Skip to main content
sharethis

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ โฆษกรัฐบาลเผยยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว 11 ล้านคน

22 มี.ค.2566 เว็บไซต์สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล 21 มี.ค. ที่ผ่านมา อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกว่า 11 ล้านคน ยืนยันตัวตน โครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 สำเร็จแล้ว จากจำนวนผู้ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด กว่า 14 ล้านคน โดยโครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นไปตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐให้แก่กลุ่มเปราะบาง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ผ่านเกณฑ์) ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ณ วันที่ 20 มี.ค. 2566 ว่ามีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จ จำนวนทั้งสิ้น 11,121736 ราย จากจำนวนผู้ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด 14,596,820 ราย โดยยังมีผู้ที่ยังไม่ได้ยืนยันตัวตน 3,396,782 ราย และยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ 78,302 ราย  

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 โดยผู้ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มี.ค. 2566 จะได้เริ่มใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 1 เม.ย. 2566 นี้ พร้อมย้ำเตือนประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพหลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ และให้ทำธุรกรรมตามคำแนะนำของมิจฉาชีพ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

“รัฐบาลได้ดำเนินโครงการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือ และการบูรณาการข้อมูลจากหลายหน่วยงาน เป็นอีกหนึ่งแนวทางเพื่อพัฒนาฐานข้อมูลสำหรับการจัดสรรสวัสดิการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐให้กับผู้มีรายได้น้อยที่สมควรจะได้รับประโยชน์จากรัฐอย่างแท้จริง” อนุชา กล่าว

โดยเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่าการยืนยันตัวตนที่ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ผู้ผ่านเกณฑ์จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) ในการยืนยันตัวตนตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร และเมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ผ่านเกณฑ์ต้องตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทาง เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ Call Center โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันจันทร์ – วันศุกร์ ตามเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์ต้องดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการในกรณีที่ภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต โดยหากผู้ผ่านเกณฑ์ดำเนินการยืนยันตัวตนภายใน วันที่ 1 – 26 มีนาคม 2566 และตรวจสอบแล้วพบว่า ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 แต่หากผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มี.ค. 2566 จะได้ใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยรายละเอียดช่วงเวลาการยืนยันตัวตนและวันที่เริ่มใช้สิทธิ

สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบัน จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2566 เท่านั้น

นอกจากนี้ สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์) สามารถขออุทธรณ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. - 1 พฤษภาคม 2566 (62 วัน) โดยดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน หรือขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งผู้ไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์

โฆษกกระทรวงการคลังเน้นย้ำว่า สำหรับผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ที่ได้ทำการยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว จะต้องดำเนินการขอตรวจสอบและ/หรือขอแก้ไขข้อมูล โดยต้องติดต่อที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติ

ที่ผู้ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้วยตนเอง หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนด

เพื่อขอปรับปรุงหรือแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องซึ่งผู้อุทธรณ์จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 โดยกระทรวงการคลังจะประมวลผลการอุทธรณ์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะประกาศผลการอุทธรณ์ให้ทราบต่อไป

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ในวันถัดไป

  • สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง โทร. 09 4858 9794 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 02 273 9020 ต่อ 3502 3503 3506 3536 3542 3518 หรือ โทร. 08 5842 7102 , 08 5842 7103, 08 5842 7104 ,08 5842 7105, 08 5842 7106, 08 5842 7107 08 5842 7109 (เวลาทำการ 08.30 – 16.30 น.)
  • ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โทร. 02 109 2345 (เวลาทำการ 08.30 – 17.30 น.)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net