Skip to main content
sharethis

กรมการขนส่งทางบก ขอความร่วมมือผู้ประกอบการและพนักงานขับรถโดยสารและรถบรรทุก ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและขับรถด้วยความระมัดระวังช่วงฤดูฝน

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ช่วงฤดูฝน ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ลดลง กรมการขนส่งทางบก จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการกวดขันและกำชับพนักงานขับรถโดยสารและรถบรรทุกปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและขับรถด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ต้องตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงและอุปกรณ์ส่วนควบของรถทุกครั้ง ในกรณีรถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ต้องใช้อุปกรณ์สำหรับยึดตู้บรรทุกสินค้า (Twist-Lock) ทุกคัน ให้ยึดมั่นคงแข็งแรงกับตัวรถและสามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้โดยไม่เกิดความเสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้คอนเทนเนอร์บรรทุกสินค้าร่วงหล่น และตัวรถต้องติด GPS Tracking โดยผู้ประกอบการต้องติดตามการใช้รถของพนักงานขับรถอย่างเคร่งครัด หากพบมีการกระทำผิด เช่น พนักงานขับรถใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ให้ดำเนินการแจ้งเตือนไปยังพนักงานขับรถทันที โดยศูนย์บริหารจัดการเดินรถระบบ GPS กรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทุกจังหวัดได้ดำเนินการกำกับ ดูแล ตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้หากพบพนักงานขับรถฝ่าฝืนกฎหมายหรือทำผิดจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจะดำเนินการลงโทษผู้ฝ่าฝืนขั้นสูงสุดและมีโอกาสถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถได้รวมถึงจะดำเนินการลงโทษเจ้าของรถและผู้ประกอบการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 20/5/2566

รมว.แรงงาน ห่วงลูกจ้างไพโอเนียร์ฯ ถูกเลิกจ้าง 411 คน ช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ทุกมิติ ทั้งด้านประกันการว่างงาน หางานใหม่ ฝึกอาชีพเร่งด่วน ขณะที่บริษัทจ่ายชดเชย 97 ล้าน

19 พ.ค. 2566 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีบริษัท ไพโอเนียร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา ประกาศเลิกจ้างลูกจ้างจำนวน 411 คน ว่ามีความห่วงใยลูกจ้างทุกคน และได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประสานหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือคุ้มครองดูแลสิทธิประโยชน์ทั้งด้านประกันการว่างงาน หางานใหม่ให้ทำ และความต้องการฝึกอาชีพอย่างเร่งด่วน

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า บ.ไพโอเนียร์ฯ  มีสำนักงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับยานยนต์ มีลูกจ้างทั้งหมด 1,549 คน เลิกจ้างลูกจ้าง 411 คน สาเหตุเลิกจ้างเนื่องจากบริษัทประสบปัญหาขาดสภาพคล่องด้านวัตถุดิบขาดแคลนจากบริษัทซัพพลายเออร์ปิดตัวลง ประกอบกับสินค้าของบริษัทฯ ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนในอดีต ซึ่งนายจ้างได้จ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างแทนการบอกล่วงหน้าเป็นเช็คธนาคารให้กับลูกจ้างทุกคน และเงินค่าจ้าง ค่าวันลาพักร้อนนายจ้างจะจ่ายให้ลูกจ้างโดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของลูกจ้างภายในวันนี้ จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 97 ล้านบาท

สำหรับการให้ความช่วยเหลือในส่วนของกระทรวงแรงงาน เบื้องต้นสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ได้ส่งพนักงานตรวจแรงงานเข้าไปชี้แจงข้อกฎหมายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานให้นายจ้างรับทราบเพื่อจะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด ชี้แจงอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากกองทุนประกันสังคม สำนักงานจัดหางานจังหวัด ได้แจ้งตำแหน่งงานว่างให้ลูกจ้างที่ต้องการหางานใหม่ทำ และสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน สอบถามความต้องการเกี่ยวกับการฝึกทักษะทางด้านอาชีพตามความต้องการของลูกจ้าง เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน ได้ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเฝ้าติดตามสถานการณ์การจ้างงานของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด หากมีลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบถูกเลิกจ้างโดยไม่ได้รับค่าชดเชย ต้องการได้รับการช่วยเหลือ หรือต้องการคำปรึกษาสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือโทรสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 3 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หรือโทร. 1546

ที่มา: ข่าวออนไลน์7HD, 19/5/2566

รวบแก๊งค์ตุ๋นรับจ้างต่อใบอนุญาตแรงงาน เหยื่อหลงเชื่อ สูญกว่า 44 ล้าน

18 พ.ค. 66 พล.ต.ต.ชัยรพ จุณณวัตต์ ผบก.รฟ.สั่งการ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิใหญ่ ผกก.1 บก.รฟ.พ.ต.ต.ไตรรงค์ หน่วยตุ้ย สว.ส.รฟ.ธนบุรี กก.1 บก.รฟ. นำกำลังจับกุม น.ส.รัฏดาพร หม้อเกตุ อายุ 42 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1467/2566 ลงวันที่ 11 พ.ค. 2566 ข้อหา “ฉ้อโกง, ปลอมเอกสาร และใช้เอกสารราชการปลอม” ได้ภายในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ26 แยก 6 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.

ทั้งนี้ ทราบว่า น.ส.รัฏดาพร ผู้ต้องหาได้ชักชวนกลุ่มเพื่อนสนิทและคนรู้จัก ให้มาร่วมลงทุนทำธุรกิจรับจ้างต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว อ้างค่าตอบแทนสูง พร้อมนำเอกสารหลักฐานราชการต่าง ๆ ที่ทำปลอมขึ้นมาแอบอ้างสร้างความน่าเชื่อถือ จนมีผู้หลงเชื่อจำนวนมากที่นำเงินหรือทรัพย์สินต่าง ๆ มาร่วมลงทุนรวมเป็นเงินกว่า 44 ล้านบาท ปรากฏว่าหลังจากได้เงินตามที่ต้องการแล้ว น.ส.รัฏดาพร กลับเชิดเงินทั้งหมดหนีหายไป ผู้เสียหายจึงพากันเข้าแจ้งความไว้ที่ กก.5 บก.ป. จนตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

เบื้องต้นสอบสวน น.ส.รัฏดาพร ยังให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีต่อไป

ที่มา: ข่าวสด, 18/5/2566

ก้าวไกลโชว์ร่างกฎหมายแรงงาน 2 ฉบับ จ่อเปิดสภาผลักดันทันที เชื่อ ยกระดับคนงานภาครัฐ มีสถานะเป็น “แรงงาน” ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย อีกฉบับ ชูทำงาน 5 วัน - 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ เกินต้องได้ OT แถมมาตรการเสริมเพียบ

นายเซีย จำปาทอง ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อันดับที่ 4 พรรคก้าวไกล ได้โพตส์ทวิตเตอร์ ถึงร่างกฎหมายแรงงาน 2 ฉบับ รบ.ก้าวไกล ที่พร้อมยื่น โดยรอแค่เปิดสภาเท่านั้น

พบว่า ฉบับแรกเป็นร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่...) พ.ศ.. มีใจความว่า ร่างกฎหมายยกระดับให้คนงานภาครัฐ มีสถานะเป็น ‘แรงงาน’ เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน

(ที่ผ่านมา กฎหมายไม่ถือว่าคนงานภาครัฐเป็นแรงงาน) ตามนโยบายของก้าวไกลรอแค่เปิดสภายื่นทันที

“มี 2 มาตรการสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย 1. ต้องให้คนงานมีสหภาพแรงงานเพื่อเพิ่มอำนาจ 2. บังคับใช้ตรวจสอบโดยภาครัฐ ช่วยได้ครับ”

ฉบับที่ 2 ระบุถึงการทำงาน 5 วัน หรือ 40 ชั่วโมง/สัปดาห์ เกินต้องได้ OT, ยกเลิกซับบรรจุพนักงานรายวันเป็นรายเดือน, เพิ่มวันหยุดพักผ่อนประจำปี ขั้นต่ำ 10 วัน สะสมได้,

ค่าจ้างต้องเพิ่มทุกปี, ไม่เลือกปฏิบัติ เช่น ห้ามจำกัดอายุ ห้ามบังคับตรวจ HIV ก่อนรับทำงาน

สำหรับ หลักการของ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ดังต่อไปนี้

(1) เพิ่มบทนิยามคำว่า “การจ้างงานรายเดือน” (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4)

(2) แก้ไขเพิ่มเติมหลักการปฏิบัติของนายจ้างต่อลูกจ้าง ให้เท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติอันเขาพึงมี ตามกฎหมาย (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14)

(3) แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานของลูกจ้าง โดยปรับลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23)

(4) เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับสถานประกอบการที่มีการจ้างงานรายวันและรายเดือน นายจ้างต้องจ้าง เป็นรายเดือนทั้งหมดโดยไม่เลือกปฏิบัติ (เพิ่มเติม มาตรา 23/1)

(5) แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันหยุดประจำสัปดาห์ โดยเพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่าสองวันต่อสัปดาห์ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๘)

(6) แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีของลูกจ้าง เมื่อทำงานติดต่อกับครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าสิบวันทำงาน (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 30)

(7) แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างกรณีงานที่มีสักษณะและคุณภาพอย่างเดียวกันหรือปริมาณเท่ากัน ให้ไต้รับอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 43)

(8) แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นตํ่า โดยให้ถืออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรืออัตราเงินเฟ้อ (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 87)

มีเหตุผลว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ให้ครอบคลุมถึงการจ้างงานรายเดือน ลดความเหลื่อมลํ้าภายในสถานประกอบการ กำหนดสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานของลูกจ้างให้มีความชัดเจน การกำหนดค่าจ้างขั้นตํ่า

ต้องคำนึงถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ การเลือกปฏิบัติ โดยการแบ่งแยก การกีดกัน ความแตกต่างทางถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกาย หรือสุขภาพ

สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อ ทางศาสนา การศึกษาอบรม ความคิดเห็นทางการเมือง

ต้องได้รับความคุ้มครอง เพื่อยกระดับการคุ้มครองแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 17/5/2566

วัยแรงงานสูบบุหรี่หนัก 21% ตายถึง 8 หมื่นคน ชู 73 สถานประกอบการปลอดบุหรี่

16 พ.ค. 2566 ที่โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงานประกาศเกียรติคุณสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ภายใต้แนวคิด : รวมพลังสถานประกอบการ ต้านบุหรี่ไฟฟ้า ให้สถานประกอบการที่ผ่านเกณฑ์ประเมินสถานประกอบการปลอดบุหรี่ 73 แห่ง

น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ผลสำรวจอัตราการสูบบุหรี่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด ปี 2564 พบว่า ในภาพรวมอัตราการสูบบุหรี่ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปลดลงตามลำดับ แต่กลุ่มวัยทำงานสูบบุหรี่ถึง 21% ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการสูบบุหรี่สูงกว่ากลุ่มอื่น จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ ร่วมกับองค์การอนามัยโลก และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไทย ปี 2564 พบว่า แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากบุหรี่มากกว่า 80,000 คน คิดเป็น 18% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ในจำนวนนี้เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองกว่า 6,000 คน คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 352,000 ล้านบาทต่อปี เทียบเท่า 2.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) องค์การสหประชาชาติ ให้คำแนะนำว่า การควบคุมยาสูบของไทยให้มีประสิทธิภาพ ต้องใช้เงินลงทุน 2,500 ล้านบาทต่อปี (น้อยกว่า 1% ของความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการสูบบุหรี่) ภายใน 15 ปี จะช่วยลดคนเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ 35,790 คน และลดคนป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ 169,117 คน หรือทุก 1 บาท ที่ลงทุนจะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเงิน 2.53 บาท

น.ส.รุ่งอรุณ กล่าวว่า สสส. มุ่งเน้นการลดอัตราการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งการป้องกันนักสูบ/นักดื่มหน้าใหม่ การลด ละ เลิกการสูบ/การดื่มของผู้สูบ/ผู้ดื่มเดิม และการดูแลสภาพแวดล้อมปลอดควันบุหรี่ โดยสสส. สนับสนุนสมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดำเนินงานพัฒนาสถานประกอบการปลอดบุหรี่ ตั้งแต่ปี 2551 เชื่อม สาน และเสริมพลังส่งเสริมให้สถานประกอบการสามารถคุ้มครองสุขภาพของพนักงานจากควันบุหรี่ ปัจจุบันมีสถานประกอบการปลอดบุหรี่มากกว่า 4,000 แห่ง มีการบูรณาการการทำงานในประเด็นสร้างเสริมสุขภาพอื่นๆ อาทิ Happy Workplace และการพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ไปยังสายเลิกบุหรี่ 1600 ช่วยเหลือให้เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ทำให้กลุ่มวัยทำงานมีสุขภาพที่ดีขึ้น เจ็บป่วยน้อยลง สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นำมาสู่ผลประกอบการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของสถานประกอบการ

น.ส.ศันสนีย์ กีรติวิริยาภรณ์ ผู้จัดการโครงการส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพแรงงานในสถานประกอบการ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานประกอบการปลอดบุหรี่ต้นแบบมากกว่า 400 แห่ง จากสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกว่า 4,000 แห่ง ในปีนี้มีสถานประกอบการที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ 73 แห่ง มีการจัดสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้ปลอดควันบุหรี่ ช่วยเหลือพนักงานที่ติดบุหรี่ให้สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ และป้องกันไม่ให้เกิดนักสูบหน้าใหม่ในสถานประกอบการอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ได้จัดทำคู่มือ ชุดความรู้ และเครื่องมือต่างๆ จากบทเรียนและองค์ความรู้จากการดำเนินงานป้องกันและควบคุมการสูบบุหรี่ของแรงงาน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจนำไปใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนแรงงานสุขภาพ ปลอดบุหรี่ และพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ต่อไป

ด้านนางประไพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายบริหารและบุคคล บริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับสุขภาพของพนักงาน จึงได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพแรงงานในสถานประกอบการ ทำให้ได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้และเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่จากสสส. และหน่วยงานจากภาครัฐ การดำเนินงานให้ความสำคัญการมีส่วนร่วมจากพนักงานทุกระดับและทุกขั้นตอน มีคณะทำงานสนับสนุนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้ปลอดบุหรี่ และเอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ มีกลไกการช่วยพนักงานที่ติดบุหรี่ให้สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ ทำคู่ขนานกับการป้องกันเกิดนักสูบหน้าใหม่ ที่เน้นการสื่อสารให้ความรู้แก่พนักงานตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ปัจจุบันมีพนักงานที่เข้าร่วมโครงการเลิกบุหรี่ 43 คน จากพนักงานที่ติดบุหรี่ 107 คน และสามารถเลิกบุหรี่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปได้ 10 คน ส่งผลให้ให้บริษัทผ่านการประเมินเป็นสถานประกอบปลอดบุหรี่ระดับดีเด่นในที่สุด

ทั้งนี้ ภายในงานมีการมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้สถานประกอบการทั้งสิ้น 73 แห่ง แบ่งเป็น ระดับดีเด่น 15 แห่ง ระดับก้าวหน้า 23 แห่ง และระดับพื้นฐาน 35 แห่ง และมีการเสวนาในหัวข้อ “รู้เท่าทันบุหรี่ไฟฟ้า” โดยผู้ร่วมเสวนาในครั้งนี้ได้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมปัจจัยเสี่ยงด้านบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองต่อการดำเนินงานด้านการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าในสถานประกอบการ ในประเด็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสุขภาพต่อผู้สูบและคนรอบข้าง การตลาดของบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มีผลบังคับใช้ครอบคลุมไปยังสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 16/5/2566

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net