ช่างภาพข่าวถูก ตร.สส.บก.น.5 คุกคามหนัก เฝ้าคอนโดที่พักเกือบ 2 สัปดาห์ กดดันนิติเอาข้อมูลของสื่อ

'ณัฐพล' ช่างภาพข่าว แจ้งถูก ตร.กก.สส.บก.น.5 คุกคามหนัก ติดตามเฝ้าคอนโดที่พักเกือบ 2 สัปดาห์ นิติฯ ถูกพูดขู่กดดันให้แจ้งข้อมูลที่พัก ยานพาหนะ และกล้องวงจรปิด โดยไม่มีหมายศาล อ้างเป็น "บุคคลเฝ้าระวังพิเศษ"

 

16 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพข่าวจากสื่อแพลตฟอร์มออนไลน์ 'Space Bar' เมื่อ 14 เม.ย. 2566 ระบุว่า บุคคลคาดว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบจากฝ่ายสืบสวนตำรวจนครบาล 5 (สส.บก.น.5) มาเฝ้าติดตามระหว่าง 1-13 เม.ย.ที่ผ่านมา และมีการขอข้อมูลจากนิติคอนโดฯ ที่เขาอาศัยอยู่ อาทิ ข้อมูลห้องพัก ข้อมูลยานพาหนะและพัสดุเข้า-ออก ตลอดจนข้อมูลกล้องวงจรปิดเวลาที่ช่างภาพข่าวเข้า-ออกอาคาร

ถูกเฝ้าติดตาม ถ่ายภาพยานพาหนะ

ณัฐพล ให้สัมภาษณ์ระบุว่า เขาเริ่มรู้สึกว่ามีคนตั้งใจมาเฝ้าติดตามตั้งแต่วันที่ 3-5 เม.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากเวลาที่ไปทำงาน เขาสังเกตเห็นรถยนต์สีบรอนซ์ (Bronze) ที่เขาไม่คุ้นเคยมาจอดบริเวณลานจอดรถของคอนโดฯ และมีการเข้ามาถ่ายภาพรถจักรยานยนต์ของเขา 

ณัฐพล ระบุต่อว่า สิ่งที่ทำให้เขามั่นใจว่ามีคนมาเฝ้าติดตามคือวันที่ 4 เม.ย. 2566 โดยตอนเช้า ณัฐพล ออกไปทำงานข้างนอกตามปกติ แต่เขาสังเกตเห็นรถยนต์สีบรอนซ์ที่เขาไม่คุ้นมาก่อนมาจอดที่คอนโดฯ ที่เขาพักอาศัย โดยจอดตรงบริเวณจุดขนของของคอนโดฯ ซึ่งปกติไม่ได้อนุญาตให้ลูกบ้านจอดรถบริเวณดังกล่าวเป็นเวลานานๆ เนื่องจากจะเป็นการกีดขวางรถบรรทุกที่ต้องการเข้ามาส่งของ

ณัฐพล ระบุต่อว่า ในวันเดียวกัน (4 เม.ย.) เมื่อเขากลับมาจากการทำงานเวลาประมาณ 22.00-23.00 น. เขาก็ยังเห็นรถสีบรอนซ์คันเดิมยังคงจอดอยู่ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจ

ช่างภาพข่าวบรรยายลักษณะของรถยนต์ว่า รถยนต์สีบรอนซ์ 4 ประตู ยี่ห้อ "ฮอนด้า" โดยกระจกข้างมีการติดฟิลม์สีดำ ทำให้มองไม่เห็นด้านในรถ และมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ตลอดเวลา 

ช่างภาพข่าว ระบุต่อว่า หลังจากที่เขาจอดรถ เขาจึงเดินไปแอบอยู่บริเวณใกล้ๆ ที่จอด เพื่อสังเกตการณ์ เขาพบว่ามีชายคนหนึ่งลงจากรถสีบรอนซ์มาที่รถจักรยานยนต์ของเขา ชายคนดังกล่าวพยายามชะเง้อมองรอบๆ สักพักหนึ่ง ก่อนใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายภาพรถจักรยานยนต์ของเขา  

"เขาก็ลงมา และเดินมาตรงรถมอเตอร์ไซค์ที่ผมจอดอยู่ และก็เหมือนกับว่าเดินมาถึง เขาก็เหมือนมองหา ชะเง้อมองหา และสักพักเขาก็ถ่ายภาพรถผมไป และก็เดินกลับไปขึ้นรถเหมือนเดิม" ณัฐพล ระบุ 

ณัฐพล ระบุต่อว่า วันถัดมา (5 เม.ย.) เขาออกไปทำงานตามปกติ และกลับมาเวลาประมาณตีสองของวันที่ 6 เม.ย. 2566 เขายังคงเห็นรถยนต์สีบรอนซ์จอดอยู่ที่คอนโดฯ โดยตำแหน่งที่จอดคืออยู่ด้านหลังป้อมยามใกล้ทางเข้า-ออกของคอนโดฯ หรือหมายความว่าถ้าลูกบ้านจะเข้าหรือออกจากคอนโดฯ ก็ต้องผ่านรถยนต์คันดังกล่าวและป้อมยาม 

ณัฐพล ระบุว่า เมื่อเวลา 2.00 น. พอกลับมาถึงที่พัก เขาเดินไปถ่ายภาพของรถยนต์คันดังกล่าว เพราะว่าไม่พอใจที่มีคนมาถ่ายภาพรถจักรยานยนต์ของเขาวันก่อนหน้า หลังจากนั้น รถยนต์สีบรอนซ์ก็ขับออกไปจากพื้นที่คอนโดฯ ทำให้เขาเริ่มตั้งข้อสังเกตว่ารถยนต์คันดังกล่าวน่าจะมาเฝ้าติดตามเขา แต่เป็นใครและมีเจตนาอย่างไรนั้น ยังไม่ทราบ   

ภาพรถยนต์ที่มาเฝ้าติดตามณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพข่าวจาก "Space Bar"

ช่างภาพข่าวระบุว่า ต่อมา เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2566 เขาไม่พบรถยนต์คันดังกล่าวแล้ว แต่พบสิ่งผิดปกติคือมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างน้อย 2 ตัวที่หน้าร้านอาหารใกล้ทางเข้า-ออกคอนโดฯ ที่เขาอาศัย โดยเป็นกล้องวงจรปิดลักษณะ 360 องศา 1 ตัว และมีกล้องวงจรปิดที่หันกล้องมาที่หน้าทางเข้า-ออกอีก 1 ตัว

ภาพกล้องวงจรปิดหน้าคอนโดฯ ที่ณัฐพลพัก คาดว่าเพิ่งมีการมาติดตั้งเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2566

อย่างไรก็ตาม ลักษณะการติดตั้งกล้องวงจรปิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับกรณีของณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพข่าวเท่านั้น แต่เมื่อ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา 'แก๊ป' นักกิจกรรมอิสระ ได้โพสต์ข้อความและคลิปวิดีโอลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าที่พักของเขาเช่นเดียวกัน

ตร.เข้ามาขอข้อมูลที่พัก ยานพาหนะ ไฟล์กล้องวงจรปิดขณะเข้า-ออกของสื่อ

ช่างภาพข่าวกล่าวว่า เมื่อเขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย เพราะว่ามีคนมาติดตาม ทำให้เขาเลือกเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.ท้องถิ่น เมื่อ 7 เม.ย. 2566 โดยตำรวจแจ้งว่าลงบันทึกประจำวันได้อย่างเดียวแต่ยังไม่สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ เนื่องจากยังไม่ครบองค์ประกอบในการแจ้งความ แม้ว่าจะมีการถ่ายภาพเขา และรถจักรยานยนต์ที่เขาเป็นเจ้าของ แต่ว่าตัวคนที่มาถ่ายภาพยังไม่ได้ก่อเหตุอะไร 

ณัฐพล จึงนำเอกสารลงบันทึกประจำวันไปที่นิติคอนโดฯ เพื่อขอข้อมูลกรณีที่เขาถูกติดตามและมาเฝ้าหน้าที่พักตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยนิติคอนโดฯ แจ้งกับเขาว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบ แสดงตัวว่ามาจากกองกำกับการสืบสวน ตำรวจนครบาล 5 เข้ามาที่นิติคอนโดฯ เมื่อวันที่ 2-3 เม.ย. 2566 


(ภาพที่ 1) เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ บก.น. 5 มาที่ห้องนิติคอนโดฯ จำนวน 2 คน เมื่อ 2 เม.ย. 2566 (ภาพที่ 2-3) เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 1 นาย มาที่คอนโดฯ อีกครั้ง เมื่อ 3 เม.ย. 2566 กล้องลงเวลาว่า 19.00 น.

ช่างภาพข่าวระบุต่อว่า จากการสอบถามกับนิติฯ ทำให้ทราบความเพิ่มว่า มีตำรวจสืบสวน บก.น.5 แจ้งกับนิติคอนโดฯ ว่าต้องการข้อมูลของณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ และยื่นเอกสารขอความร่วมมือกับทางนิติฯ ตำรวจแจ้งด้วยว่าต้องการขึ้นไปที่ห้องพักของเขา แต่เมื่อนิติสอบถามถึงหมายจากศาล ทางตำรวจอ้างว่ากำลังทำเรื่องขออยู่

เอกสารขอความร่วมมือที่ตำรวจนำมายื่น มีจำนวน 2 ฉบับ ทั้งสองฉบับออกโดยกองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 กองบัญชาการตำรวจนครบาล ลงวันที่ 2 เม.ย. 2566

ฉบับแรกระบุว่า ต้องการขอข้อมูลของณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ เนื่องจากเป็น "บุคคลเฝ้าระวังพิเศษ" จึงขอข้อมูลกับทางนิติคอนโดฯ ดังต่อไปนี้ 1. ข้อมูลที่พักอาศัย และ 2. ยานพาหนะที่ได้ลงทะเบียนในการใช้เข้า-ออก และพัสดุ 

สำหรับเอกสารฉบับที่ 2 ระบุว่า ขอความร่วมมือไฟล์กล้องวงจรปิดของวันที่ 1-2 เม.ย. 2566 เพื่อนำไปสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด และดำเนินคดีต่อไป 

ภาพเอกสารจาก กก.สส.บก.น. 5 เรื่องการขอข้อมูลของช่างภาพข่าว

ช่างภาพข่าวระบุต่อว่า ทางนิติได้ปฏิเสธ เนื่องจากเป็นพื้นที่และข้อมูลส่วนบุคคล จึงไม่สามารถทำตามคำขอตำรวจได้ แต่ทางตำรวจได้มีการข่มขู่นิติคอนโดฯ โดยพูดทำนองว่าเป็นคดีสำคัญ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย 

ณัฐพล ระบุต่อว่า ท้ายที่สุดนั้น ทางนิติไม่อยากมีปัญหากับทางเจ้าหน้าที่ จึงเดินขึ้นไปถ่ายภาพหน้าห้องพักของเขาให้ตำรวจ ทางตำรวจจึงยอมกลับ และแจ้งว่าจะมาอีกครั้งพรุ่งนี้ (3 เม.ย.) พร้อมด้วยหมายศาล 

ช่างภาพข่าว ระบุต่อว่า เมื่อ 3 เม.ย. 2566 ตำรวจมาที่คอนโดฯ อีกครั้งโดยไม่ได้นำหมายศาลมาด้วย พร้อมกับพูดจาเชิงข่มขู่ในลักษณะเดิมคือ ถ้าไม่ให้ความร่วมมือจะผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ตำรวจมีการขอดูกล้องวงจรปิดช่วงที่เขาเข้า-ออกอาคาร เมื่อ 1-2 เม.ย. 2566 เพื่อเช็กเวลาเข้า-ออก และดูว่ามีคนเข้ามาหาเขาไหม

ช่างภาพข่าวแจ้งด้วยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2566 เขามาทราบอีกทีว่าตำรวจมีการแจ้งกับนิติว่าจะขอมาเฝ้าตัวเขาที่คอนโดฯ เลยทันที เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจะมาประจำการเฝ้าตามจุดต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ 1 นายเฝ้าที่ล็อบบีตลอด และจะมีการสลับเปลี่ยนเวรมาตลอดทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน โดยมีการให้เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่มาประจำการให้กับนิติคอนโดฯ ไว้

ณัฐพล ระบุต่อว่าทางนิติไม่สามารถปฏิเสธได้ เนื่องจากพื้นที่ที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาเฝ้า คือบริเวณรอบๆ อาคาร ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ส่วนบุคคล จึงต้องยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามา และตำรวจมีการข่มขู่นิติฯ ด้วยว่า ห้ามบอกเขา จึงไม่เคยมีการแจ้งก่อนหน้านี้ เนื่องจากทางคอนโดฯ กลัวมีปัญหากับทางเจ้าหน้าที่

เมื่อ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถามไปยัง ดาบตำรวจสมบัติ สองธานี ผู้บังคับการหมู่กองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยทางตำรวจแจ้งว่าขอไปตรวจสอบเอกสารก่อนเท่านั้น

จนท.มาเฝ้าที่คอนโดฯ อีกครั้ง อ้างมาติดตามคดีอื่น 

เมื่อ 13 เม.ย. 2566 ณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ ช่างภาพข่าว ได้ไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ก เมื่อเวลา 18.18 น. ปรากฏภาพชาย 2 คน คนหนึ่งสวมเสื้อกีฬาสีฟ้า-ขาว-ดำ และอีกคนสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า มาที่คอนโดฯ ที่พักของณัฐพล โดยภายหลังทั้งสองคนยอมรับด้วยว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่แสดงตัวว่ามาจากหน่วยงานใด

ณัฐพล ระบุต่อว่า ขณะที่เขาขับขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในคอนโดฯ สังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพเขา เขาจึงถ่ายภาพเจ้าหน้าที่กลับไป ทำให้เจ้าหน้าที่ที่สวมเสื้อกีฬาเดินเข้ามาหาเขา และมีการต่อว่าเขาว่าเป็นพวกโรคจิตชอบถ่ายภาพผู้ชาย

ณัฐพล จึงไลฟ์สดออนไลน์เพื่อป้องกันตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงหยุด และเดินเข้าไปคุยกับทางนิติคอนโดฯ เพื่อบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามคดีอื่นๆ ก่อนออกไปด้านนอกอาคารที่พัก  

ณัฐพล ให้สัมภาษณ์วันนี้ (16 เม.ย.) เพิ่มเติมต่อกรณีที่มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 2 ราย มาเฝ้าเขาที่ที่พักว่า ก่อนที่เขาจะไลฟ์สดออนไลน์ ตอนนั้นเขากำลังถือกล้องเพื่อถ่ายภาพเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ยังคงเดินเข้ามาประชิดตัวเขาตลอด จนเขารู้สึกไม่ปลอดภัย และต้องไลฟ์สด เพื่อป้องกันตัว

ช่าวภาพข่าว ระบุต่อว่า เขารู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ทำตัวแย่มาก มีการใช้ลิ้นเลียที่กล้องมือถือของเขา และมีการเข้ามาประชิดตัวในลักษณะคุกคาม แต่พอเขาเอากล้องมือถือไลฟฺ์สดออนไลน์ เจ้าหน้าที่ถึงยอมหยุดการกระทำคุกคามดังกล่าว

คาดมาจากการทำข่าวการชุมนุมทางการเมือง

เมื่อสอบถามณัฐพล เพิ่มเติมถึงเหตุผลที่คิดว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงต้องมาติดตามเขา ทางณัฐพล คาดว่าอาจเป็นเพราะการทำข่าวการทำกิจกรรมทางการเมืองช่วงที่ผ่านมาที่อาจจะมากกว่าสื่ออื่นๆ

นอกจากนี้ ณัฐพล ตั้งข้อสังเกตว่า การคุกคามดูจะถี่ขึ้น หลังเขาไปทำถ่ายภาพข่าวการพ่นสเปรย์สีดำที่กำแพงวัดพระแก้ว ฝั่งตรงข้ามสนามหลวง เมื่อ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2566 ณัฐพล เผยว่า ขณะที่เขาถ่ายภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมมือพ่นสเปรย์ที่กำแพงวัดพระแก้ว เขาได้ถูกตำรวจวิ่งไล่เข้ามาหา พร้อมกับบอกให้เขาเอากล้องถ่ายภาพมา และให้เขาลบภาพการจับกุมดังกล่าว ณัฐพล ยืนยันว่าตำรวจพยายามเอากล้องสื่อมวลชน เพื่อไปลบภาพโดยพลการ เนื่องจากไม่มีหมายศาล หรือแจ้งว่าเขาทำผิดอะไร สุดท้าย ช่างภาพข่าวระบุว่าเขาไม่ได้ให้กล้องกับตำรวจ หรือลบภาพเมื่อวันนั้นออกแต่อย่างใด เนื่องจากเขามาแค่มาถ่ายภาพข่าว ซึ่งไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย

ภาพที่ณัฐพล ถูกตำรวจไล่ตามจากการทำข่าวเมื่อ 28 มี.ค. 2566

ส่วนผลกระทบจากการคุกคามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณัฐพล ระบุว่า มันทำให้เขารู้สึกว่ามันทำให้เขาหวาดกลัว และกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะตอนแรกเขาไม่ทราบเลยว่ากลุ่มบุคคลที่มาเฝ้าติดตามเขาเป็นใคร มาจากไหน มาด้วยจุดประสงค์ใด หรือมีเจตนาอะไร

นอกจากนี้ ณัฐพล ระบุต่อว่า การที่ตำรวจมาเฝ้าติดตามโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำให้คนรอบตัวที่คอนโดฯ ไม่ว่าจะเป็นยามหรือแม่บ้านที่เขาไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ อาจมองเขาในแง่ไม่ดี หรือเข้าใจผิดว่าเขาไปทำเรื่องผิดกฎหมายมา ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นกลับกัน

"ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเขา ถ้าเรามองใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจ้าหน้าที่พยายามทำให้คนตีตัวออกห่างจากเรา ไม่ให้ความช่วยเหลือ แล้วก็พยายามแบ่งแยกเราออกจากคนในชุมชน คนในชุมชนไม่ชอบเรา ทำอะไรก็แล้วแต่ให้เรารู้สึกเป็นผู้ต้องหา ทีนี้ก็จะไม่มีใครช่วยเหลือเรา ไม่ให้ใครปกป้องเรา เพื่อแยกเราออกมา และโมเดลนี้ก็มีการใช้ที่ดินแดงเหมือนกัน" ณัฐพล ตั้งข้อสังเกต

ขอเปลี่ยนเป็นแรงในการทำงาน

เมื่อสอบถามว่ากระทำของเจ้าหน้าที่ ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวในการทำงานข่าวหรือไม่ ช่างภาพข่าวระบุว่า เขาอยากให้ตรงนี้เปลี่ยนเป็นแรงในการทำงานมากกว่า 

"ในใจเราก็คืออยากทำมากขึ้น ในเมื่อไม่ชอบ ผมจะทำให้มากกว่าเดิม เพราะผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย คุณก็จับผมสิ พวกคุณก็จับไม่ได้ เพราะผมไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แค่คุณไม่พอใจสิ่งที่ผมทำเท่านั้นเอง มันเป็นอารมณ์แค้น เอาความแค้นไปทุ่มที่งาน ...ผมเป็นนักข่าวผมมีหน้าที่นำเสนอข่าว เพราะฉะนั้น ผมจะทำให้มันมากขึ้น และถี่กว่าเดิม" ณัฐพล กล่าว 

ทั้งนี้ ณัฐพล ระบุต่อว่า หลังจากนี้ เขาจะพยายามรวบรวมหลักฐานการทำงานของตำรวจ เพื่อนำไปสู่การนำเสนอข่าวเรื่องนี้ต่อไป และเพื่อส่งสารไปถึงผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องว่าพวกเขามีเหตุผลอะไรในการทำเรื่องนี้ 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท