วิษณุ เครืองาม เปิดเผยว่าประธานสภาผู้แทนราษฎรสามารถนำรายชื่อนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ เร็วสุดวันนี้ ระหว่างนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คงไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องคณะรัฐมนตรี โดยอำนาจเต็มที่เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ - ขณะที่ ส.ส.พลังประชารัฐ ทวงเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญมาจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะเกษตรและคมนาคม เพราะต้องทำตามที่รับปากไว้กับประชาชน

แฟ้มภาพวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 6 มิ.ย. 2562 (ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย [1])

6 มิ.ย. 2562 - วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์วันนี้ (6 มิ.ย. 62) ตอบคำถามเรื่องวุฒิสมาชิกลงมติเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าไม่มีอะไรต้องตอบ อยากบอกว่านี่คือกฎหมาย ถูกกำหนดอยู่ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 ซึ่งประชาชนลงประชามติเห็นด้วยว่าให้ 5 ปี แรก ส.ว. ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนที่พูดกันว่าเป็นประโยชน์ทับซ้อน จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

วิษณุอ้างคำกล่าวของชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาว่า เราจะชอบหรือไม่ชอบบทเฉพาะกาลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่อาจไปแก้ไขกันในอนาคต แต่เมื่อวันนี้อยู่กับมัน เราต้องยอมรับมัน

ในรายงานของข่าวสดออนไลน์ [2] วิษณุเปิดเผยด้วยว่า หลังจากมีมติเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้นำรายชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เร็วที่สุดน่าจะเป็นวันนี้ จากนั้นรอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกลับลงมา โดยนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่มีกำหนดเวลา แล้วแต่จะเห็นสมควร ซึ่งคงต้องหารือกับพรรคต่างๆ จากนั้นจะส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำไปตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

วิษณุคาดการว่าจะมีรัฐบาลใหม่ภายในสิ้นเดือนนี้ โดยยังมีเวลาอีก 24 วัน แต่สิ่งที่ต้องรอบคอบคือการยกร่างนโยบาย เพราะเมื่อถึงวันที่ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว หลังจากนั้นจะต้องแถลงนโยบายภายใน 15 วัน ดังนั้น ควรใช้เวลาช่วงนี้ยกร่างนโยบายไว้ก่อน พอจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว ก็เอานโยบายที่จัดทำเสร็จมาปรับปรุงอีกไม่มากแล้วเสนอ จากนั้นก็เดินหน้าใน 15 วันได้ ทั้งนี้วิษณุยอมรับว่า ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจเต็มที่ในการดำเนินการทาบทามคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เมื่อถูกถามว่าได้รับการทาบทามหรือตัดสินใจหรือไม่ วิษณุตอบว่า "ยังครับ"

ส.ส.พลังประชารัฐ ทวงเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญ 'คมนาคม-เกษตร' เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย

ขณะเดียวกัน ข่าวสดออนไลน์ [3] รายงานด้วยว่า สิระ เจนราคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับกระแสข่าวแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้กับประชาชนทั่วประเทศ จึงอยากฝากไปยังอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ผู้ได้รับมอบหมายให้ประสานจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลว่า เราในฐานะแกนหลักของรัฐบาลต้องได้ดูแลกระทรวงสำคัญต่างๆ เพื่อสานงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งขับเคลื่อนงานนโยบายที่หาเสียงไว้ โดยพรรคพลังประชารัฐควรได้กระทรวงสำคัญที่ดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง ซึ่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ริเริ่มไว้หลายโครงการ รวมทั้งการแก้ปัญหาพืชผลการเกษตรที่จำเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน หากพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ดูแลกระทรวงที่สามารถทำงานเข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริงจะเกิดปัญหาในระยะยาว เพราะเราจะไม่สามารถทำงานตามที่รับปากกับประชาชนได้ ผู้ใหญ่ในพรรคต้องให้ความสำคัญว่าเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

หากจะทำการเมืองต่อไปต้องดูแลภาคเกษตร ไม่ว่าชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ พืชผลทางการเกษตร ส.ป.ก.4-01 ซึ่งส.ส.ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย เพราะเราเคยหาเสียงไว้ หากเราไม่ได้ดูแลกระทรวงสำคัญ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ไม่สามารถผลักดันโครงการต่างๆ ได้เต็มที่ ดังนั้น อยากให้ผู้บริหารพรรคและกรรมการบริหารพรรคทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราเคยรับปากกับประชาชนในการหาเสียงไว้ด้วย เพราะนโยบายเหล่านี้ทำให้เราได้ ส.ส.ถึง 116 ที่นั่ง อีกทั้งเป็นเพียงพรรคเดียวที่มีส.ส.จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เราไม่ควรโกหกประชาชน และควรปกป้องสิทธิในฐานะพรรคแกนหลักจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรได้ปราศรัยและช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ นโยบายด้านการเกษตรถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนเร่งด่วน จึงควรมีคนของพรรคเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ส่วนบุคคลใดเหมาะสมนั้น ถือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล โดยอนุชาระบุว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จะหารือเรื่องที่นั่งรัฐมนตรีในวันที่ 7 มิ.ย. นี้