ชาวแคนาดาชุมนุมหนุนชนพื้นเมือง หลัง ตร. ติดอาวุธบุกจับกุม-ไล่ออกจากที่ดิน
ในแคนาดามีเหตุกองกำลังตำรวจม้าติดอาวุธปืนกลรุกรานที่ดินของกลุ่มชนพื้นเมือง 'เวทซูเวทเอ็น' ในรัฐบริติชโคลัมเบีย มีการจับกุมผู้ปกป้องที่ดินที่ไม่มีอาวุธรวมแล้ว 21 ราย เพราะต้องการถางที่ดินเตรียมสร้างท่อก๊าซซีจีแอล (CGL) ความยาว 670 กม. แต่การจับกุมชนพื้นเมืองเหล่านี้ก็จุดชนวนให้เกิดการประท้วงต่อต้านทางการขึ้นทั่วประเทศ
สติ๊กเกอร์ข้อความสนับสนุนชนกลุ่มน้อยในหมู่บ้าน Unist'ot'en หนึ่งในพื้นที่ของกลุ่มเวทซูเวทเอ็น ภาพถ่ายเมื่อปี 2558 (ที่มา: flickr/ Tony Webster [1])
12 ก.พ. 2563 สื่อ CBC จากแคนาดารายงานเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมาว่าการที่ตำรวจแคนาดาบุกรุกและจับกุมกลุ่มชนพื้นเมืองเวทซูเวทเอ็น ในทางตอนเหนือของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้คนทั่วประเทศออกมาประท้วงปิดรางรถไฟเพื่อแสดงการสนับสนุนการประท้วงของชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ในการต่อสู้เพื่อต่อต้านการวางท่อก๊าซธรรมชาติ
กองกำลังตำรวจม้าของแคนาดา (RCMP) นำกำลังเข้าจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นชนพื้นเมืองชาวเวทซูเวทเอ็น ผู้ทำการประท้วงสกัดกั้นการก่อสร้างท่อก๊าซซีจีแอลเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยที่โครงการท่อก๊าซดังกล่าวมีแผนการจะสร้างจากเดอว์สันครีกตัดผ่านที่ดินของเวทซูเวทเอ็นไปจนถึงคิติแมต รวมความยาว 670 กม. โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภาคส่วนเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดาคือ LNG Canada ที่มีการเรียกเม็ดเงินลงทุนมหาศาลส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ
สื่อพีเพิลดิสแพตช์ระบุว่า ชาวเวทซูเวทเอ็น เป็นกลุ่มที่มีสิทธิในการควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ของพวกเขามาโดยตลอด โดยศาลแคนาดาก็ได้ยอมรับในเรื่องนี้ ด้วยการให้มีข้อกำหนด ให้การพัฒนาที่จะเกิดขึ้นภายในเขตพื้นที่ของพวกเขาจะต้องได้รับการยินยอมที่มีการแจ้งข้อมูลครบถ้วนล่วงหน้าและไม่มีค่าใช้จ่าย (Free, Prior, and Informed Consent (FPIC))
รัฐบริติชโคลัมเบียยังเคยรับรองและนำเอาปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง (UNDRIP) มาใช้ด้วย โดยที่พีเพิลดิสแพตช์ระบุว่าการสร้างท่อก๊าซบนผืนแผ่นดินของเวทซูเวทเอ็นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพวกเขาถือเป็นการละเมิดกฎหมายชนพื้นเมือง กฎหมายของแคนาดาเอง และกฎหมายนานาชาติ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีสมาชิกสภาเวทซูเวทเอ็น 5 ใน 6 ที่ลงนามรับรองโครงการท่อก๊าซนี้ แต่ผู้นำสภาก็กล่าวว่าสมาชิกสภาเหล่านี้มีอำนาจความรับผิดชอบอยู่แค่กับเขตพื้นที่สงวนเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงอาณาเขตดั้งเดิมตามประเพณี
การปราบปรามชนพื้นเมืองในครั้งนี้ทำให้มีกลุ่มเยาวชนชนพื้นเมืองโต้ตอบด้วยการประท้วงที่หน้าสำนักงานสภานิติบัญญัติของบริติชโคลัมเบียในวิกเตอเรีย และบอกว่าจะไม่ยอมถอยจนกว่ารัฐบาลจะยกเลิกปฏิบัติการของ RCMP นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมาก็มีการประท้วงปิดทางรถไฟเข้าออกปรินซ์รูเพิร์ทและคิติแมต รวมถึงมีการประท้วงปิดท่าเรือสองแห่งในวแนคูเวอร์คือท่าเรือแห่งแวนคูเวอร์และท่าเรือแห่งเดลตา ในวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมาตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ประท้วง 34 รายที่ท่าเรือแห่งแวนคูเวอร์
ทั้งนี้ ยังมีการประท้วงในที่อื่นๆ อีกหลายที่ทั้งจากกลุ่มชนพื้นเมืองและผู้สนับสนุนกลุ่มชนพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงเดินขบวนหน้าสำนักงาน RCMP การประท้วงปิดถนนพอร์ทาจอเวนิวชั่วคราว มีกลุ่มเยาวชนประท้วงปักหลักที่อาคารกระทรวงยุติธรรมในอ็อตตาวา และแถลงการณ์เรียกร้องให้ RCMP ยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อประชาชนชาวเวทซูเวทเอ็น
องค์กรกรีนพีชที่ต่อต้านการวางท่อก๊าซในบริติชโคลัมเบีย ออกแถลงการณ์แสดงการสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเมื่อ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา พวกเขาระบุว่าการประท้วงแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับชาวเวทซูเวทเอ็นทั่วแคนาดาช่วยทำให้เกิดความสนใจในระดับประเทศต่อความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของพวกเขา กรีนพีชระบุอีกว่าในหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้การประท้วงอย่างสันติมีบทบาทสำคัญในการแสดงความเป็นสักขีพยานและกดดันนักการเมืองให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช้สิ่งที่สะดวกต่อพวกเขาเอง
เรียบเรียงจาก
RCMP arrests in Wet'suwet'en territory spark protests nationwide, CBC [2], Feb. 10, 2020
Canada raids Indigenous lands for construction of pipeline, violates international law, Peoples Dispatch [3], Feb. 10, 2020
Canada: Wetʼsuwetʼen activists vow to continue pipeline fight after arrests, The Guardian [4], Feb. 10, 2020