สปสช.-ชมรมรถทันตกรรมจัดรถทำฟันให้บริการเชิงรุกถึงในโรงเรียน 400 กว่าแห่งทั่ว กทม.

สปสช.จับมือชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย จัดรถทันตกรรมออกให้บริการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากแบบ one stop service แก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาในพื้นที่ กทม. รวมกว่า 1 แสนคน - สปสช.ชี้ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน แนะประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงรีบมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

27 พ.ค. 2566 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งข่าวว่า รศ.ทพ.แสวง โพธิ์ไทรย์ ประธานชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวงอนุญาตให้สถานพยาบาลหรือคลินิกมีรถทันตกรรมเคลื่อนที่เพื่อให้บริการนอกสถานที่ได้ โดยเปรียบเสมือนการให้บริการในหน่วยบริการ สถานพยาบาลที่มีรถทันตกรรมจึงรวมกลุ่มกันในนามชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกรณีฉุกเฉิน ปัจจุบันมีหน่วยบริการที่เป็นสมาชิก 6 แห่ง มีรถทันตกรรมเคลื่อนที่พร้อมให้บริการประมาณ 10 คัน และอยู่กำลังอยู่ระหว่างการจดทะเบียนเป็นสมาคมเพื่อให้มีสถานะเป็นนิติบุคคล 

รศ.ทพ.แสวง กล่าวต่อไปว่า ลักษณะของรถทันตกรรมนั้นทุกอย่างจะเหมือนอยู่ในคลินิก มีทั้งพื้นที่ซักประวัติ/ทำทะเบียน มียูนิตทำฟัน 2-3 ชุด มีระบบไหลเวียนอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ระบบฆ่าเชื้อ ระบบไฟฟ้าสำรอง ระบบน้ำดีน้ำเสีย มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำหัตถการครบถ้วน รวมทั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตกรณีฉุกเฉิน โดยมีทันตแพทย์ 2 คนต่อรถ 1 คัน ซึ่งข้อดีของรถทันตกรรมคือทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้สะดวกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการให้บริการในโรงเรียน เดิมทีทันตแพทย์ต้องไปตรวจที่โรงเรียน เมื่อตรวจเสร็จก็ต้องให้ครูหรือผู้ปกครองพานักเรียนไปทำฟันที่คลินิก ขั้นตอนนี้ทำให้ต้องลางานและมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ในกรณีรถทันตกรรม ออกไปครั้งเดียวสามารถให้บริการได้ครบวงจรตั้งแต่การให้ความรู้ เคลือบฟลูออไรด์ และการทำหัตถการอื่นๆ เช่น อุดฟัน ถอนฟันโดยไม่ต้องมาที่คลินิก เป็นการเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาขนได้อย่างดี 

รศ.ทพ.แสวง กล่าวอีกว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ทางหน่วยบริการที่เป็นสมาชิกของชมรมรถทันตกรรมเคลื่อนที่ฯ จะร่วมให้บริการเชิงรุกในโรงเรียนพื้นที่ กทม. ตามสิทธิประโยชน์การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้านทันตกรรมในระบบบัตรทอง โดย สปสช. ได้มอบหมายให้สถานพยาบาลที่มีรถทันตกรรมออกจัดบริการเชิงรุกแก่นักเรียนโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ชั้นอนุบาล ป.1 และ ป.6 ในพื้นที่ กทม. ครอบคลุมตั้งแต่การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพฟัน การตรวจฟัน เคลือบฟลูออไรด์ เคลือบหลุมร่องฟันเพื่อป้องกันฟันผุ รวมถึงแจกยาสีฟัน แปรงสีฟันให้นักเรียน โดยมีโรงเรียน เป้าหมาย 422 แห่ง จำนวนนักเรียน 110,207 คน  

“รถทันตกรรม 1 คัน สามารถให้บริการนักเรียนเฉลี่ยประมาณ 70-100 คนต่อวัน ใน 1 เดือน ออกให้บริการ 15 วันก็จะได้เดือนละ 1,500 คน ถ้ารวมทั้ง 10 คันก็จะให้บริการได้เดือนละ 15,000 คน ทั้งปีให้บริการประมาณ 6-7 เดือนก็จะครอบคลุมจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ สปสช. กำหนดให้พอดี”รศ.ทพ.แสวง กล่าว 

รศ.ทพ.แสวง กล่าวทิ้งท้ายว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ทางชมรมฯ ได้เริ่มให้บริการตามโรงเรียนต่างๆไปบ้างแล้ว และน่ายินดีที่ได้ผลตอบรับดีมากจากทั้งผู้ปกครอง ครู และนักเรียน บางครั้งก็ได้ขนมเป็นของฝาก ทำให้เกิดความสุขผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ส่วนทิศทางการดำเนินงานในอนาคต หาก สปสช. ขยายพื้นที่บริการไปในต่างจังหวัดจะดีมาก เพราะในต่างจังหวัดยังมีความลำบากในการเดินทาง การให้นักเรียนมาที่สถานพยาบาลจะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ดังนั้น ถ้าขยายบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ไปในต่างจังหวัดได้ เชื่อว่าจะสร้างความพึงพอใจแก่ผู้รับบริการ เพิ่มการเข้าถึงบริการและทำให้ประชาชนในชนบทมีสุขภาพช่องปากที่ดี 

สปสช.ชี้ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝน แนะประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงรีบมาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 4 สระบุรี พญ.อรรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก เดินทางไปเยี่ยมชมการจัดบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนโควิด 19 ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยมีผู้สูงอายุและประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เข้ารับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก 

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้วและเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น สปสช. ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการในระบบบัตรทองทั่วประเทศจึงได้จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 31 ส.ค. 2566 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด 

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อไปว่า สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่จัดเตรียมในการรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ มีทั้งหมด 2.91 ล้านโดส โดยมีประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มทั่วประเทศรวมกว่า 11.7 ล้านคน และยังมีวัคซีนส่วนเพิ่มที่กันไว้สำหรับหญิงตั้งครรภ์อีก 155,400 โดส ส่วนจำนวนผู้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2566 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 100,604 คน หรือคิดเป็น 3.46% ของกลุ่มเป้าหมาย 

“ในช่วงระยะเวลาอีกกว่า 3 เดือนจากนี้ ก่อนจะหมดเขตการให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือก่อนที่วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่จัดเตรียมไว้จะหมดลง สปสช. ขอเชิญชวนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงรีบมารับบริการฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคไข้หวัดใหญ่ โดยการฉีดวัคซีนจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ยังสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ได้โดยฉีดที่แขนคนละข้าง”ทพ.อรรถพร กล่าว  

ทั้งนี้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงสามารถติดต่อขอรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ที่หน่วยบริการในระบบบัตรทองทุกแห่ง ทั้งโรงพยาบาลรัฐ รพ.สต. ศูนย์การแพทย์ชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ กทม. และคลินิกเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ และในพื้นที่ กทม. ประชาชนสามารถจองสิทธิการฉีดวัคซีนล่วงหน้าผ่าน “กระเป๋าสุขภาพ” บนแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ได้ โดยเข้าสู่ระบบเพื่อจองสิทธิฉัดวัคซีนฯ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ หรือหากไม่สะดวกจองผ่านแอปฯเป๋าตัง ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 8 เพื่อทำการจองคิวฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้  

ด้าน นพ.สาธิต กล่าวว่า ในปีงบประมาณที่ผ่านมา พื้นที่เขต 4 มีกลุ่มเป้าหมาย 3 แสนคน สามารถฉีดวัคซีนได้ 2.8 แสนคน หรือคิดเป็น 91% ส่วนในปีงบประมาณ 2566 มีกลุ่มเป้าหมาย 8.9 แสนคน โดยตั้งเป้าฉีดให้ได้ไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมด ทั้งนี้ แนวทางการบริหารวัคซีนของเขต 4 จะเริ่มรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.- ส.ค. 2566 และในส่วนของบุคคลทั่วไปที่ไม่ทันได้ฉีดในช่วงนี้ ก็ยังสามารถฉีดวัคซีนรอบเก็บตกได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 ก.ย. 2566 ด้วยเช่นกัน 

ด้าน พญ.อรรัตน์ กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.นครนายก มีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 48,520 คน โดยทางจังหวัดได้จัดสรรตามพื้นที่แต่ละอำเภอตามสัดส่วน ดังนี้ อ.เมือง 4,300 โดส อ.ปากพลี 1,330 โดส อ.บ้านนา 3,020 โดส อ.องครักษ์ 3,400 โดส  

สำหรับการกระจายวัคซีน จะกระจายไปที่ รพ.สต. ทั้ง 56 แห่ง และ โรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในจังหวัดนครนายกตามสัดส่วนของกลุ่มเสี่ยง แบ่งเป็น 3 รอบ รอบ 1 15% รอบ 2 50% และรอบที่ 3 35% ซึ่งการให้บริการจะเป็นแบบ walk in ไม่มีการจองคิว แต่จะประชาสัมพันธ์ข่าวสารและเชิญชวนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีน โดยตัวเลข ณ วันที่ 23 พ.ค. มีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 640 คน และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2556 นี้ 

ด้านนางอำพร รับความสุข อายุ 53 ปี ชาวบ้านตำบลเขาเพิ่ม หนึ่งในผู้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในครั้งนี้ กล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด 19 ตนก็รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี ฉีดแล้วไม่เคยเจ็บป่วยและไม่เคยติดโควิด 19 เลยทั้งๆ ที่ตนมีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และหอบหืด เพื่อนๆ ที่เคยกลัว เมื่อเห็นตนฉีดวัคซีนแล้วไม่เคยเจ็บป่วย เพื่อนก็ฉีดวัคซีนตามไปด้วย ส่วนปีนี้ทางอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ก็เดินสายรณรงค์ให้มาฉีด ทำให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความสนใจมารับวัคซีนทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด 19 และรู้สึกดีใจที่มีการจัดบริการฉีดวัคซีนที่ รพ.สต. ใกล้บ้าน จะได้ไม่ต้องเดินทางไปแออัดที่โรงพยาบาล 

เช่นเดียวกับนางสุดา บุญพิ้ง อายุ 79 ปี อีกหนึ่งในผู้มารับการฉีดวัคซีนที่ รพ.สต.บ้านเขาเพิ่ม กล่าวว่า ตนมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งโรคไตวายเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ปกติก็มาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีนานกว่า 10 ปีแล้ว สมัยก่อนต้องนั่งรถเมล์ไปฉีดที่โรงพยาบาลอำเภอ แต่ปัจจุบันมาฉีดที่ รพ.สต.ใกล้บ้าน ทำให้สะดวกมากขึ้น 

“ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แล้วก็ดีนะ ป้าไม่เคยเป็นไข้เลย แล้วถ้าเป็นมันไม่ใช่แค่เป็นไข้อย่างเดียว มันมีโรคแทรกด้วย การที่บัตรทองจัดให้ฉีดวัคซีนฟรีก็เป็นเรื่องที่ดี เอื้อประโยชน์ให้คนยากคนจน และอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ผู้สูงอายุมาฉีดวัคซีนกันทุกคน”นางสุดา กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท