ไฟป่าล้อมเชียงใหม่ ทำ PM 2.5 พุ่ง คุณภาพอากาศรอบตัวเมืองแย่ลงกว่าเดิม ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ประกาศตั้งศูนย์ยกระดับช่วยเหลือประชาชนจาก PM 2.5 และตั้งจุดแจกหน้ากาก แต่ไม่ "ประกาศภาวะฉุกเฉิน" ให้เชียงใหม่เป็น “พื้นที่ภัยพิบัติ” หวั่นกระทบภาคท่องเที่ยวและภาคธุรกิจ รวมไปถึงการยกเลิกกรมธรรม์คุ้มครองต่างๆ

30 มี.ค. 2566 สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุไฟป่าบริเวณ อำเภอเชียงดาว, ต.น้ำแพร่ ต.บ้านปง อำเภอหางดง ส่งผลให้คุณภาพอากาศรอบตัวเมืองเชียงใหม่แย่ลงกว่าเดิม เวลาประมาณ 11.00 น. เว็บไซต์รายงานคุณภาพอากาศ Iqair.com ระบุว่า เชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้สูงถึง 281 US AQI และมี PM 2.5 อยู่ที่ 230 ไมโครกรัม ซึ่งองค์การอนามัยโลกกำหนดให้ค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในเวลา 24 ชั่วโมง กรมควบคุมมลพิษประเทศไทย ค่า PM 2.5 ไม่ควรเกิน 50 ไมโครกรัม ต่อลูกบาศก์เมตรใน 24 ชั่วโมง

สภาพฝุ่นบริเวณอ่างแก้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

วันที่ 30 มี.ค. 2566

เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประกาศตั้งศูนย์ยกระดับช่วยเหลือประชาชนจาก PM 2.5 พร้อมทั้งเฝ้าดูสถานการณ์ 24 ชั่วโมง แต่ยังไม่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินให้เชียงใหม่เป็น “พื้นที่ภัยพิบัติ” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงถึงเหตุที่ไม่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เนื่องจาก การประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น อาจจะกระทบกับกลุ่มภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคธุรกิจ แต่ยืนยันว่าการช่วยเหลือสามารถทำได้ โดยไม่ต้องออกประกาศฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคส่วนสำคัญในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการยกเลิกกรมธรรม์คุ้มครองต่างๆ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้เชียงใหม่รับมือการเผาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี พยามควบคุมไม่ให้เกิน 50 จุดต่อวัน และเชียงใหม่ไม่ใช่จังหวัดที่เผามากที่สุดในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 6 แม้จะมีพื้นที่มากกว่า 20,000 ตารางกิโลเมตร

สำหรับหมอกควันผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากที่นักวิชาการประเมิน 50 เปอร์เซ็นต์มาจากนอกพื้นที่ ส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งได้ใช้ฝนหลวง ในการชะล้างฝุ่นควัน โดยปีนี้ดำเนินการสำเร็จไปแล้ว 5 รอบ

ดังนั้น นิรัตน์ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ จึงยกระดับความช่วยเหลือ โดยการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยไม่ต้องรอประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ รวมถึงการออกคำเตือน และมาตรการประกาศเพื่อรับมือกับสถานการณ์ “หากพื้นที่ไหน สถานการณ์รุนแรง เช่น อำเภอ ที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็สามารถออกประกาศคำเตือน การห้ามออกนอกพื้นที่ เช่น หากพบเกินค่ามาตรฐานที่สูงมาก อาจขอความร่วมมือ ให้ประชาชนอยู่แต่บ้าน, โรงเรียนหยุดการเรียนการสอนในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ถือเป็นการยกระดับความช่วยเหลือให้ทันท่วงที โดยปัจจัยในการพิจารณา คือการให้พื้นที่ ประเมินร่วมกับสาธารณสุข และจะพิจารณาตามแต่ละสถานที่ ที่มีความจำเป็น ซึ่งจะเฝ้าดูสถานการณ์ 24 ชั่วโมง”

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงถึงเหตุที่ไม่ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ เนื่องจาก การประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น อาจจะกระทบกับกลุ่มภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคธุรกิจ ยืนยันว่าการช่วยเหลือ สามารถทำได้ โดยไม่ต้องออกประกาศฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาคส่วนสำคัญในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการยกเลิกกรมธรรม์คุ้มครองต่าง ๆ

นอกจากนี้ ทางจังหวัดได้มีการตั้งจุดแจกหนเ้ากากป้องกัน PM 2.5 ทั้งหมด 7 จุดทั่วเชียงใหม่

1. สำนักงานป้องกันป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ รับได้ที่ด้านหน้าสำนักงาน ปภ. ผู้ประสานงาน นายวีรวิวัฒน์ บำรุงพาณิชย์ โทร. 0817160534
2. เทศบาลนครเชียงใหม่ รับได้ที่ พิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา ตรงข้ามอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ผู้ประสานงาน ผอ.สำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม นางสาวดารารัตน์ พงศ์รัตนามาน โทร. 0979461642
3. องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.) รับได้ที่ด้านหน้า อบจ. ผู้ประสานงาน นายอิสรา ซอนเสน โทร. 0857184430
4. ที่ว่าการอำเภอเชียงดาว ผู้ประสานงาน ปภ.สาขาเชียงดาว นางสาวนงลักษณ์ ยะคำป้อ โทร. 0982583074
5. ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ผู้ประสานงาน ปลัดอำเภอ นายอภิชาต สินณรงค์ โทร. 0639032333
6. ที่ว่าการอำเภอฮอด ผู้ประสานงาน ปภ.สาขาฮอด นายธนวัฒน์ แปงใจ โทร. 0982583081
7. ที่ว่าการอำเภอฝาง ผู้ประสานงาน ปภ.สาขาฝาง นายวีระชัย ละอองศรี โทร. 0982583063

ประชาชนที่มาลงขื่อรับหน้ากาก

บริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์