'น้ำ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020' เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.นางเลิ้ง หลังถูก 'อภิวัฒน์ ขันทอง' ทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แจ้งความเอาผิด 3 ข้อหา แต่ 'น้ำ' ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและประกาศลั่นพร้อมสู่คดีต่อในชั้นศาล ด้าน 'ณวัฒน์' ร่วมเดินทางมาให้กำลังใจ

5 ส.ค. 2564 มติชนออนไลน์ [1] และประชาชาติธุรกิจ [2] รายงานตรงกันว่า วันนี้ (5 ส.ค. 2564) เวลาประมาณ 11.00 น. พัชรพร จันทรประดิษฐ์ หรือน้ำ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 พร้อมด้วยณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และผู้ก่อตั้งเวทีการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนล เดินทางมาที่ สน.นางเลิ้ง เพื่อรายงานตัวเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากกรณีที่อภิวัฒน์ ขันทอง ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ดูหมิ่น และหมิ่นประมาทการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีฯ (คตส.) และทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมมนตรี เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2564 ให้ดำเนินคดีกับพัชรพร ตามคดีอาญาที่ 135/2564 เนื่องจากพัชรพรออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ รวมถึงแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์

ข่าวสดออนไลน์ [3] รายงานเพิ่มเติมว่า พัชรพรใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการเข้าพบพนักงานสอบสวน หลังจากนั้นจึงออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบริเวณด้านหน้า สน.นางเลิ้ง โดยพัชรพรกล่าวว่าตนถูกแจ้งความเอาผิดใน 3 ข้อหา ได้แก่ หมิ่นประมาทฯ, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งตนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าเป็นกระบอกเสียง เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลต่อไป และไม่หวั่นใจหากถูกดำเนินคดีซ้ำ เพราะถ้าตนรู้สึกกลัวก็คงยอมรับสารภาพไปแล้ว ทั้งยังกล่าวว่าหากตนไม่พูดแล้วใครจะพูด เพราะประชาชนหวังพึ่งกระบอกเสียงจากคนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนนัดส่งคำสำนวนคดีแก่พนักงานอัยการที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ในวันที่ 6 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ขณะเดียวกัน พัชรพรก็บอกว่าตนพร้อมจะติดคุกหากอัยการมีคำสั่งสั่งฟ้อง

ด้าน ณวัฒน์ กล่าวว่า สำนวนคดีของตำรวจตำรวจตีความว่าการแสดงความคิดเห็นของพัชรพรเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามลดคุณค่า ดูถูกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่าบริหารประเทศไม่ดี ทั้งยังทำให้นายฯ ถูกดูหมิ่น หรือได้รับความเกลียดชังจากประชาชน พร้อมระบุว่าข้อความที่เป็นเหตุทำให้พัชรพรถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ คือ ข้อความที่พูดถึงวัคซีนซึ่งประชาชนไทยเลือกไม่ได้ รวมถึงการที่รัฐาลไม่ดูแลประชาชนจนทำให้ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้ นอกจากนี้ พัชรพรยังแสดงความคิดเห็นพาดพิงอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยพัชรพรได้แสดงความคิดเห็นว่า การที่อนุทินเคยพูดว่า 'วัคซีนไม่สามารถเลือกได้นั้น' เป็นการบริหารแบบเผด็จการ ไม่ใช่ประชาธิปไตย ซึ่งการตีความระบุเป็นการกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีบริหารงานแบบเผด็จการ

ณวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยืนยันจะทำในสิ่งที่เหมาะสมต่อไป เพราะนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีคือลูกจ้างของประชาชน ที่ใช้ภาษีของประชาชนทุกบาททุกสตางค์ เมื่ออาสาเข้ามาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่รับชอบ แต่ไม่รับผิด เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ก่อนหน้านี้ มติชนออนไลน์ [4] เคยรายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2564 ว่าประธาน คตส. ได้แจ้งความร้องทุกข์กับผู้โพสต์ข้อความให้เกิดความเสียหายแก่นายกรัฐมนตรี อีก 2 คดี คือ ยุทธเลิศ สิปปภาค หรือต้อม ผู้กำกับภาพยนตร์ และดนุภา คณาธีรกุล หรือมิลลิ นักร้องแรปเปอร์วัย 19 ปี ซึ่งในวันดังกล่าว ดนุภาพร้อมทนายความได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.นางเลิ้ง โดยดนุภาให้การรับสารภาพในถ้อยคำที่กล่าวออกไป และถูกเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวน เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ด้านยุทธเลิศยังไม่ได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนว่าจะต้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวว่าในวันใด