Published on ประชาไท Prachatai.com (https://prachatai.com)

Home > กลุ่มลาขาดควันยาสูบเรียกร้องให้ 'บุหรี่ไฟฟ้า' เป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย > กลุ่มลาขาดควันยาสูบเรียกร้องให้ 'บุหรี่ไฟฟ้า' เป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย

กลุ่มลาขาดควันยาสูบเรียกร้องให้ 'บุหรี่ไฟฟ้า' เป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย

Submitted by auser15 on Sun, 2019-05-19 08:46

กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) จัดกิจกรรม "ปอดใส ไร้ทาร์" เพื่อเรียกร้องให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย ขอให้รัฐเปิดใจเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนในหลายๆ ประเทศ ด้านผู้แทนองค์การอนามัยโลกและภาคีเครือข่าย เรียกร้องให้เก็บอัตราภาษีบุหรี่เท่ากันทุกซอง 40% ของราคาบุหรี่ 


ที่มาภาพประกอบ: Flickr/joelosfeliz [1] (CC BY-NC 2.0) [2]

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2562 ผู้จัดการออนไลน์ [3] รายงานว่านายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) กล่าวว่าทางเครือข่ายได้มีการจัดกิจกรรม "ปอดใส ไร้ทาร์" ซึ่งมีสมาชิกกว่า 40 คนเข้าร่วม เพื่อเรียกร้องให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย และรวบรวมรายชื่อแสดงจุดยืนคัดค้านศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ที่ได้รับมอบหมายให้ทำวิจัยบุหรี่ไฟฟ้า โดยสมาชิกเครือข่ายได้โชว์ฟิล์มเอกซเรย์ตรวจสุขภาพปอด ยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าบุหรี่มวน รวมถึงการรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกในปีนี้ ในวันที่ 31 พ.ค. 2562 คือ "ยาสูบและสุขภาพปอด" ซึ่งทุกปีหน่วยงานสาธารณสุขก็จะออกมารณรงค์ให้ความรู้ด้วย เพื่อให้คนเกรงกลัวพิษภัยของบุหรี่และเลิกสูบบุหรี่ แต่จำนวนผู้สูบบุหรี่บ้านเรากลับไม่ได้ลดลงมากนัก ยังคงที่ประมาณ 19 เปอร์เซ็นต์ ตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา

ด้านนายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ฟ้า กล่าวว่าพวกเราไม่อาจยอมรับผลการศึกษาจากหน่วยงานที่ไม่เป็นกลางได้ เราจะไม่ยอมฝากชีวิตไว้กับกฎหมายที่ล้าหลัง จำเป็นต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ หากรัฐบาลต้องการปกป้องปอดของคนไทยให้ได้รับอันตรายจากการสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่มือสองให้น้อยลง ก็น่าจะเปิดใจกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนในหลายๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะนำรายชื่อ ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และจดหมายจากตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทั่วเอเชียที่เห็นด้วย ไปยื่นให้กับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกแบนบุหรี่ไฟฟ้า

ผู้แทนองค์การอนามัยโลกและภาคีเครือข่าย เรียกร้องให้เก็บอัตราภาษีบุหรี่เท่ากันทุกซอง 40% ของราคาบุหรี่ 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2562 สำนักข่าวไทย [4] รายงานว่าในการแถลงข่าว Tobacco burns your lungs “บุหรี่เผาปอด” นพ.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่าการสูบบุหรี่ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนและคนยากจนเสี่ยงต่อการเสพติดนิโคตินไปตลอดชีวิต การสูบบุหรี่ส่งผลทำให้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจวาย และโรคปอด เราเรียนรู้จากประสบการณ์ของหลายๆ ประเทศทั่วโลกว่าการขึ้นภาษีบุหรี่นั้น เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันและทำให้คนเลิกสูบบุหรี่ องค์การอนามัยโลกขอแนะนำว่าระบบการเก็บภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียวนั้น ดีกว่าแบบ 2 อัตรา ซึ่งอาจจะทำให้นักสูบหันไปใช้บุหรี่ที่มีราคาถูกกว่าได้ เช่น จากที่บุหรี่ที่ขายราคา 60 บาทหรือต่ำกว่า คิดอัตราภาษีร้อยละ 20 ตามมูลค่า และบุหรี่ที่ขายอัตราเกินซองละ 60 บาท อัตราภาษีร้อยละ 40 ควรจะเป็นอัตราเดียวที่ร้อยละ 40 ของบุหรี่ทุกราคา

ด้าน พญ.เริงฤดี ปธานวนิช  ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทย มีการเก็บอัตราภาษี 2 แบบ ไม่เท่ากันระหว่างบุหรี่ที่ผลิตในประเทศและบุหรี่นำเข้า โดยการจัดเก็บขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 20 บุหรี่ผลิตในประเทศ ขณะที่บุหรี่นำเข้าอัตราเก็บอยู่ที่ร้อยละ 40  แต่หากมีการเก็บภาษีเท่ากันหมดในอัตราร้อยละ 40 ก็จะทำให้คนไม่หันไปหาบุหรี่ราคาถูก และควรทำให้ราคาบุหรี่ มีราคาสูงพอๆ กับค่าครองชีพ   เพื่อให้ตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น ในต่างประเทศขณะนี้กำลังรณรงค์ให้มีการจัดเก็บภาษีบุหรี่ในอัตราเดียว และการจัดเก็บภาษีก็ไม่ได้ทำให้รายได้ของประเทศลดลง  

พร้อมกันนี้ยังชี้ว่าบุหรี่ยังก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากค่ารักษาพยาบาลปีละ 77,626 ล้านบาท ความสูญเสียจากการที่ต้องขาดรายได้เนื่องจากเจ็บป่วยปีละ 11,762 ล้านบาท และความสูญเสียอันเกิดจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละ 131,073 ล้านบาท หรือคิดเป็นความสูญเสียรวมทั้งหมดปีละ 220,461 ล้านบาท (หรือเฉลี่ย 20,565 บาทต่อผู้สูบบุหรี่ 1 คนต่อปี) ซึ่งหากเปรียบเทียบกับรายได้ที่รัฐจัดเก็บได้จากภาษีบุหรี่แล้วต่างกันถึง 3.2 เท่า ดังนั้นถือว่าไม่คุ้มค่ากับความสูญเสียที่เกิดขึ้น 

พญ.เริงฤดี ยังกล่าวว่า ในการจัดเก็บภาษีควรเก็บยาเส้นด้วย เนื่องจากไม่แตกต่างจากบุหรี่มีสารพิษเท่ากับบุหรี่มวนทุกอย่าง และข้อมูลปี 2560 จากคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี พบคนไทยเสียชีวิตจากบุหรี่รวม 72,656 คน โดยร้อยละ 49 เสียชีวิตจากโรคปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ คือ เป็นมะเร็งปอด 13,727 คน ถุงลมปอดพอง 10,852 คน โรคปอดอักเสบและวัณโรคปอด 10,833 คน รวมเท่ากับ 35,412  คน ซึ่งหากรวมจำนวนคนไทยที่เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองปีละ 8,278 คน ที่ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคปอดแล้ว จะรวมเป็นคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคปอดที่เกิดจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 4 หมื่นคน

ข่าว [5]
สังคม [6]
คุณภาพชีวิต [7]
กลุ่มลาขาดควันยาสูบ [8]
ECST [9]
บุหรี่ไฟฟ้า [10]
บุหรี่ [11]
องค์การอนามัยโลก [12]
สุขภาพ [13]
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

Source URL: https://prachatai.com/journal/2019/05/82543

Links
[1] https://www.flickr.com/photos/joelosfeliz/5163782876
[2] https://creativecommons.org/licenses/by-nc/2.0/
[3] https://mgronline.com/uptodate/detail/9620000047637
[4] https://tna.mcot.net/view/T_CnWNc
[5] https://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7
[6] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1
[7] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95
[8] https://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%9A
[9] https://prachatai.com/category/ecst
[10] https://prachatai.com/category/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2
[11] https://prachatai.com/category/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88
[12] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81
[13] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E