Published on ประชาไท Prachatai.com (https://prachatai.com)

Home > พลังพลเมืองตื่นรู้กับภารกิจขับเคลื่อน ‘ความมั่นคงทางอาหาร’ ชูวาระแห่งชาติในสมัชชาสุขภาพฯ ปีนี้ > พลังพลเมืองตื่นรู้กับภารกิจขับเคลื่อน ‘ความมั่นคงทางอาหาร’ ชูวาระแห่งชาติในสมัชชาสุขภาพฯ ปีนี้

พลังพลเมืองตื่นรู้กับภารกิจขับเคลื่อน ‘ความมั่นคงทางอาหาร’ ชูวาระแห่งชาติในสมัชชาสุขภาพฯ ปีนี้

Submitted by user007 on Thu, 2020-10-08 02:22

วิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย หลายชุมชนทั้งในเขตเมืองและชนบทต่างต้องหาวิธีจัดการเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ให้ได้ เนื่องจากปัญหาปากท้องเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อให้เกิดนโยบายสาธารณะที่เหมาะสม

 

8 ต.ค.2563 กลุ่มงานสื่อสารสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) รายงานว่า การจัดประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ในวันที่ 16-17 ธันวาคม 2563 ภายใต้แนวคิดหลัก ‘พลังพลเมืองตื่นรู้ สู้วิกฤตสุขภาพ’ จึงมีเรื่อง ‘ความมั่นคงทางอาหารในภาวะวิกฤต’ เป็นหนึ่งในร่างระเบียบวาระในงานดังกล่าว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.), มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน  (ประเทศไทย) และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (side event) ‘ความมั่นคงทางอาหารในภาวะวิกฤต’ เพื่อให้ภาคีเครือข่ายได้มีส่วนร่วมและให้ข้อเสนอต่อการพัฒนานโยบายสาธารณะในประเด็นดังกล่าว โดยจัดในพื้นที่ของสวนผักคนเมือง มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย) จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ซึ่งในเวทีดังกล่าวมีตลาดสินค้าเพื่อเป็นพื้นที่เชื่อมโยงและกระจายอาหารจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคตามแนวทางของวิถีเกษตรกรรมยั่งยืนและสร้างความมั่นคงทางอาหารด้วย

สร้างพลเมืองตื่นรู้ ดันวาระความมั่นคงทางอาหาร

เจษฎา มิ่งสมร ประธานอนุกรรมการการมีส่วนร่วมและสร้างการเรียนรู้ของภาคีเครือข่าย กล่าวในเวทีฯ ว่า “การทำเกษตรกรรมยั่งยืนที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคเชื่อมถึงกันโดยตรงเป็นเศรษฐกิจที่วางอยู่บนฐานของความเชื่อใจ ช่วยให้ผู้ผลิตลดภาระจากการกู้หนี้ยืมสิน ที่ดินไม่หลุดมือ ลดการใช้สารเคมี ซึ่งจะย้อนกลับมาส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภค และเป็นเศรษฐกิจในมิติใหม่ที่ประเทศไทยควรใช้ในอนาคต”

ด้าน นพ.สมชาย พีรปกรณ์ ประธานอนุกรรมการวิชาการ กล่าวว่า สังคมไทยกำลังเผชิญวิกฤตสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมหลายประการ พลเมืองตื่นรู้หรือ active citizen จะเป็นพลังสำคัญต่อการรับมือวิกฤตดังกล่าว  “เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งคือปัจจัยสี่ ปัญหาที่เราพบมากที่สุดช่วงโควิดคือ อาหารการกินซึ่งก็คือความมั่นคงทางอาหาร ทำให้คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเห็นว่าควรคุยเรื่องนี้ด้วย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะและการเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นการเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เมื่อออกเป็นมติสมัชชาฯ แล้ว กระบวนการจะไหลขึ้นไปถึงคณะรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาสั่งการต่อไป”

ภายในงานมีเครือข่ายต่างๆ มาร่วมเปิดร้านขายอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากฐานทรัพยากรชุมชน ผักอินทรีย์ ข้าวอินทรีย์และอื่น ๆ ให้เลือกซื้อหา โดยมีวิธีคิดเบื้องหลังในการทำเกษตรกรรมที่ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ขณะเดียวกันก็สามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพและพอเพียงตามความจำเป็นพื้นฐานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเกษตรกรและผู้บริโภค พึ่งพาตนเองได้ในทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเอื้ออำนวยให้เกษตรกรและชุมชนท้องถิ่นสามารถพัฒนาได้อย่างเป็นอิสระ

นอกจากนี้ ยังมีการเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ‘ความมั่นคงทางอาหารในภาวะวิกฤต’ ซึ่งมีตัวแทนจากกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดมาร่วมพูดคุย ให้ข้อมูล และให้ข้อเสนอแนะที่ควรนำไปผลักดันเป็นนโยบาย

โควิด-19 กับการขาดแคลนอาหาร

มานพ แก้วผกา ผู้ประสานงานกลุ่มโรงงานสมานฉันท์ เล่าถึงความยากลำบากจากสถานการณ์โควิด-19 ว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่มของเขาไม่มีงานตัดเย็บเสื้อผ้า สมาชิกในกลุ่มจะกลับบ้านก็ไม่มีค่ารถ ที่ดินทำกินในต่างจังหวัดก็ไม่มีเหลือแล้ว ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน ยังดีที่มีการปลูกผักอายุสั้นไว้ ช่วยให้สามารถมีอาหารพอประทังชีวิตไปได้

“มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืนทำโครงการปันอาหารปันชีวิต รวบรวมผู้คนที่สนับสนุนเงินซื้อผักปลอดสารพิษจากเกษตรกรทั่วประเทศแล้วมาบริจาคให้กับกลุ่มคนที่มีปัญหา ทำให้พวกเราพออยู่ได้ เปิดครัวกลางสองเดือน ทำอาหารปันให้คนในชุมชนสองร้อยห้าสิบคน รวมทั้งให้คนไร้บ้านด้วย” มานพเล่า

ขณะที่ พรทิพย์ วงศ์จอม จากครัวชุมชนสวนพลู เล่าว่า ช่วงโควิด-19 ระบาดใหม่ๆ คนในชุมชนที่ทำงานขับแท็กซี่ ขับสามล้อ หรือพนักงานออฟฟิศต่างต้องหยุดงาน แม้ในแง่การป้องกันตัวจากโควิดจะทำได้ดี แต่ผู้คนก็เผชิญความยากลำบากแทบไม่มีกิน เธอและคนในชุมชนจึงใช้วิธีเรี่ยไรเงินคนละ 20-100 บาทเพื่อซื้ออาหารมาแบ่งกัน บวกกับมีผักสวนครัวส่วนกลางช่วยให้ผ่านภาวะบีบคั้นไปได้ “เรามีเงินแค่นี้จะทำยังไงให้ได้อาหารมากกว่าเดิม ก็ไม่ใช่โฟม ไม่ใช้ถุงพลาสติก ใครมีอะไรก็กองรวมกันตรงกลาง ช่วงแรกๆ มีคนเอาถุงยังชีพมาให้ก็รวมกันไว้ตรงกลาง ใช้เตาแก๊สกลาง หมุนเวียนกันมาทำ”

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่ทำตลาดอินทรีย์ ผลิตผลกลับขายดีขึ้น มีพ่อค้าแม่ค้าสนใจเข้าร่วมมากขึ้น ณัชชญา นามกร เกษตรกรรุ่นใหม่จากสวนผักยอดรักและผู้ร่วมก่อตั้งตลาดกรีนชินตา จังหวัดตรัง เล่าว่า สิ่งที่เธอและผู้คนร่วมกันทำคือ ตลาดชุมชนที่เน้นอาหารปลอดภัย พึ่งพิงตนเองได้จากฐานทรัพยากรในชุมชน นอกจากนี้พวกเธอยังร่วมกับโครงการปันอาหารปันชีวิต บริจาคอาหารไปยังชุมชนต่างๆ ที่ประสบปัญหา

ผลักดัน ‘ความมั่นคงทางอาหาร’ เป็นวาระแห่งชาติ

เรื่องราวข้างต้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ความมั่นคงทางอาหารมีความสำคัญเพียงใด ทั้งในยามปกติและโดยเฉพาะในช่วงภาวะวิกฤต รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะทำงานวิชาการในประเด็นนี้ เห็นว่า ในแง่รัฐศาสตร์การสร้างนโยบายสาธารณะที่มาจากการมีส่วนร่วมมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางอาหารเป็นสิ่งที่ควรผลักดันให้รัฐนำไปปฏิบัติ

“ความมั่นคงทางอาหารคือการที่ผู้คนเข้าถึงอาหารอย่างเสมอหน้า ทั้งปริมาณและคุณภาพ และในกระบวนการการผลิตอาหารยังเกี่ยวข้องกับชีวิตผู้คน เกษตรกรรายย่อย การผลิต การกระจาย การมีอาหารอินทรีย์ที่ผลิตโดยบริษัทใหญ่ๆ จะนำไปสู่ความเปราะบางของเกษตรกรรายย่อยและอธิปไตยทางอาหาร ดังนั้น ความมั่นคงทางอาหารต้องนิยามให้กว้าง เพราะเกี่ยวพันกับการพึ่งตนเอง อิสรภาพทางเมล็ดพันธุ์ และอื่นๆ” ประภาสกล่าว

ประภาส อธิบายเพิ่มเติมว่า วิกฤตนี้ส่งผลกระทบ 2 มิติคือ การได้มาซึ่งอาหารที่มาจากการมีรายได้ที่เพียงพอ เมื่อคนตกงานส่วนนี้จึงหายไปอย่างมีนัยสำคัญ มิติต่อมาคือ ด้านการเพาะปลูก คนที่อยู่ในชนบทหรือเกษตรกรรายย่อยได้รับผลกระทบด้านอาหารไม่มาก แต่คนจนในเมืองวิกฤตหนักกว่ามากเนื่องจากไม่มีหลังพิงเช่นคนชนบท

สำหรับการรวบรวมข้อเสนอจากเครือข่ายต่างๆ ประภาส กล่าวว่า งบประมาณ 4 แสนล้านที่รัฐจะนำมาแก้ปัญหานั้น ควรมีการใช้เงินอย่างมียุทธศาสตร์ คิดนอกกรอบราชการ และมองเห็นชีวิตผู้คนที่ประสบวิกฤตและลงไปให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ในระยะสั้นต้องทำให้เกิดการจัดการ การประสานงาน บูรณาการงานของหน่วยงานต่างๆ พร้อมกับการกระจายอำนาจการจัดการไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนในระยะยาวคือการขับเคลื่อนให้ความมั่นคงทางอาหารเป็นวาระแห่งชาติ

“ในยามวิกฤตควรมีนโยบายให้ทุกคนเข้าถึงอาหารที่เพียงพอ หนุนเสริมความมั่นคงทางอาหารจากฐานของชุมชน เช่น ตู้เย็นรอบบ้าน ธนาคารอาหารชุมชน ตลาดชุมชน ตลาดทางเลือก สังคมเห็นว่ากลไกเหล่านี้ควรได้รับการหนุนเสริมในระยะยาว” ประภาส กล่าว สอดคล้องกับมานพและพรทิพย์ที่มีข้อเสนอไปยังรัฐบาลคล้ายคลึงกันว่า ควรทำให้การเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อการประกอบอาชีพและการทำโครงการต่างๆ ที่เพิ่มความมั่นคงด้านอาหารของชุมชนเป็นไปอย่างสะดวก ง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ติดอยู่กับแนวทางของราชการ เพื่อเปิดให้ชุมชนสามารถออกแบบการทำงานที่สอดคล้องกับตนเองได้ 

ข่าว [1]
เศรษฐกิจ [2]
คุณภาพชีวิต [3]
COVID-19 [4]
ความมั่นคงทางอาหาร [5]
สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ [6]
พลังพลเมืองตื่นรู้ [7]
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

Source URL: https://prachatai.com/journal/2020/10/89860

Links
[1] https://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7
[2] https://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88
[3] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95
[4] https://prachatai.com/category/covid-19
[5] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3
[6] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4
[7] https://prachatai.com/category/%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89