6 มี.ค. 2560 รายงานข่าวระบุว่า ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่าหลังจากนี้กรมจะเน้นไปขยายฐานภาษีในส่วนที่ต้องจัดเก็บเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มที่ยังเข้าไปไม่ถึง เช่น กลุ่มร้านกลางคืน ทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ กลุ่มอาบ อบ นวด ทัวร์ รวมไปถึงค้าขายสินค้าออนไลน์ หลังจากที่การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 60 ยังต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 8,000 ล้านบาท

ประสงค์ กล่าวว่า ภาษีที่จัดเก็บกลุ่มดังกล่าว เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ของกรมไปล่อซื้อ เช่นไปสั่งอาหาร เครื่องดื่ม แล้วขอใบเสร็จ (บิล) เพื่อดูว่าให้บิลแบบมีใบกำกับภาษีหรือไม่ หรือให้บิลแบบเงินสด เพราะเท่าที่ดูในกลุ่มนี้ยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง อยากให้มาเสียภาษีให้ถูกต้อง แม้ว่าเม็ดเงินภาษีจะเก็บได้ไม่มากนัก แต่เป็นการทำให้ผู้ประกอบการอยู่ในระบบภาษีให้มากขึ้น ประเมินว่ากลุ่มผู้ประกอบการร้านค้ากลางคืนมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นร้านทั่วประเทศ

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากมาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ล่าสุดการให้หักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า สำหรับค่าใช้จ่ายจ้างงานผู้สูงอายุที่มีผลย้อนหลังไปถึง 1 ม.ค. 59 นั้นจะมีผลต่อการยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือนพ.ค.นี้ โดยน่าจะมีบริษัทเอกชนหันมาจ้างงานผู้สูงอายุมากขึ้น และทำให้กรมฯสูญเสียรายได้อีกจำนวนหนึ่ง

อธิบดีกรมสรรพากรยังกล่าวถึงการยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีกว่า 4 ล้านราย โดยพบว่ามีการขอคืนเงินภาษีประมาณ 1.9 ล้านคน ซึ่งที่ผ่านมากรมฯคืนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์แล้ว 7.7 แสนรายและมีการคืนโดนเช็คเพียง 1.1 แสนราย คิดเป็นเงินภาษี 1.1 หมื่นล้านบาท โดยเทียบการคืนภาษีผ่านพร้อมเพย์ที่ 7 ต่อ 1 สะท้อนว่าการได้รับเงินเร็วกว่าเช็คเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาชนมีการลงทะเบียนมากขึ้น

อย่างไรก็ตามปีนี้ประเมินว่าจะมีการยื่นภาษีผ่านอินเตอร์เน็ตประมาณ 85% มากกว่าปีก่อนที่มีสัดส่วน 80-81%ของจำนวนผู้ยื่นภาษีทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคืนภาษีให้อีกกว่า 5 แสนคน ขณะที่การใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมาโดยคิดเป็นเม็ดเงินกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท 

ที่มา : มติชนออนไลน์ [1] และ TNN24 [2]