Published on ประชาไท Prachatai.com (https://prachatai.com)

Home > ฎีกาสั่งถอนสิทธิบัตรผลิตยาความดันโลหิตสูง-หัวใจ หลังต่อสู้กว่า 7 ปี ชี้วิธีผลิตไม่ใช่วิธีใหม่ > ฎีกาสั่งถอนสิทธิบัตรผลิตยาความดันโลหิตสูง-หัวใจ หลังต่อสู้กว่า 7 ปี ชี้วิธีผลิตไม่ใช่วิธีใหม่

ฎีกาสั่งถอนสิทธิบัตรผลิตยาความดันโลหิตสูง-หัวใจ หลังต่อสู้กว่า 7 ปี ชี้วิธีผลิตไม่ใช่วิธีใหม่

Submitted by user007 on Wed, 2018-05-09 14:06

นายกสภาเภสัชกรรม เผย ศาลฎีกาชี้ขาด สั่งถอนสิทธิบัตรการผลิตยา “ยาโรคความดันโลหิตสูง-โรคหัวใจ” แล้ว หลังต่อสู้เป็นคดีความยาวนาน 7 ปี เหตุข้อมูลวิธีการผลิตชัดเจนว่าไม่ใช่วิธีใหม่ เป็นเพียงการยื่นคุ้มครองกระบวนการผลิตยาเม็ดทั่วไปเท่านั้น ผลการตัดสินครั้งนี้ส่งผลต่อทั่วโลก เชื่อนานาประเทศจะยกการฟ้องของไทยเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อการขอถอนสิทธิบัตรยานี้ได้ พร้อมระบุกรณีนี้สะท้อนถึงความเอารัดเอาเปรียบของบริษัทยา ใช้ช่องโหว่การจดสิทธิบัตรยาในสหรัฐฯ เป็นเครื่องมือ

ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม

9 พ.ค.2561 รายงานข่าวแจ้งว่า ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้ตัดสินชี้ขาดให้ถอนรายการยาวาลซาร์แทน (Valsartan) ออกจากการขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรยาของประเทศไทย ภายหลังจากที่ได้มีการต่อสู้ยาวนานมากว่า 7 ปี โดยยานี้เป็นยาเพื่อใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูงและป้องกันหัวใจล้มเหลว เป็นยาที่มีประสิทธิภาพดีมาก ซึ่งในอดีตเมื่อบริษัทยาได้คิดค้นยานี้แล้ว ได้ทำการจดสิทธิบัตรตัวยาและจดสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตเป็นยาเม็ดที่สหรัฐอเมริกา และได้รับการคุ้มครองไปทั่วโลกเป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี โดยที่การจดสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตเป็นยาเม็ดเป็นการจดเพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ ทั้งนี้บริษัทยาในประเทศไทยได้มีการผลิตยาวาลซาร์แทน ภายหลังจากที่สิทธิบัตรคุ้มครองตัวยาหมดอายุลง ทำให้สามารถผลิตเป็นยาสามัญออกมาแข่งขันได้ แต่กลับถูกบริษัทยาข้ามชาติฟ้องร้องว่าเป็นการทำละเมิดสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตยา (ฉบับที่ 2) ทำให้มีการต่อสู้คดีกัน

ทั้งนี้ในการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นพิจารณาว่า การผลิตยาสามัญวาลซาร์แทนไม่ได้เป็นการละเมิด เพราะการจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ จะใช้วิธีประกาศและให้มีการคัดค้าน ซึ่งหากไม่มีผู้ใดมาคัดค้านผู้ยื่นขอจดก็จะได้สิทธิบัตรคุ้มครองไป ดังนั้นกฎหมายสิทธิบัตรในสหรัฐฯ จึงเปิดช่องให้มีการคัดค้านและสามารถยกเลิกสิทธิบัตรที่ยื่นจดได้หากพิสูจน์ได้ในภายหลังได้ว่าไม่ได้เป็นสิ่งใหม่จริง

“ศาลฎีกาได้ใช้กระบวนการพิจารณาทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องนี้ตามมาตรฐานสากล โดยใช้ข้อเท็จจริงว่า กระบวนการผลิตยาเม็ดที่ถูกนำไปจดสิทธิบัตรคุ้มครองนั้น เป็นกระบวนการผลิตที่มีสอนเป็นปกติให้กับนักศึกษาของคณะเภสัชศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่มีอะไรใหม่ ทุกคนที่มีความรู้ทางเภสัชกรรมก็สามารถทำได้ ไม่ควรได้สิทธิบัตรคุ้มครอง จึงขอให้ศาลฎีกาพิจารณายกเลิกการจดสิทธิบัตรฉบับนี้” นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวและว่า นับเป็นเรื่องน่าดีใจที่คนไทยได้ลุกขึ้นสู้ฟ้องร้องจนชนะคดีในศาลฎีกาได้ และนับเป็นครั้งแรกที่เราชนะในการต่อสู้การผูกขาดสิทธิบัตรยาที่มีมาโดยตลอด

ภก.นิลสุวรรณ กล่าวว่า วันนี้เราชนะคดีด้วยความใสสะอาด การที่บริษัทยาทำเช่นนี้เป็นการนำกระบวนการสิทธิบัตรมาเบียดเบียนเอาเปรียบคนอื่น ถือเป็นสิ่งผิดจริยธรรม เพราะการที่บริษัทยาในประเทศไม่สามารถผลิตยาสามัญนี้ได้หลังอายุสิทธิบัตรยาฉบับแรกสิ้นสุดลง ทำให้ประเทศต้องสูญเสียงบประมาณในการจัดซื้อยานี้ในราคาที่สูงเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ซึ่งแต่ละปีมีผู้ป่วยที่ต้องใช้ยานี้จำนวนมาก ขณะเดียวกัน การฟ้องร้องนี้ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทยาสามัญของไทย ทำให้ยอดขายบริษัทลดลงจนต้องขายกิจการให้กับบริษัทยาข้ามชาติประเทศเม็กซิโกไปในที่สุด

จากผลการตัดสินของศาลฏีกาที่ให้ถอนสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตยาวาลซาร์แทน จะส่งผลให้ทุกประเทศนำกรณีของประเทศไทยไปเป็นตัวอย่างในการฟ้องศาลเพื่อให้ถอนสิทธิบัตรกรรมวิธีการผลิตยาวาลซาร์แทนในประเทศของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การยกเลิกใช้สิทธิบัตรยานี้ทั่วโลก ทั้งนี้ที่ผ่านมาเราถูกบริษัทยาเอาเปรียบไปทั่วโลก ไม่แต่เฉพาะประเทศไทย โดยบริษัทยาได้ใช้ช่องโหว่กระบวนการจดสิทธิบัตรในสหรัฐฯ ที่บังเอิญหลุดรอดจากการคัดค้านความไม่ใหม่ของกรรมวิธีการผลิตยาเม็ด มาเอารัดเอาเปรียบ ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยนั้น เมื่อยาใดหมดอายุการคุ้มครองลง บริษัทยาในประเทศก็จะสามารถผลิตเป็นยาสามัญมาแข่งขันได้ ทำให้ราคายาไม่ถูกผูกขาดอีกต่อไป ส่งผลให้การใช้ยาวาลซาร์แทน ในระบบหลักประกันสุขภาพมีราคาลดลงเช่นกัน เป็นการช่วยลดต้นทุนในการรักษาผู้ป่วย ขณะเดียวกันผลการตัดสินในครั้งนี้ยังนับเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาในอนาคตต่อไป

 

ข่าว [1]
คุณภาพชีวิต [2]
เศรษฐกิจ [3]
ยาโรคความดันโลหิตสูง [4]
ยาโรคหัวใจ [5]
สภาเภสัชกรรม [6]
สิทธิบัตร [7]

Source URL: https://prachatai.com/journal/2018/05/76812#comment-0

Links
[1] https://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7
[2] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95
[3] https://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88
[4] https://prachatai.com/category/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87
[5] https://prachatai.com/category/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%88
[6] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1
[7] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3