'รังสิมันต์ โรม' เผยร่างกฎหมายรื้อมรดก คสช. ของ iLaw และปิยบุตร อาจต้องเลื่อนการพิจารณาไปเป็นสัปดาห์หน้า พร้อมฝากไปยัง ส.ส. โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง คสช. ให้นำความรู้สึกอยุติธรรมในวันนั้นมาโหวตผ่านร่างกฎหมายเพื่อประชาชน นอกจากนี้ ยังขอให้ติดตามการเสนอร่างระเบียบข้อบังคับการประชุม ซึ่งทาง ส.ส.ก้าวไกล เตรียมเสนอแก้ไขเปิดช่องให้ประชาชนทำประชามติ

1 ธ.ค. 2564 วันนี้ (1 ธ.ค. 2564) เวลา 09.00 น. ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลแถลงข่าวเรียกร้องให้นำ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. [1] ที่เสนอโดยปิยบุตรและคณะ รวมถึงร่างของประชาชนซึ่งเสนอโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) โดยรังสิมันต์กล่าวว่าวันนี้น่าจะเป็นวันแรกที่สภาจะพิจารณากฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อย่างจริงจัง เพราะก่อนหน้านี้ กฎหมายส่วนใหญ่ที่สภาต้องพิจารณาเป็นร่างกฎหมายที่ถูกเสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกจากร่างกฎหมายที่ ส.ส. เป็นผู้เสนอแล้ว ยังมีร่างกฎหมายที่เสนอโดยภาคประชาชน ซึ่งประชาชนก็รอดูว่าจะมีความความชัดเจนจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร ซึ่งตนคิดว่าเป็นนิมิตหมายอันดี

รังสิมันต์ระบุว่าร่างกฎหมายที่เสนอกันโดย ส.ส. ซึ่งอยู่ในวาระพิจารณาในวันนี้มีความสำคัญหลายเรื่อง เช่น ร่างข้อบังคับการประชุม ซึ่งเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวข้องกับการลงประชามติ ที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นผู้ริเริ่มเสนอเรื่องที่สำคัญต่อสังคมได้

“ต่อไปนี้ การริเริ่มเรื่องราวสำคัญๆ ต่างๆ จะไม่ได้อยู่แค่ไหนสภา แต่ประชาชนจะเข้ามาเป็นผู้เล่นที่สามารถกำหนดทิศทางของประเทศไทยได้ด้วย” รังสิมันต์กล่าว

รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่าหนึ่งในร่างข้อบังคับการประชุมที่กำลังจะได้รับการพิจารณาในวันนี้ ถูกเสนอโดยณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งจะทำให้ร่างกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส. มีโอกาสได้รับการพิจารณาในสภาได้มากขึ้น รวมถึงข้อเสนอของธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่พยายามจะแก้ไขเรื่องการตีความกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สภาเดินหน้าต่อไป ไม่ใช่มีการเปลี่ยนแปลงผลโหวตในสภาในช่วงเวลาที่องค์ประชุมของแต่ละฝ่ายมีไม่พอ นอกจากนี้ ยังมีร่างกฎหมายที่เสนอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช. ซึ่งเสนอโดยภาคประชาชน รวมถึงร่างของปิยบุตรที่เสนอกฎหมายในลักษณะเดียวกัน ซึ่งถูกบรรจุในวาระที่จะได้รับการพิจารณาในวันนี้

“ถ้าเราทำได้สำเร็จทั้งหมด ผมถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของการเดินหน้าประเทศไทยที่จะปลดโซ่ตรวนการฉุดรั้งประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสภาแห่งนี้ เราจะพิจารณากฎหมายเรื่องนี้โดยให้ความสำคัญเหมือนกับที่เราให้ความสำคัญกับร่างกฎหมายของ ครม. ผมคิดว่ามันสำคัญมาก วันนี้ถ้าเราทำสำเร็จ ผมคิดว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ในหลายๆ เรื่อง” รังสิมันต์กล่าว พร้อมฝากถึง ส.ส. ทุกคนว่าขอให้ช่วยกันผ่านร่างกฎหมายที่มีความสำคัญจริงๆ ซึ่งตนคิดว่าทุกร่างมีความสำคัญเหมือนกัน โดยเฉพาะร่างข้อบังคับการประชุม เพราะหากแก้ไขได้จะเป็นการเปิดทางไม่ให้ประเทศมีปัญหาเหมือนในอดีต

ช่วงท้ายของการแถลงข่าว ผู้สื่อข่าวถามรังสิมันต์เรื่องความเป็นไปได้ที่ร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช. จะไม่ได้รับการพิจารณาในวันนี้ โดยรังสิมันต์ตอบว่า ส.ส. ได้รับแจ้งมาว่าร่างกฎหมายถูกบรรจุเข้ามาในวันนี้ แต่เมื่อพิจารณาระเบียบวาระการประชุมแล้วคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาในสัปดาห์หน้า

“สิ่งที่เราพยายามทำให้ขณะนี้คือสื่อสารไปยังประชาชนและเพื่อนสมาชิกทุกคนว่าร่างนี้มีความสำคัญจริงๆ ต้องยอมรับว่ามันมีประกาศคำสั่ง คสช. จำนวนมากที่อยุติธรรมกับพี่น้องประชาชนจำนวนไม่น้อย และฉุดรั้งการเดินหน้าของประเทศเราจริงๆ ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมัน อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลย เพราะเห็นกันอยู่ว่ามีปัญหาอยู่ตรงหน้า ดังนั้น หน้าที่ของเราที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ก็ต้องพยายามแก้ปัญหาออกไป ไม่เช่นนั้น เราก็ต้องอยู่กับซากเดนของ คสช. ต่อไปเรื่อยๆ แล้วคำถามคือประเทศจะเดินหน้าไปได้อย่างไร” รังสิมันต์ กล่าว

สุดท้าย รังสิมันต์พร้อมฝากถึง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่ง คสช. ว่ายังจำความรู้สึกอยุติธรรมที่ตนเองได้รับในวันนั้นได้หรือไม่ หากจำได้ จงใช้ความรู้สึกในวันนั้นในการโหวตผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า