินแปลงที่ 11 ที่คณะกรรมการฯมีมติให้เพิกถอน น.ส.3 ทั้งแปลง เนื่องจากผลการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกมาตรงกันว่ามีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ นอกจากนี้ ยังมีผลคำวินิจฉัยของศาลแพ่งที่บอกว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวชาวเลอยู่มาก่อน ซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงได้

 

ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีมติให้กรมที่ดินรีบทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าวโดยการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ของประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งนี้ในวันที่ 24 มีนาคม ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่และจะมีการทำความเห็นสรุปให้กรมที่ดินเพิกถอนอีกครั้งหนึ่ง

“ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กำชับกรมที่ดินให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 60 วันคือภายในวันที่ 15 เมษายน โดยจะไม่มีการต่อเวลาออกไปอีก หากมีการเพิกถอนที่ดินแปลงนี้แล้วก็สามารถนำร่องเพื่อตรวจสอบแปลงอื่นๆที่มีการออกเอกสารสิทธิในทำนองเดียวกันได้” ณฐพร กล่าว 

ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเคยมีมติคณะรัฐมนตรีอนุญาตให้คนจนอยู่ในที่ดินว่างเปล่าแต่ต้องมีคนที่มีสิทธิ เช่น อยู่มาก่อน ซึ่งกรณีนี้ชาวเลก็เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีพยานปากสำคัญที่เป็นคนเก่าคนแก่ และยังมีชีวิตอยู่ยืนยันว่าได้มีการมอบที่ดินให้ชาวเล แต่กลับถูกนำเอาไปออกเอกสารสิทธิ ซึ่งภาพถ่ายทางอากาศยืนยันว่ามีการปลูกต้นมะพร้าวและมีป่าอยู่จริง แต่ชาวเลไม่รู้หนังสือเมื่อมีผู้รวบรวม ส.ค.1 เอาไปออก น.ส.3 จึงยินยอมให้ไป แต่กลายเป็นชื่อคนอื่นโดยการปั๊มรายมือของชาวเล

"เราพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิที่มิชอบมากมาย เราอยากให้มีการตรวจสอบทั้งหมด แต่กรมที่ดินพยายามดึงเรื่องเอาไว้ เขาอ้างว่ากลัวถูกฟ้องละเมิด แต่ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดที่ร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วยบอกว่าไม่มีอะไรน่ากังวลเรื่องการถูกฟ้องกลับเพราะมีหลักฐานต่างๆยืนยันตรงกัน แต่เอาพยานหลักฐานและผลการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลแพ่งมาประกอบก็สามารถเพิกถอนได้เลย ซึ่งหากกรมที่ดินไม่ดำเนินการก็อาจถูกข้อหาละเว้นตามมาตรา 157" ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว 

ณฐพร กล่าวว่า ในส่วนของข้าราชการกรมที่ดินที่มีส่วนในการออกเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงที่มีปัญหานั้นก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่ามีใครบ้าง แต่เข้าใจว่าบางส่วนเสียชีวิตไปแล้ว

"กรมที่ดินอ้างว่า การที่ที่ดินแปลงที่ 11 บวมขยายออกไปจาก 50 ไร่ เป็น 80 ไร่ มีความเป็นไปได้ เพราะเมื่อรังวัดจริงอาจขยายเพิ่มได้ แต่ผมไม่เชื่อ เพราะตำแหน่งทั้งหัวท้ายที่ติดเขาติดทะเลเปลี่ยนแปลงไปหมด มันเป็นไปได้อย่างไร แถมท้ายสุดกับขยายครอบครองเป็น 140 ไร่ ทั้งๆ ที่ตอนรังวัด น.ส.3 ก็ต้องมีหน่วยงาน 3 หน่วยงานมาคอยชี้เขต แต่นี่เขากลับไม่รู้เรื่องเลย แล้วจะเป็นการออกเอกสารสิทธิชอบได้อย่างไร" ณฐพร กล่าว

พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชาวเล กล่าวว่าตนรับผิดชองเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งได้สั่งการให้มีการสำรวจชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ คือ1.คนที่ไม่มีบ้านและที่ดินเลย 2.คนที่มีบ้านของตัวเองแต่อยู่ที่ดินเป็นของคนอื่น 3.คนที่มีบ้านของตัวเองบนที่ดินของตัวเองแต่ชำรุดทรุดโทรม นอกจากนี้ยังมีชาวเลกลุ่มที่ถูกอุทยานฯอพยพมาจากเกาะอาดัง ซึ่งไม่มีทั้งบ้านและที่ดินโดยต้องหาที่ดินและบ้านให้ชาวเลกลุ่มนี้เร่งด่วน

พล.อ.สุรินทร์ กล่าวว่า  ตอนนี้ทางจังหวัดสตูล กำลังเร่งสำรวจ เพราะมีข้อมูลเดิมจากหลายหน่วยงานที่เคยสำรวจแล้ว แต่ต้องการให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด นอกจากนี้ เกี่ยวกับเรื่องน้ำกินน้ำใช้บนเกาะ ได้นำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา และผ่านความเห็นชอบแล้วคือ ต้องการให้นำน้ำมาจากเกาะอาดัง โดยต่อท่อที่เป็นท่อถาวร ซึ่งคณะกรรมการฯ จะเสนอตามขั้นตอนเพื่อให้หน่วยงานที่เดี่ยวข้องเร่งดำเนินการ 

"แต่เรื่องการจัดสรรที่อยู่ให้ชาวเล เราต้องรอความชัดเจนจากผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการชุดที่ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานก่อน หลังจากนั้นเราถึงจะจัดสรรที่ดินให้กับชาวเลได้" พล.อ.สุรินทร์ กล่าว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net