Skip to main content
sharethis

นักกิจกรรมกัมพูชา เตรียมจัดกิจกรรมรำลึก 3 ปี "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" ถูกบังคับสูญหายที่ Mekong Garden Condominium กรุงพนมเปญ 4 มิ.ย. 66 นี้


(แฟ้มภาพ)

3 มิ.ย. 2566 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สืบเนื่องจากวันที่ 4 มิ.ย. 2563 นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทย ผู้ลี้ภัยไปพำนักที่ประเทศกัมพูชาตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 ถูกบังคับให้สูญหายบริเวณหน้าคอนโด Mekong Garden Condominium ท่ามกลางประจักษ์พยานและหลักฐานจำนวนมากที่ยืนยันว่าวันเฉลิมพักอาศัยอยู่กัมพูชาและถูกบังคับให้สูญหายที่กัมพูชา แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี

บัดนี้เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว แต่ครอบครัวของนายวันเฉลิมยังไม่รับทราบชะตากรรมหรือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิมจะได้เดินเรื่องยื่นหนังสือร้องเรียนและติดตามความคืบหน้ากับหน่วยงานต่างๆ ในไทย อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กระทรวงต่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม กรรมาธิการการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนแห่งรัฐสภา และสถานทูตกัมพูชา นอกจากนี้ยังได้เข้าให้ปากคำที่ศาลชั้นต้น กรุงพนมเปญอีกด้วย ซึ่งแต่ละหน่วยงานยังไม่สามารถให้ความชัดเจนเกี่ยวกับการค้นหาความจริงกรณีการอุ้มหายนายวันเฉลิมได้เลย

ในวันอาทิตย์ที่ 4 มิ.ย. 2566 ที่จะถึงนี้ กลุ่มนักกิจกรรมกัมพูชาจึงจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกรณีอุ้มหายนายวันเฉลิม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. รำลึกวาระครบรอบ 3 ปีการบังคับสูญหายนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ 2. เรียกร้องให้มีการสืบสวนสอบสวนการกรณีดังกล่าว เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัว โดยรัฐบาลกัมพูชาจะต้องแสดงความรับผิดชอบ และจะต้องเคารพหลักสิทธิมนุษยชนตามมาตรา 31 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการถูกบังคับให้หายสาบสูญ

ในการนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายนักกิจกรรม และเพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังในการทวงถามเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยและกัมพูชาในการคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ จึงขอเชิญชวนองค์กรภาคประชาสังคม ประชาชน สื่อ องค์กรระหว่างประเทศ ร่วมติดตามและจับตากิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตามวันและเวลาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด 

อย่างไรก็ดีมีความห่วงกังวัลและหวังว่าทั้งทางการไทยและกัมพูชาจะให้ความเคารพต่อสิทธิในการชุมนุมและการแสดงออกเชิงสัญญลักษณ์ สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ทั้งไทยและกัมพูชา มีพันธกรณีผูกพันกับอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนไม่ให้ถูกบังคับให้สูญหายขององค์การสหประชาชาติ และเมื่อไม่นานมานี้ ประเทศไทยเพิ่งจะมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายพศ. 2565  ที่กำหนดให้การกระทำให้บุคคลสูญหายเป็นความผิดอาญา รัฐไทยมีหน้าที่ในการค้นหาความจริง นำคนผิดมาลงโทษและเยียวยาผู้เสียหายจากกระผิดกฎหมายฉบับนี้


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net