ศาลจังหวัดขอนแก่น ยกฟ้อง 'ครูใหญ่ อรรถพล' ในคดีหมิ่นประมาทสโมสรฟุตบอลขอนแก่นยูไนเต็ด จากกรณีปราศรัยพาดพิง 'เอกราช ช่างเหลา' ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นประธานสโมสร ซึ่งอาจทำให้ผู้ฟังเข้าใจผิดว่าสโมสรฟุตบอลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.ขอนแก่น ด้าน 'ครูใหญ่' ขอให้จับตาคดีฟอกเงิน เกรงจะเป็นบรรทัดฐาน ประนอมหนี้พ้นแพ่ง รอดอาญา ชี้ ผู้เสียหายคือครูในสหกรณ์ทั้งสิ้น

1 ธ.ค. 2564 อรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ นักกิจกรรมจาก จ.ขอนแก่น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ - Attapon Buapat [1] ระบุว่าศาลจังหวัดขอนแก่นยกฟ้องตนในคดีหมิ่นประมาทคดีหมายเลขดำ 705/63 กรณีปราศรัยพาดพิงเรื่องเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและธุรกิจบริษัทสโมสรฟุตบอล ‘ขอนแก่นยูไนเต็ด’ ซึ่งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน [2]ระบุว่าอรรถพลถูกบริษัท สโมสรขอนแก่นยูไนเต็ด จํากัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาในการชุมนุม ‘จัดม็อบไล่ แม่งเลย’ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2563

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่าบริษัท สโมสรขอนแก่นยูไนเต็ด จํากัด ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลขอนแก่นยูไนเต็ด มอบอำนาจให้สุรสิทธิ์ ทุมทา ประธานสภาทนายความจังหวัดขอนแก่นยื่นฟ้องอรรถพล เพราะเขากล่าวว่า “ขอนแก่นยูไนเต็ด ผมเคยภาคภูมิใจ แต่สุดท้ายผมก็รู้ว่า อ้อ ที่ฟอกเงินดีๆ นี่เอง...” ซึ่งประโยคดังกล่าวทำให้สโมสรขอนแก่นยูไนเต็ด ในฐานะโจทก์ ได้รับความเสียหาย เพราะประชาชนที่ฟังอาจเข้าใจได้ว่าสโมสรฟุตบอลขอนแก่นยูไนเต็ดเป็นที่ฟอกเงิน ซึ่งทนายฝ่ายโจทก์ได้ให้การในชั้นศาลว่าสุวิภา ช่างเหล่า ผู้บริหารสโมสรฟุตบอลดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับนักการเมือง

ขณะที่ อรรถพลต่อสู้คดีว่าคำปราศรัยของตนตามคำฟ้องนั้น มุ่งวิพากษ์วิจารณ์ เอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมีภาพที่ปรากฏตามสื่อว่าเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลขอนแก่นยูไนเต็ด อันเป็นการติชมโดยสุจริต เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เนื่องจากเอกราชเป็นบุคคลสาธารณะ ประชาชนทั่วไปจึงสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ นอกจากนี้ เอกราชยังมีข้อครหาเป็นที่เคลือบแคลงของประชาชน เนื่องจากถูกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดขอนแก่นฟ้องคดีฐานยักยอกทรัพย์จำนวน 431 ล้าน

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยังระบุเพิ่มเติมว่า ฝ่ายจำเลยยังมีข้อต่อสู้ที่เป็นประเด็นทางกฎหมาย เนื่องจากสุรสิทธิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความไม่ตรงคำฟ้อง โดยระบุตัวจำเลยและกล่าวถึงพฤติการณ์สลับกันระหว่างอรรถพล และวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง หรือเซฟ นักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งการเบิกความในลักษณะนี้อาจเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 และศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าวในที่สุด

“จากนี้คงต้องจับตาคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และการหาทางดิ้นรนเป่าคดีของครอบครัว ‘ส.ส.เงินครูคนดังเมืองขอนแก่น’ จับตาคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ที่มีแนวโน้มจะไม่เอาผิดทางอาญา เพียงแต่ให้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยแล้วจบ เพราะนี่จะทำให้เกิดบรรทัดฐานในสังคมที่จะทำให้ผู้บริหารทางการเงินของหน่วยงานต่างๆ ยักยอกทรัพย์เพื่อไปลงทุนในธุรกิจ สุดท้ายก็จ่ายเงินคืนแล้วจบคดี อย่าลืมว่าผู้เสียหายคือครูที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูทั้งจังหวัดขอนแก่น” อรรถพลระบุ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2563 รายการข่าวสามมิติ [3]รายงานว่าสมาชิกสหกรณ์ออมทัพย์ครูจังหวัดขอนแก่นได้รวมตัวกันยื่นฟ้องอดีตผู้จัดการ อดีตประธาน และอดีตกรรมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 37 คน ซึ่งรวมถึงเอกราช ช่างเหล่า ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพรคพลังประชารัฐ ที่เป็นอดีตผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ ในฐานความผิดร่วมกันยักยอกฉ้อโกง กรณีเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครู หายออกจากบัญชีกว่า 431 ล้านบาท ซึ่งการฟ้องในครั้งนี้เป็นการฟ้องแยกของสมาชิกสหกรณ์ ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการสหกรณ์ซึ่งได้ยื่นฟ้องไปแล้วก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2564 เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง [4]รายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการสหรกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดขอนแก่นมีมติรับหลักการข้อเสนอประหนีประนอม โดยทนายความฝ่ายจำเลยประสงค์ให้การรับสารภาพ และจะชดใช้ค่าเสียหายจำนวนกว่า 431 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ด้วยการผ่อนชำระเป็นระยะเวลา 5 ปี มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากจำเลย 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ส.ส.พลังประชารัฐ สามารถชำระหนี้ได้ครบ ทนายความฝ่ายจำเลยจะขอให้คณะกรรมการสหกรณ์ฯ ถอนคำร้องทุกข์ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีแพ่งสามารถยอมความได้ โดยประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และคณะกรรมการดำเนินการ ชุดที่ 59 ได้เดินทางไปแถลงต่อศาลแล้วในวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา