Skip to main content
sharethis

สปสช. ขอความร่วมมือหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั่วไทย ร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง พร้อมเปิดหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาล ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ค่ายาและเวชภัณฑ์ รวมถึงค่าบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง  

 

20 เม.ย. 2566 ทีมสื่อ สปสช. รายงานวันนี้ (20 เม.ย.) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท โดยมีการนำเสนอรายละเอียด "หลักเกณฑ์การจ่ายค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19" ที่เป็นการจ่ายชดเชยค่าบริการให้กับหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง ดังนี้  

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี

1.บริการผู้ป่วยนอก  

- หน่วยบริการประจำ การเบิกจ่ายจะรวมอยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัว แต่หากเป็นหน่วยบริการที่ไม่ได้เป็นหน่วยบริการประจำ จะเป็นการเบิกจ่ายกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินผู้ป่วยนอก (OPAE) และบริการปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ (OP anywhere) สำหรับการตรวจ ATK Professional use ในกลุ่มเสี่ยงตามหลักเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุขและตามดุลยพินิจแพทย์จะได้ค่าตรวจ 150 บาทต่อครั้ง ค่าตรวจ RT-PCR 900 บาท โดยในกรณีที่ผู้ป่วยต้องรับยารักษาโควิด-19 สามารถเบิกจ่ายค่ายาเพิ่มเติม ดังนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ 14 บาทต่อเม็ด ยาโมนูลพิราเวียร์ 12 บาทต่อเม็ด     

- ร้านยาคุณภาพของฉันให้บริการเจ็บป่วยเล็กน้อย เป็นการเบิกจ่ายค่าบริการทางเภสัชกรรมด้านเภสัชกรมปฐมภูมิ ซึ่งรวมถึงบริการโรคโควิด-19 ในอัตราเหมาจ่าย 180 บาทต่อครั้ง โดยมีบริการคำปรึกษา ยาและเวชภัณฑ์ บริการติดตามอาการและผลการดูแล 

- พบแพทย์ออนไลน์ ส่งยาฟรีถึงบ้าน (หน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรม) เป็นการเบิกจ่ายค่าบริการสาธารณสุขระบบทางไกล ประกอบด้วย ค่าตรวจวินิจฉัยให้คำปรึกษา อัตราบริการ 100 บาทต่อครั้ง, ค่าตรวจวินิจฉัยให้คำปรึกษา รวมยาและเวชภัณฑ์ อัตราบริการ 150 บาทต่อครั้ง, ค่าตรวจวินิจฉัยให้คำปรึกษา ค่ายาและเวชภัณฑ์ รวมค่าส่งยา อัตราบริการ 200 บาทต่อครั้ง ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องได้รับยารักษาโรคโควิด-19 สามารถเบิกจ่ายค่ายาเพิ่มเติม ดังนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ 14 บาทต่อเม็ด ยาโมนูลพิราเวียร์ 12 บาทต่อเม็ด     

2.บริการผู้ป่วยใน  

หน่วยบริการที่ให้การรักษาผู้ป่วยโควิด-19 การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจะเป็นการจ่ายตามระบบกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) แต่ในกรณีที่เป็นการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้าข่ายอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หากเป็นการเข้ารับการรักษาที่โรงเรียนแพทย์ ห้องฉุกเฉินคุณภาพ ให้เบิกจ่ายตามระบบกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม ร่วมกับการเบิกจ่ายตามรายการบริการฉุกเฉินวิกฤติ (FS UCEP) ภาครัฐ 728 รายการ ส่วนกรณีสถานบริการอื่น ให้เบิกจ่ายในรายการฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่ (UCEP) 

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในส่วนค่าบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ได้แก่ ค่าพาหนะรับส่งต่อให้เบิกจ่ายตามอัตราปกติในระบบ ค่าบริการฟอกเลือดในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ให้เบิกจ่ายค่าบริการในอัตรา 1,500 บาทต่อครั้ง หรือในอัตรา 1,300 บาท และเบิกจ่ายตัวกรอง สาย และเข็ม นอกจากนี้ ยังมีค่าอุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโดยจ่ายตามจริงไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง และค่าพาหนะตามอัตราการจ่ายในระบบปกติ โดยรวมค่าทำความสะอาดไม่เกิน 500 บาท ส่วนกรณีการรักษาผู้ป่วยที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 การเบิกจ่ายก็ให้เป็นไปตามการเบิกจ่ายค่าบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในตามระบบปกติ  

"กรณีที่มีผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทองเข้ารับการรักษา สปสช.ขอความร่วมมือหน่วยบริการทุกแห่งทั่วประเทศให้ร่วมกันดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยในส่วนของค่าบริการนั้น ขอให้เรียกเก็บจาก สปสช. ซึ่งได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 รองรับไว้แล้ว เมื่อหน่วยบริการ สปสช. ส่งรายการเบิกจ่ายเข้ามา สปสช.จะรีบดำเนินการจ่ายค่าบริการโดยเร็วที่สุด" เลขาธิการ สปสช. กล่าว    


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net