โดย มนุษย์ถ้ำ
"รู้จักนาครเขษมมั้ย"
ถ้าคำตอบคือ "ใช่"
คุณมีคุณสมบัติพอที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ได้
แต่ถ้าคุณเป็นพวกเดียวกับ
"..ผู้ชายชอบใส่เสื้อผ้ายับ เดินหลังค่อม มีพุง หัวล้าน ผมหงอก
ส่วนผู้หญิงชอบพันผ้าพันคอทั้งที่ไม่ใช่หน้าหนาว
หน้าท้องยื่นทั้งที่กินน้อยไม่เป็นสิวแล้ว แต่เป็นฝ้าและตกกระแทน...ฯลฯ..."
คุณจะอ่านหรือไม่อ่านเล่มนี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นพวกติดนิสัยชอบส่องกระจกดูตัวเองรึเปล่า
ถ้าใช่ก็คงเปิดอ่านซ้ำๆ
จริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่อาจจะลืมไปแล้วว่าโลกนี้มี 'นาครเขษม' อยู่
แล้ว 'นาครเขษม' คืออะไร?
ง่าย ๆ 3 ข้อที่บอกความเป็นนาครเขษม คือ
- ที่นาครเขษมไม่มีคนอายุน้อยกว่า 40
- ชาวนาครเขษมทุกคนชอบถอนหายใจ
- ของอย่างหนึ่งเคยเป็นอีกอย่างหนึ่งเสมอ เช่น กระถางต้นไม้ที่เคยเป็นกระป๋องใส่นมผงมาก่อน
ช่างสะท้อนคำพูดติดปากของพี่มาโนชเจ้าของร้านขายของเก่า ที่ว่า..
"ของใหม่วันหนึ่งก็ต้องกลายเป็นของเก่า แต่ของเก่ายังไงก็ยังเป็นของเก่า"
คนแบบไหนกันที่ลืมไปว่าโลกนี้มีนาครเขษม ?!?
คือคนแบบที่กำลังอยู่ในนาครเขษมในปัจจุบัน และดูเหมือนว่าการมาถึงของทุกคนที่อยู่ในนาครเขษม
คล้ายกับว่า "มาได้เอง" แบบไม่ต้องเลือกปลายทาง หรือหากพยายามเลือกปลายทางให้เป็นที่อื่น "ก็เป็นไปไม่ได้ซะด้วย"
เหมือนกับ "วิชัย" หนักงานออฟฟิศที่ต่อมเหงื่อไม่ทำงานและอวัยวะเพศใช้การไม่ได้
พลัดหลงมาที่นาครเขษมในวันที่เขาอายุครบ 40 ปี
ผู้หญิงลึกลับที่มีฝ้ารูปแผนที่แอฟริกาที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นรอยฝ้าเล็กๆ แค่แผนที่เกาะสมุย
เธอมักคุยตอบผู้คนด้วยการสูบบุหรี่เข้าออก และเสียงถอนหายใจ "เฮ้อ"
คุณนิตยาเจ้าของร้านกาแฟร้านเดียวในนาครเขษมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพนักงานบริษัทมาก่อน
ปัญหาของคุณนิตยาคือเป็นคนที่ทำอะไรเร็วเกินไป
น้าปรีชาผู้ตามหาหน้า 23 ที่หายไป ผู้ที่ชีวิตไม่เคยล้มเหลว เพราะแกไม่เคยประสบความสำเร็จ
น้าปรีชารู้สึกปลอดภัยเสมอที่ได้เป็นคนกลางๆ จนกระทั่งถึงวันที่แกอายุครบ 40 ปี
คุณดำรงผู้ไม่เคยมีเวลาว่าง ผู้ที่มักจะถามคนในนาครเขษมด้วยประโยคซ้ำๆว่า
"คุณยังพอมีเวลาว่างอีกไหม ผมจะเล่าให้ฟังว่าชีวิตผมมันยุ่งขนาดไหน"
และคุณอนันต์ผู้อยากมีบ้านเล็กๆ ที่บ้านนอก เป็นคนอายุ 40 เพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในนาครเขษม และเป็นเพียงคนเดียวที่พยายามส่งจดหมายสมัครงานตลอดเวลา และทำทุกอย่างเพื่อที่วันข้างหน้าจะไม่ต้องมาอยู่ที่นาครเขษม
ถ้าอดีตบอกอนาคต ชีวิตของผู้คนในนาครเขษมน่าจะเป็นการฉายภาพอนาคต เพื่อให้เราเห็นปัจจุบันซึ่งวันหนึ่งมันจะเป็นอดีต
ให้เราสำรวจค้นหามองเข้าไปในปัจจุบันของตัวเองให้ถี่ถ้วนว่า "อะไรหายไปในชีวิต"
เริ่มต้นจากแบบฝีกหัดง่ายๆ ด้วยจดหมายฉบับนี้
เ ค รื่ อง พิ ม พ์ ดี ด ที่ ไ ม่ มี ตั ว ั น
ก็ เ ห มื อ น ฉั น ที่ ไ ร้ ร า ค า
ท้ อ ง ้ า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น สี ้ า
แ ต่ เ ป็ น สี ก ช้ ำ ด ำ เ ขี ย ว
เ ห มื อ น ฝ้ า รู ป แ ผ น ที่ แ อ ริ ก า
ส ถ า นี ร ถ ไ ไ ม่ มี ร ถ ไ
ร า ง ร ถ ไ วิ่ ง ไ ป ที่ สุ ด ข อ บ ้ า
ลา ก่ อ น. . .
เราคงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ นอกจากฝากไปถึง "คอยนุช" ผู้นำนาครเขษมมาเปิดโปง
หวังว่าเวลาเดินกระทบไหล่กันในนาครเขษม เราจะได้ยิ้มให้กัน
และขอบคุณที่บอกให้เรารู้ว่า ชีวิตไม่เคยสายเกินไป
เราแก้ไขปัจจุบันได้เสมอ ตราบเท่าที่มันยังเป็นปัจจุบัน
แม้ว่าจะเป็นปัจจุบันของคนแก่อายุ 40 ก็ตาม
เพราะของใหม่วันหนึ่งก็ต้องกลายเป็นของเก่า
และที่นาครเขษม...ของอย่างหนึ่งเคยเป็นของอีกอย่างหนึ่งมาด้วยกันทั้งนั้น
เฮ้อ !
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)