Skip to main content
sharethis

'เพื่อไทย' หาเสียงชลบุรี ‘สนธยา’ มั่นใจกวาด ส.ส. ยกจังหวัด ‘เศรษฐา’ ขอให้อดใจรอปมลงปาร์ตี้ลิสต์ควบแคนดิเดตนายกหรือไม่ ชี้ไม่อยากกดดันพรรค ขอทำหน้าที่เสนอนโยบายของพรรคต่อประชาชนก่อน - 'สุริยะ' เปิดใจเหตุร่วมงานเพื่อไทย ชี้รัฐบาลไร้เอกภาพผสมหลายพรรค จนแก้ปัญหา ศก.ไม่สำเร็จ 

18 มี.ค. 2566 Voice online รายงานว่าที่โรงแรม Wheeler Bed and Bike อ.เมือง จ.ชลบุรี สนธยา คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม และแกนนำกลุ่มเรารักชลบุรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดชลบุรีว่า เป็นผลงานของทีมชลบุรีที่ผ่านมา ซึ่งเคยมีตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย โดยทางกลุ่มเรารักชลบุรีนั้นก็เคยเป็นทีมเดียวกันกับพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2548 ในช่วงที่ผ่านมาก็มีเรื่องผลงานที่จับต้องได้ ทำให้เรามั่นใจว่าในการขับเคลื่อนครั้งนี้ด้วยนโยบายใหม่ของพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา และแรง ขับเคลื่อนของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย รวมทั้งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี 10 คนที่ไดัคัดเลือกมาแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการเลือกตั้งรอบนี้พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์และกวาด ส.ส.ยกจังหวัดชลบุรี

เมื่อถามว่าในพื้นที่จังหวัดชลบุรี บ้านใหม่ของ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ สนธยา ระบุว่า คู่แข่งก็คือคู่แข่ง ตนถือว่าในส่วนการเลือกตั้งอยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกใครไปทำหน้าที่ผู้แทน เขาไม่ได้ดูหัวโขนหน้าตาหรือนิทานเรื่องเล่าต่างๆ แต่ประชาชนจะดูเรื่องความจริงและความจริงใจ สิ่งที่ทำให้เห็นว่าเป็นภาพลวงตาหรือภาพจริง ซึ่งตนก็มั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็จะสู้อย่างเต็มที่ พร้อมด้วยนโยบายพรรคและผู้สมัคร เมื่อถามว่าเป็นกังวลหรือไม่ว่าอาจจะทำให้พรรคก้าวไกล คว้า ส.ส.ชลบุรี อีก สนธยา ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งก่อนเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรค ถ้าหากไม่มีการยุบพรรคไทยรักษาชาติจะทำให้ผลการเลือกตั้งใน จ.ชลบุรีจะเป็นอีกแบบหนึ่ง  

“ในวันนี้ใช้อำนาจรัฐใช้อำนาจบางอย่างมาข่มขู่ ให้แตกแยก เหลื่อมล้ำใน จ.ชลบุรี พรรคเพื่อไทยเราหัวใจคือประชาชน เราไม่มีแบ่งพวกแบ่งข้างพวกใครพวกมัน เราถือว่าเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน ทีมชลบุรีเป็นหนึ่งในทีมพรรคเพื่อไทย หัวใจเราคือประชาชน เราคิดว่าประชาชนสำคัญสุด” สนธยา กล่าว และเมื่อถามว่านอกจากกระแสของตัวผู้สมัครแล้วก็ยังมีเรื่องกระสุนของในตัวผู้สมัครจากคู่แข่งด้วย สนธยา กล่าวว่า “เราใส่เสื้อเกราะ ไม่กลัวหรอกครับกระสุน กระสุนทางการเมือง เรามีเกราะคุ้มกันทางการเมืองก็คือประชาชน”

ด้าน เศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อปราศรัยหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย ว่าตนยังไม่ชินเพราะยังเป็นก้าวใหม่ในชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาก็ยังเป็นน้องใหม่ ส่วนกรณีชูวิทย์ กมลวิศิฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย จะขุดคุ้ยนั้น ตนมาอยู่ตรงนี้แล้วก็มั่นใจว่า เราทำเพื่อประชาชน จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่เชิง เมื่อถามถึงกรณีเศรษฐาจะลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เศรษฐา ระบุว่าให้อดใจรอสักพักหนึ่ง วันนี้ตนมา จ.ชลบุรี เพื่อให้กำลังใจกับผู้สมัคร ส.ส. ส่วนการเป็น ส.ส.ควบคู่ในการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนเชื่อว่า ฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารควรจะแยกออกจากกัน แต่เมื่ออยู่ฝ่ายบริหารแล้วก็ต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภาด้วย

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกฯ พร้อมกัน เศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าอย่าเพิ่งไปพูดอย่างนั้นเพราะจะเป็นการกดดันผู้บริหารพรรค ให้ตนได้ ทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก่อนและวันนี้ก็มานำเสนอนโยบายกับคนในจังหวัดชลบุรีได้ทราบ รวมถึงตำนานที่ครอบครัวสนธยาได้ทำมาหลายสิบปี มีประชาชนเป็นเกราะ เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ทำให้ จ.ชลบุรี ทั้งนี้ตนขอทำหน้าที่ในวันนี้ให้ดีที่สุดก่อนในวันต่อวัน ขอให้ทำทีละขั้นก่อน

เมื่อถามถึงกรณีอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยประกาศหากกาวแคนดิเดตนายกฯ คนหน้าเก่าอยู่มา 8 ปี และคนหน้าใหม่ก็ไม่มีประสบการณ์ เศรษฐา กล่าวว่า อนุทินเป็นนักการเมืองอาวุโสคร่ำหวอดอยู่ในวงการการเมืองมานาน ท่านพูดอะไรมาตนก็รับฟัง พรรคเพื่อไทยใช้นโยบายนำมาตลอดตั้งแต่ไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย อย่างล่าสุดมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้ถามพรรคเพื่อไทยทำงานเป็นครอบครัวหรือไม่ ดูแผงผู้สมัครที่นั่งบนเวทียืนยันว่าพรรคเพื่อไทยทำงานกันเป็นทีม โดยมีผู้สมัครที่มีคุณภาพเพื่อให้ประชาชนพิจารณา ตนไม่ได้ปฏิเสธว่ามีประสบการณ์หรือไม่มีประสบการณ์ ตนขอให้ไปถามอนุทินเอง

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ถามกลับอนุทินว่า ต้องถามว่าประสบการณ์อะไร ถ้าถามว่าอนุทินเคยมีประสบการณ์นายกฯ หรือไม่นั้นก็คงต้องถามกลับด้วย และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการประกาศยุบสภาฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ควรประกาศให้ชัดเจนจะเป็นวันใดหรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า จริงๆ นายกฯก็เตรียมประกาศวันยุบสภาฯอยู่แล้ว เท่าที่ทราบข่าวมาขณะนี้มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) อยู่แล้วแต่อยู่ในขั้นตอนการลงสนามรับสนองพระบรมราชโองการและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น ซึ่งวันที่เหลืออยู่จะเป็นวันที่ 20-22 มี.ค.นั้น มีข่าวหลายกระแสบอกว่าจะเป็นวันที่ 20 มี.ค.นี้ แต่ตนได้ฟังจากรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดโดยจะประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดสุดท้ายอีก 1 วันในวันที่ 21 มี.ค. หรืออาจจะประชุม ครม.แล้วก็ประกาศยุบสภาฯ ก็ได้ ตอนนี้ตนไม่กังวลว่าจะมีการประกาศยุบสภาในวันใด เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะมีการเลือกตั้งแน่นอน ในวันที่ 14 พ.ค. 2566

ผู้ประกอบการชลบุรี  หวังเพื่อไทยได้ 350 เสียงขึ้นไป จัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ  ขับเคลื่อนนโยบายได้  

เพจพรรคเพื่อไทย รายงานว่าชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช  ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย  สนธยา คุณปลื้ม  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย สุกุมล คุณปลื้ม  ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชลบุรี พรรคเพื่อไทย ร่วมพูดคุย แลกเปลี่ยน หารือร่วมกับผู้ประกอบการในจังหวัดชลบุรี  

ตัวแทนสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี  อยากได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ  หากเพื่อไทยได้ 350 เสียง จะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเป็นอย่างมาก  นำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบาย กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และอยากให้สนับสนุนส่งเสริม SMEs  เพราะในพื้นที่มี SMEs จำนวนมาก แต่ติดขัดเรื่องกฎหมาย และข้อกำหนดต่างๆ นอกจากนี้ยังเสนอแนะแนงทางการพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อให้สอดรับกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570

ตัวแทนหอการค้า จ.ชลบุรี ระบุว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ เช่น รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ และสนามบิน มีความล่าช้า แม้รัฐบาลปัจจุบันประกาศให้ชลบุรีเป็นเขตอีอีซีก็ตาม  นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย นำเอาวัตถุดิบ แรงงาน เข้ามาด้วย ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เอกชนมองเห็นโอกาสนี้ด้วยการตั้งโรงพยาบาลเอกชน ในขณะที่ขาดแคลนโรงพยาบาลรัฐบาลที่ทำให้แรงงานไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ 

ส่วนสมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบัง-ชลบุรี เสนอให้ก่อสร้างจุดพักคิว 100% หากรถหนาแน่น เปิดลานสำรองเต็มรูปแบบ พัฒนาระบบ e-payment ให้สำเร็จ  ไม่สำเร็จไปในทางที่ดี รวมถึงอยากให้ท้องถิ่นเข้ามากำกับดูแลเรื่องใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะแบบปีต่อปี  รวมถึงลดค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์รถโดยสารให้แพงกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลไม่มาก เพื่อแบ่งเบาปริมาณรถ เพิ่มความคล่องตัวทางจราจร 

ขณะที่ผู้แทนกลุ่มประมง ระบุว่ารัฐบาลเอาใจไอยูยูจนทำให้ประมงพื้นบ้านของเราล้มหายตายจาก ส่วนตัวแทนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แสดงความเป็นห่วงหนี้ครัวเรือน และดอกเบี้ยที่สูง เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนสูง  ทำให้อสังหาริมทรัพย์ไปต่อยาก ดังนั้นควรหาวิธีการสร้างรายได้เพิ่ม เพื่อมีกำลังซื้อบ้านได้

พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าพรรเคพื่อไทยมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ตลาด เป็นเรื่องสำคัญ  จึงเสนอตัวทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนติดต่อหาตลาด  ทุกคนมีโอกาสนำสินค้าออกไปขาย และมีแนวคิดที่จะพัฒนาสินค้า  เช่น การแปรรูปอาหารที่ปรุงรสชาติส่งออก รวมทั้งวางแผนใช้ e-Commerce เชื่อมผู้ประกอบการกับผู้บริโภค เชื่อมผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ  เชื่อมผู้บริโภคกับผู้บริโภค เชื่อมผู้ประกอบการกับภาครัฐ และเชื่อมภาครัฐกับประชาชน  รวมทั้งจะมีการวาง KPI ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อประเมินการทำงานพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดด้วย

เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  กล่าวว่า การประกาศนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อใช้จ่ายในพื้นที่ภายใน 6 เดือน ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และกระตุ้นภาคธุรกิจ SMEs  ได้  นอกจากนี้ยังมองว่า การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs  คือการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยสถาบันการเงินและรัฐบาลต้องพบกันครึ่งทาง หรับ SME ต้องได้รับการผลักดันอย่างมาก แบงค์และรัฐบาลต้องเดินมาเจอกันครึ่งทาง  หากธนาคารประเมินการให้กู้สินเชื่อครึ่งหนึ่งของที่ยื่นกู้ ที่เหลือรัฐจ้องสนับสนุน จะช่วยต่อลมหายใจให้ SMEs  ได้ ซึ่งเรื่องนี้เตรียมนำเสนอคณะทำงานด้านนโยบายของพรรคต่อไป 

สำหรับการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของรัฐ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค  ดูแลผู้ป่วยโรคไต และโรคต่างๆได้อย่างครอบคลุม  ข้อเสนอการขนส่ง  ทางพื้นที่จะได้รวบรวมข้อมูลนำเข้าหารือต่อไป  ส่วนปัณหาด้านประมงมี ปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นผู้รับผิดชอบซึ่งไ่ด้ประกาศนโยบายเพื่อแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องจากกรณีไอยูยูแล้ว เรื่องอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าหากเศรษฐกิจเติบโต ภาคอสังหาริมทรัพย์จะโตตามไปด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยประกาศว่าเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ เฉลี่ย 5% ภายใน 4 ปี  คาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะโต 5-10%

ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชันในแวดวงธุรกิจ SMEs  ต้องแก้ไขทั้งในเชิงโครงสร้างของระบบและพฤติกรรมระดับบุคคล โดยการแก้ไขผ่านโครงสร้าง ต้องลดการใช้ดุลพินิจของบุคคลลง และทำให้กระบวนการตรวจสอบสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการวางนโยบายจากการเอาปัญหาที่ประชาชนได้รับผลกระทบมากที่สุด  กลั่นกรองเป็นนโยบาย รอเพียงได้เป็นรัฐบาล เพื่อเข้าไปขับเคลื่อนเท่านั้น

'สุริยะ' เปิดใจเหตุร่วมงานเพื่อไทย ชี้รัฐบาลไร้เอกภาพผสมหลายพรรค จนแก้ปัญหา ศก.ไม่สำเร็จ

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรม และ อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงเหตุผลในการลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าหลังจากทำงานร่วมกับรัฐบาล และพรรคพลังประชารัฐ มากว่า 4 ปี พบว่า เป็นการทำงานที่ค่อนข้างมีอุปสรรค เพราะแม้พรรคพลังประชารัฐ จะเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ด้วยการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ ได้ ส.ส.มา 118 ที่นั่ง ทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพในรัฐบาล ที่เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค มีการต่อรองโควตาต่างๆ จน พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนพึงพอใจได้ แนวนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และประเทศชาติหลายๆ เรื่องไม่ได้รับการผลักดันหรือผลักดันไม่สำเร็จ

“สิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ ต้องช่วยประคับประคองให้ความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้นโดยเร็ว อย่างทุกวันนี้ไทยมีจีดีพีแทบจะต่ำสุดในอาเซียน ดังนั้น เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในการทำงานของรัฐบาล ทำสิ่งต่างๆ ให้สัมฤทธิ์ผล จึงต้องมองพรรคการเมืองที่จะเดินหน้าในเรื่องแลนด์สไลด์ ก็คงต้องเป็นพรรคเพื่อไทย” นายสุริยะ กล่าว

สุริยะ ชี้ว่าในภาวะที่ประเทศยังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ เห็นว่า พรรคเพื่อไทยที่ประกาศเป้าหมายแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน จะเป็นทางออกให้กับประเทศ เพราะหากพรรคเพื่อไทย สามารถมี ส.ส.ได้ถึง 310 เสียง หรือสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ก็เชื่อว่า จะสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจให้สำเร็จได้ จึงตัดสินใจว่า ถ้าเดินงานการเมืองให้แลนด์สไลด์ได้ จะทำให้แนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ประสบความสำเร็จ เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จึงได้ตัดสินใจที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมแนวทางในการขับเคลื่อนเรื่องที่เป็นโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไปในวันข้างหน้า

“การตัดสินใจกลับมาร่วมงานกับ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมาจากพรรคไทยรักไทยรักไทยในอดีต ก็เปรียบเสมือนบ้านเก่าของผม ผู้บริหาร หรือ ส.ส.ก็ล้วนแล้วแต่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ถือว่ามีดีเอ็นเอเดียวกัน เคยร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันผลงานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมาแล้ว” สุริยะ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยถึงลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วกับทางพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ในการพูดคุยก่อนตกลงร่วมงานกัน ไม่ได้พูดถึงลำดับบัญชีรายชื่อ หรือตำแหน่งใดๆ ที่จะได้รับ มีเพียงการแลกเปลี่ยนหารือถึงแนวนโยบายที่จะเสนอต่อประชาชน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ที่จำเป็นต้องนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง และโดยเร่งด่วน ภายหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองให้เร็วที่สุดเท่านั้น

สุริยะยังระบุได้ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม กราบเรียนนายกฯแล้วเมื่อวันที่ 17 มี.ค. เข้าใจว่าคงได้รับหนังสือแล้ว อีกทั้งยังได้ทำหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเช่นเดียวกัน และได้กรอกใบสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net