ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาจำคุก "มานี-จินนี่" 1 ปี ก่อนลดโทษกึ่งหนึ่ง โดยไม่รอลงอาญาเหตุปราศรัยเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้ “บุ้ง-ใบปอ” ที่หน้าศาลอาญา รอผลประกันตัว
19 ก.ย.2566 ศาลอาญากรุงเทพใต้มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีของ เงินตา คำแสน หรือ มานี และจิรัชยา สกุลทอง หรือ จินนี่ นักกิจกรรม 2 คน ที่ถูกดำเนินคดีจากการเข้าร่วมกิจกรรมและปราศรัยเรียกร้องสิทธิการประกันตัวของ “บุ้ง-ใบปอ” ที่หน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2565
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่าศาลมีคำพิพากษาลงโทษทั้ง 2 คนให้จำคุก 1 ปี ก่อนลดโทษกึ่งหนึ่ง โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 2 คน มีถ้อยคำกล่าวหาผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยกล่าวหาว่าผู้พิพากษามีความประพฤติไม่ดี ไม่มีความเป็นกลางในการพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ไม่ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาคดีด้วยตนเอง ต้องรอคำสั่งของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นการกล่าวหาว่าศาลอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของบุคคลอื่น การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรง-ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นขององค์กรศาลยุติธรรม
ศูนย์ทนายฯ ระบุว่ายังอยู่ในระหว่างรอผลการประกันตัว
ศูนย์ทนายอัพเดตเมื่อ 14.18 น.ว่า 12.30 น. ศาลอาญากรุงใต้มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว “มานี-จินนี่” ในชั้นอุทธรณ์ โดยวางเงินหลักทรัพย์ประกันเพิ่มคนละ 35,000 บาท ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าทั้ง 2 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตามหมายจับไปจากบ้านพักช่วงค่ำของวันที่ 25 ส.ค.2565 โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยเรียกรับทราบข้อกล่าวหามาก่อนและยังถูกนำตัวไปที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ภายในสโมสรตำรวจทั้งที่ไม่ใช่สถานีตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ
คดีนี้มีผู้กล่าวหาคือ สันติ ชูกิจทรัพย์ไพศาล รองอธิบดีศาลอาญากรุงเทพใต้ มอบอำนาจให้ เนติพันธ์ สมจิตต์เป็นผู้ดำเนินการแทนในการแจ้งความดำเนินคดีทั้งสองคนด้วยข้อกล่าวหาร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณหรือพิพากษาคดี (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198), ร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328) และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน