Skip to main content
sharethis

‘ก้าวไกล' ชี้ รัฐบาลประยุทธ์ขึ้นค่าไฟ-ทิ้งทวนอนุมัติโรงไฟฟ้าอีก 763 เมกะวัตต์ เยอะเกินจำเป็น ยิ่งปล่อยให้มีรัฐบาลเอื้อทุนพลังงาน ยิ่งสร้างภาระประชาชน ชูนโยบายก้าวไกล ‘ปลดล็อกสายส่ง’ ประชาชนซื้อไฟฟ้าราคาถูกได้เอง-ลดค่าไฟ 70 สตางค์/หน่วย ภายใน 1 ปี


วรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล

25 มี.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลแจ้งข่าวว่าวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงปัญหาค่าไฟแพงว่า รัฐบาลเพิ่งประกาศขึ้นค่าไฟบ้านเรือนงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2566 อีก 5 สตางค์/หน่วย ทั้งๆที่ ราคาก๊าซ LNG นำเข้าที่รัฐบาลชอบอ้าง จะลดลงมาแล้ว 60% จากเมื่อสิ้นปี อีกทั้งปัญหาเดิมเรื่องประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเยอะเกินความต้องการ 60% ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข รัฐบาลชุดนี้กลับทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจด้วยการอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 763 เมกะวัตต์ และทำสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเอกชนยาวไปถึง 29 ปี ตามเอกสารแจ้งตลาดหลักทรัพย์ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

วรภพกล่าวว่า ตนต้องทวนย้ำอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ก่อนการเลือกตั้ง 2 เดือน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งประเคนสัญญาโรงไฟฟ้าให้เอกชนเพิ่ม 1,940 เมกะวัตต์ มาคราวนี้เลือกตั้งปี 2566 รัฐบาลเร่งอนุมัติโรงไฟฟ้าให้เอกชนเพิ่มแบบทิ้งทวนอีก ทั้งๆ ที่ปี 2561 และปี 2565 ประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเกินความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดไป 58% จนกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ 12 โรง แต่ 7 โรง ไม่ได้เดินเครื่องเลยแม้แต่วันเดียว

อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า โรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายก็จะเป็นประชาชนที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจากสัญญาที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชนตลอดระยะเวลา 29 ปี และยังเป็นการอนุมัติสัญญาโรงไฟฟ้าทิ้งทวนแบบเร่งรีบ โดยที่รัฐบาลเตะถ่วงการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) ให้ล่าช้ามาแล้ว 1 ปี จากที่ควรออกมาตั้งแต่ปี 2565 เพราะถ้านำข้อมูลจริงมาทบทวนก็จะรู้ว่ายังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มในวันนี้

ยังไม่นับแผนรับซื้อพลังงานทางเลือกจากเอกชนเพิ่มอีก 5,203 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อจากเอกชนที่ทำโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์ขนาดใหญ่ของเอกชน ไม่ใช่บนหลังคาชาวบ้าน ที่ 2.2 บาท/หน่วย รัฐบาลยังใจดีที่จะรับซื้อแพงกว่าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถผลิตได้เองที่ 1.5 บาท/หน่วย ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ต้นทุนของค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นในระยะยาว

วรภพกล่าวว่า ถ้าประเทศไทยยังปล่อยให้มีรัฐบาลที่มีนโยบายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงานแบบนี้อีกต่อไป ประชาชนก็ต้องเป็นคนมาคอยจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ควรต้องจ่าย ก่อเกิดเป็นความเหลื่อมล้ำ และลดขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยต่อตลาดโลกจากต้นทุนพลังงานที่แพง

พรรคก้าวไกลจึงเสนอทางออก หนีจากวังวนทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน ด้วยการปลดล็อกสายส่ง เปิดเสรีให้ประชาชนเลือกซื้อไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดได้เอง ไม่ต้องถูกบังคับผูกขาดซื้อไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฯ อีกต่อไป ทำให้ไม่มีรัฐบาลที่จะสามารถทำสัญญาเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานแบบไม่เป็นธรรมในระยะยาวได้แบบที่ผ่านมา รวมถึงเสนอลดค่าไฟฟ้าได้เลย 70 สตางค์/หน่วย ภายใน 1 ปี จากการเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net