“ลูกเกด” ว่าที่ ส.ส.เขต 3 ปทุมฯ ยื่นคำรองต่อกรรมการตุลาการสอบวินัยผู้พิพากษาในคดี ม.112 ของเธอ หลังจากเลื่อนสืบพยานเร็วขึ้นเกือบปีทั้งที่ทนายความยืนยันติดพิจารณาคดีอื่นที่ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้ว

2 มิ.ย.66 ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด ส.ส. เขต 3 ปทุมธานี พรรคก้าวไกล เดินทางมาตามนัดสืบพยานคดีม.112 พร้อมยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ขอให้มีการตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับศาลที่สั่งเลื่อนสืบพยานในคดีนี้เข้ามาเร็วขึ้นจากวันนัดเดิมในปี 2567 และยังให้อัยการสืบพยานโจทก์ไปแล้ว 4 ปากโดยที่เธอไม่มีทนายความ

ชลธิชาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าคำร้องที่มายื่นต่อศาลวันนี้เพื่อขอให้ กต.ทำการตรวจสอบดำเนินการทางวินัยกับผู้พิพากษาทั้ง 3 คนที่นั่งพิจารณคดีของเธอเมื่อวานนี้จากเหตุดังกล่าว และในการพิจารณาคดีวันนี้ก็จะมีการยื่นเพื่อขอให้ศาลเลื่อนการพิจารณาออกไปรวมถึงเพิกถอนกระบวนการพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อวานด้วย

ชลธิชาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจากการชี้แจงของศาลเมื่อวานนี้ไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมศาลถึงเลื่อนการพิจารณาคดีขึ้นมาเร็วขึ้นเป็นช่วงวันที่ 1-2 และ 6 มิ.ย. และ 9-10 ส.ค.2566 จากนัดที่มีอยู่เดิมในเดือนมีนาคมปี 2567 เพียงแต่อ้างว่าเป็นดุลพินิจของศาลโดยไม่ได้ระบุว่าดำเนินการไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตราใดในรายงานกระบวนพิจารณาคดี

ส.ส.ก้าวไกลยังบอกอีกว่าที่ผ่านมา ทางทนายความเคยแจ้งเรื่องที่ทนายความติดนัดสืบพยานคดีของพริษฐ์ ชิวารักษ์และพวกจากกรณีสวมคร็อปท็อปเดินสยามพารากอนในศาลอาญากรุงเทพใต้ให้เจ้าหน้าที่ศาลอาญารัชดาฯ ที่โทรศัพท์มาแจ้งเรื่องศาลจะเลื่อนสืบพยานคดีของเธอขึ้นมาเร็วขึ้นเป็นช่วงนี้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แต่ศาลกลับออกหมายแจ้งนัดสืบพยานมาโดยไม่ได้แจ้งต่อทนายความของชลธิชาเพื่อให้มาลงวันนัดสืบพยานใหม่ก่อน

อย่างไรก็ตาม ชลธิชาตอบคำถามนักข่าวเรื่องที่การเลื่อนครั้งนี้จะเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ของเธอหรือไม่ว่า เป็นคำถามที่มีประชาชนแสดงความกังวลมาเหมือนกันว่ากระบวรการที่เกิดกับเธอจะเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

ชลธิชาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าที่ผ่านมามีอีก 4-5 คดีที่ศาลสั่งให้เลื่อนการสืบพยานเข้ามาเร็วขึ้น แต่เมื่อจำเลยในคดีเหล่านี้ทำคำคัดค้านต่อศาลแล้วศาลก็ยังให้เลื่อนออกไป ต่างจากในกรณีของเธอ

ส.ส.ก้าวไกลยังบอกอีกว่าผู้ที่เซนคำสั่งให้เลื่อนคดีขึ้นมาเร็วขึ้นยังเป็น อรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาซึ่งเคยมีคำสั่งให้ถอนหมายจับ อุปกิต ปาจีรยางกูล สมาชิกวุฒิสภา ในคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการค้าเสพติดอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าเมื่อ 22 มี.ค.2565 ชลธิชาเคยแถลงข่าวกรณีที่ศาลเร่งไต่สวนถอนประกันตัวในคดีนี้หลังจากกล่าวถึงปัญหากระบวนการยุติธรรมในคดีของตัวเอง และได้ตั้งข้อสังเกตถึงการที่อัยการเร่งฟ้องคดีราษฎรสาส์นนี้ด้วยว่าหลังจากเธอประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ให้กับพรรคก้าวไกลในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เพียงไม่กี่วัน

เมื่ออัยการยื่นฟ้องคดีของชลธิชาต่อศาลแล้ว ทำให้เธอต้องประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นเงิน 90,000 บาท พร้อมกับเงื่อนไขที่ศาลตั้งไว้ว่าห้ามทำผิดซ้ำ ห้ามร่วมกิจกรรมที่กระทบสถาบันกษัตริย์ พร้อมกับห้ามออกนอกเคหะสถานช่วง 20.00 น. ถึง 5.00 น.ของอีกวันและรายงานตัวทุก 15 วัน และยังสั่งให้ติดกำไลติดตามตัวหรือ EM ด้วย แม้ว่าเธอจะคัดค้านการติดกำไลโดยให้เหตุผลว่าเป็นอุปสรรคต่อการทำงานในฐานะผู้สมัคร ส.ส. และเลขาธิการของคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุายชนด้วย โดยเธอวางเงินประกันเพิ่มแต่ศาลก็ไม่อนุญาต

ไม่มีทนายแต่ศาลยังสืบพยานโจทก์ต่อจนหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากชลธิชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว จากนั้นในเวลา 10.40 น.การพิจารณาคดีจึงเริ่มขึ้นและผู้พิพากษาแจ้งว่าที่ชลธิชาขอเลื่อนการสืบพยานออกไปและขอให้เพิกถอนการพิจารณาคดีเมื่อวานนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าให้ดำเนินการสืบพยานต่อและไม่เพิกถอนการพิจารณาคดีตามคำร้อง และศาลได้ยกเหตุผลเรื่องที่เธอมีทนายความอยู่แล้ว 2 คน และศาลก็ได้ให้จำเลยสามารถถามค้านพยานโจทก์ได้

ทั้งนี้ชลธิชาลุกขึ้นแถลงยืนยันว่ากระบวนการที่ศาลเลื่อนการสืบพยานเข้ามานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะทางศาลเองก็ได้โทรศัพท์หานรเศรษฐ์ นาหนองตูม ที่เป็นทนายความของเธอแล้วและนรเศรษฐ์ก็ได้ชี้แจงแล้วว่าติดนัดสืบพยานคดีอื่นในช่วงนี้ ส่วนทนายอีกคนแค่แต่งเข้ามาในการไต่สวนคำร้องก่อนหน้านี้อีกทั้งยังติดว่าความคดีเดียวกับนรเศรษฐ์ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วย และยืนยันคัดค้านกระบวนการนี้เพราะการเลื่อนเข้ามานี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกทั้งยังเป็นคดีที่มีโทษสูงคือโทษจำคุก 3-15 ปี จะสืบพยานโดยไม่มีทนายความที่มีความรู้ทางกฎหมายไม่ได้

ทั้งนี้หลังการโต้แย้งกันในประเด็นดังกล่าวแล้ว ผู้พิพากษาให้อัยการซึ่งเป็นโจทก์ในคดีสืบพยานโจทก์ต่อในวันนี้อีก 3 ปาก และในระหว่างการพิจารณาคดียังได้กล่าวจำเลยสามารถอุทธรณ์คำสั่งของศาลได้เพื่อให้พิจารณาว่ากระบวนการพิจารณาคดีชอบหรือไม่แล้วจะให้มีการดำเนินการพิจารณาใหม่หรือไม่

ทั้งนี้การสืบพยานวันนี้ทั้ง 3 ปาก เสร็จสิ้นภายในการพิจารณาช่วงเช้า โดย พยานปากแรก คือคมสันต์ โพธิ์คง นักวิชาการอิสระ ที่เบิกความให้ความเห็นต่อเนื้อหาในราษฏรสาส์นของชลธิชาว่าเป็นลักษณะกล่าวหาและเป็นการหมิ่นประมาทต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 เช่นที่กล่าวถึงเรื่องที่กล่าวหาว่าใช้งบประมาณสุรุ่ยสุร่าย และเรื่องที่มีนักกิจกรรมถูกอุ้มหายเป็นต้น และในหัวจดหมายยังระบุว่าส่งถึงในหลวงด้วย

ส่วนพยานอีกสองปากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยรายหนึ่งเป็นอดีตตำรวจจาก ปอท.กองกำกับการ 3 ที่สืบสวนหาตัวผู้โพสต์ และพนักงานสอบสวน ปอท.ที่สอบสวนพยานในคดี ซึ่งเบิกความให้ความเห็นว่าเนื้อหาในจดหมายเข้าข่ายเป็นการกล่าวหาใส่ร้ายและเป็นการหมิ่นประมาทรัชกาลที่ 10

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสืบพยานใน 2 วันนี้ทำให้อัยการโจทก์สามารถนำพยานฝ่ายโจทก์เข้าสืบได้หมดทั้ง 7 ปากและอัยการแถลงหมดพยานโจทก์ จากนั้นศาลได้แจ้งวันนัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 6 มิ.ย.2566