คดีที่ผู้พิพากษายะลายิงตัวเอง พบ 'ศรีวราห์' เคยลงไปแถลงจับกุมปี61 - กอ.รมน.ยันไม่เคยแทรกแซง
ตรวจสอบคดีที่ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลายิงตัวเองหลังอ่านคำพิพากษายกฟ้อง พบเมื่อปี 61 พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้รับมอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ ผบ.ตร. ให้ลงไปติดตามความคืบหน้าด้วยตัวเอง ชี้คดีเป็นเหตุความขัดแย้งส่วนตัวในเรื่องยาเสพติด กลุ่มคนร้ายได้อาศัยกลุ่มผู้ก่อเหตุในคดีความมั่นคงลงมือ ด้าน ฝ่ายความมั่นคง ยันไม่เคยแทรกแซง ก้าวก่าย เปิดคำแถลงผู้พิพากษาคณากร ก่อนยิงตัวเอง ชี้หลักฐานเกิดมีขึ้นในขณะที่จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์ซักถามเป็นเวลานานในฐานะผู้ต้องสงสัย
5 ต.ค.2562 จากกรณี คณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงตัวเองภายในห้องพิจารณาคดีชั้น 3 อาคารสำนักงานศาลจังหวัดยะลาได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายหลังขึ้นบัลลังก์พิพากษายกฟ้อง 5 คน เมื่อวานนี้(4 ต.ค.62)นั้น
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2561 พบสื่อหลายสำนัก เช่น INN [3] 77 ข่าวเด็ด [4] และผู้จัดการออนไลน์ [5] เป็นต้น รายงานว่า ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่ จ.ยะลา สำหรับคดีในพื้นที่จังหวัดยะลา กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้าน ที่ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นเหตุให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 5 ศพ ซึ่งคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2547 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ได้ติดตามจับกุมตัว ได้ 5 ราย ประกอบด้วย สาแปอิง อายุ 39 ปี อับดุลเลาะ อายุ 30 ปี แวอาแซ อายุ 34 ปี มัสสัน อายุ 29 ปี และ ซูกรี อายุ 33 ปี ทั้งหมดเป็นราษฏรอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา รวม 5 คน โดยได้ตั้งข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ร่วมกันเป็นซ่องโจรมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย” โดยในวันดังกล่าวได้มีพยานปากเอกที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้มาชี้ตัวผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย
ซึ่งการลงพื้นที่ของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ นั้นมาจากการสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าของการดำเนินคดีต่อกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ทั้งที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส โดยคดีดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนขวัญต่อความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่
โดยทั้ง 5 คนถูกดำเนินการตามหมายศาลคดีอาญา ที่ 88/2561 ลงวันที่ 11 มิ.ย.61 และทางเจ้าหน้าที่ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2547 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ติดตามจับกุม และเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาควบคุมตัวไว้ จำนวน 5 ราย เพื่อซักถามที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า
ในความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนหรือสมคบกันเพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีผู้จะก่อการร้ายแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ อั้งยี่ซ่องโจร นำเข้ามา ทำ มี ใช้ ซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มีเครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เปิดเผยในวันนั้น (3 ส.ค.61)ว่า การดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล เป็นไปตามขั้นตอน และกระบวนการตามกฎหมาย โดยคดีในพื้นที่ จ.ยะลา ที่มีเหตุกราดยิงชาวบ้านเสียชีวิต จำนวน 5 ราย จากการสอบสวนสืบสวนแล้วพบว่า เป็นเหตุความขัดแย้งส่วนตัวในเรื่องยาเสพติด โดยกลุ่มคนร้ายได้อาศัยกลุ่มผู้ก่อเหตุในคดีความมั่นคงลงมือก่อเหตุในคดีดังกล่าวด้วย
ขณะที่เหตุกราดยิงชาวบ้านร่อนทองที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส นั้น มีความชัดเจนว่าเป็นการก่อเหตุของกลุ่มคนร้าย หรือกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบ โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตได้ไปพบเจอกลุ่มคนร้าย จนทำให้กลุ่มคนร้ายต้องลงมือก่อเหตุดังกล่าว ในส่วนของคดีการลักลอบขนวัตถุระเบิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมไว้ได้นั้น ยืนยันว่า ระเบิดดังกล่าวมีการใช้ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อติดตามแหล่งที่มาต่อไปแล้ว
ฝ่ายความมั่นคง ยันไม่เคยแทรกแซง ก้าวก่าย
ล่าสุดวันนี้ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร โพสต์ข้อความรายงานข่าวทางเฟสบุ๊ค Wassana Nanuam [6] ว่า พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึง กระแสสังคม จับจ้องมาที่ฝ่ายทหารฝ่ายความมั่นคงหลังจาก คณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษายะลา ยิงตัวเองในศาลหลังโพสต์ ขอคืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา และคืนความยุติธรรมให้ประชาชน ว่า คดีนี้ เป็นคดีสำคัญ แต่ไม่ใช่คดีความมั่นคง เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงราษฎรมุสลิมเสียชีวิตจำนวน 5 ราย ในพื้นที่ ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เมื่อ 11 มิ.ย.2561 โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องมีจำเลย 5 คน
ศาลชั้นต้นจังหวัดยะลา พิพากษาให้ ยกฟ้อง จำเลยทั้ง 5 ราย เนื่องจากพยานและหลักฐานไม่เพียงพอให้เชื่อได้ว่า จำเลยทั้ง 5 ราย กระทำความผิดจริงตามฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธธรณ์
พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายทหาร ไม่เคยมีใครเข้าไปก้าวก่ายในกระบวนการยุติธรรม การสั่งฟ้องหรือไม่. ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและดุลยพินิจของศาล มีการยกฟ้องคดีตั้งมากมาย ก็ไม่เคยปรากฏว่าผู้พิพากษาจะถูกย้าย หรือถูกปลด ไล่ออก และคงไม่มีใคร ที่จะมีอำนาจทำเช่นนั้นได้ อำนาจฝ่ายทหาร ฝ่ายบริหาร ไม่สามารถเข้าแทรกแซงหรือก้าวก่ายอำนาจฝ่ายตุลาการได้ ที่ผ่านๆ มาได้เคยมีคำพิพากษายกฟ้องคดีความมั่นคงมากมาย ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกคนเข้าใจดีว่า การใช้ดุลยพินิจ ต้องยึดมั่นพยานหลักฐานที่ทำให้ศาลเชื่อได้ว่าจำเลยได้ทำความผิดจริง
ชี้หลักฐานเกิดมีขึ้นในขณะที่จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์ซักถามเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ คณากร ได้ระบุตอนหนึ่งเกี่ยวกับการนำผู้ต้องหาไปควบคุมในศูนย์ซักถามเป็นเป็นเวลานาน ไว้ในคำแถลงด้วยว่า "...คดีนี้ไม่ใช่คดีความมั่นคง ไม่ใช่คดีก่อการร้าย โจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยทั้งห้าว่ากระทำความผิดฐานก่อการร้ายหรือความผิดต่อความมั่นคง แต่พยานหลักฐานทั้งหมดกลับเกิดจากหรือเกิดมีขึ้นในขณะที่จำเลยทั้งห้าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์ซักถามเป็นเวลานานในฐานะผู้ต้องสงสัย ตามกฎหมายพิเศษคือกฎอัยการศึก..."
บางส่วนของคำแถลง