บอร์ด 'บินไทย' พิจารณาข้อเรียกร้องปรับโบนัส-เงินเดือน พนง. 8 ก.พ.นี้
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย เผยเตรียมถกปรับเงินเดือน-เบี้ยขยัน 8 ก.พ.นี้ รับจะไม่เอาผิด พนง.ที่ออกมาเคลื่อนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านประธานสหภาพฯ แจง ต้องเคลื่อนไหว เหตุปัญหาไม่เคยถูกแก้
(21 ม.ค.56) สำนักข่าวไทย [1] รายงานว่า นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการเจรจากับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยในช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เรื่องเงินโบนัสและการปรับเงินเดือน ซึ่งเป็นประเด็นร้อนที่สหภาพฯ ออกมาเคลื่อนไหวหยุดงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ผลการหารือทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติในเรื่องของเงินตอบแทนหรือโบนัสที่จะให้พนักงาน นอกจากโบนัสที่จะได้ตามผลประกอบการของบริษัท 1 เดือน ทางสหภาพฯ และฝ่ายบริหารตกลงกันจะมีการเพิ่มเงินในส่วนของค่าตอบแทนเบี้ยขยัน หรือเงินอินเทนซีฟ ซึ่งปีนี้การบินไทยได้เตรียมสภาพคล่องวงเงินดังกล่าวไว้ 200 ล้านบาท และจะมีการเพิ่มเงินดังกล่าวอีก 300 ล้านบาท รวมเป็น 500 ล้านบาท และได้มีข้อเสนอที่จะเกลี่ยเงิน 500 ล้านบาทนี้ให้พนักงานทั้งบริษัทได้รับเท่าเทียมกัน
สำหรับข้อเสนอดังกล่าวจะรวมกับข้อเสนอที่จะปรับเงินเดือนให้กับพนักงานระดับ 1-7 อัตราร้อยละ 7.5 ซึ่งทั้งสองเงื่อนไขนี้จะมีการนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 ส่วนการขอปรับเงินโบนัสจาก 1 เป็น 2 เดือนนั้น เป็นที่เข้าใจตรงกันกับฝ่ายบริหารและสหภาพฯ ว่าจะไม่มีการเพิ่มให้อีก ภายหลังการเจรจาสหภาพฯ ได้แสดงความพอใจและจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวจนกว่าจะถึงวันประชุมบอร์ดครั้งต่อไป
ส่วนคำถามการเคลื่อนไหวสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ฝ่ายบริหารการบินไทยจะมีการเตรียมแผนรองรับอย่างไรในอนาคต นายสรจักร กล่าวว่า ฝ่ายบริหารได้หารือร่วมกันและมีแผนรองรับไว้เรียบร้อย ซึ่งจะเป็นขั้นตอนปฏิบัติงานตามนโยบายกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้ ส่วนการจะเอาผิดกับพนักงานที่หยุดงานในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างสหภาพฯ และฝ่ายบริหารว่าจะไม่มีการเอาผิดกับพนักงานที่เคลื่อนไหวก็จะเป็นไปตามข้อตกลง หากในอนาคตยังมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก็ต้องพิจารณาตามระเบียบของบริษัท ส่วนจะมีการชดเชยให้ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าอย่างไร การบินไทยจะมีของขวัญพิเศษให้กับผู้โดยสารในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก
ผู้สื่อข่าวรายงานวันเดียวกันนี้การบินไทยยังได้มีการลงนามร่วมกับธนาคารกสิกรไทยและสถาบันการเงินชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนสินเชื่อในการจัดหาเครื่องบินแอร์บัสเอ 330-300 จำนวน 2 ลำ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการจัดหาเครื่องใหม่ระหว่างปี 2554-2557 การบินไทยจะมาบินให้บริการเส้นทางภูมิภาคไปยังเมืองสำคัญ เช่น นาริตะ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และไทเป วงเงินที่ได้รับการสนับสนุนครั้งนี้ รวม 137.8 ล้านยูโร
ประธานสหภาพฯ แจง ต้องเคลื่อนไหว เหตุปัญหาไม่เคยถูกแก้
ก่อนหน้านั้น ไทยรัฐออนไลน์ [2]รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้สหภาพฯ จะนัดหมายให้นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ชี้แจงตัวเลขรายได้และกำไรของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาการออกมาให้ข่าวของนายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการการบินไทยทำให้เกิดความสับสน โดยนายอำพน ระบุว่าปีนี้การบินไทยจะมีกำไรที่ใกล้เคียงปี 52 คือ 7,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้รายงานให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับทราบ แต่กลับออกมาระบุว่าสามารถจ่ายโบนัสให้พนักงาน 1 เดือน และปรับขึ้นเงินเดือน 4.5% เท่านั้น
นางแจ่มศรี กล่าวว่า จุดยืนสหภาพเห็นว่ากำไร 7,000 ล้านบาทปี 2552 ปีก่อนหน้าการบินไทยประสบผลขาดทุน การที่ปี 2552 พนักงานไม่ได้รับโบนัสก็ถือเป็นสิ่งที่พนักงานรับได้ เพื่อช่วยเหลือบริษัท แต่ปีนี้สถานการณ์แตกต่างกันและในช่วงที่ผ่านมาพนักงานได้ร่วมกันลดค่าใช้จ่ายต่างๆ จนบริษัทมีกำไร ขณะที่ในส่วนของบอร์ดไม่เคยมีการลดค่าใช้จ่ายไม่ว่าเบี้ยประชุมหรือแม้แต่ส่วนแบ่งรายได้จากกำไร 0.5% ซึ่งสหภาพเห็นว่าควรปรับลดส่วนแบ่งรายได้จากกำไร โดยควรจะลดเหลือ 0.2% เท่านั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพนักงาน
ทั้งนี้ ในส่วนของสหภาพยืนยันว่าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องได้รับผล หากฝ่ายบริหาร ไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่าเป็นจุดที่พนักงาน ฝ่ายบริหาร และบอร์ดคงจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ และสหภาพจะมีมาตรการเคลื่อนไหวต่อไปแน่นอน นอกจากนี้ สหภาพเห็นว่าการออกมาสร้างความสับสนของนายอำพน ถือเป็นสิ่งที่สหภาพรับไม่ได้เป็นการล้วงลูก ก้าวก่ายการทำงาน และต้องการให้นายอำพน พิจารณาตัวเองลาออกจากประธานบอร์ดการบินไทย
ส่วนกรณีสหภาพการบินไทยเคลื่อนไหวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบการให้บริการภาคพื้น การขนกระเป๋าสัมภาระที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางแจ่มศรี กล่าวว่า อยากทำความเข้าใจกับประชาชน ขอให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิ่งต่างๆ สหภาพไม่มีทางเลือก ทั้งพนักงานและลูกจ้าง การบินไทยเป็นธุรกิจให้บริการด้านขนส่งจำเป็นต้องมีมาตรการเคลื่อนไหว ที่ผ่านมาการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ เช่น การบินไทย ข้อเรียกร้องและการตรวจสอบฝ่ายบริหารของสหภาพดำเนินการมักไม่ได้รับความสนใจ และเข้าไปแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ทำให้องค์กรมีปัญหาระบบการตรวจสอบและความโปร่งใส ท้ายที่สุดการดำเนินการต่างๆ ของฝ่ายบริหารและบอร์ดจะสร้างความเสียหายให้แก่องค์กรการบินไทย สหภาพคงยอมรับไม่ได้
ที่มา: สำนักข่าวไทย [1]และ ไทยรัฐออนไลน์ [2]