Published on ประชาไท Prachatai.com (https://prachatai.com)

Home > เครือข่ายภาคประชาสังคมจัดนิทรรศการ ชี้ 'ฉิบหายแน่' หากรัฐร่วม CPTPP > เครือข่ายภาคประชาสังคมจัดนิทรรศการ ชี้ 'ฉิบหายแน่' หากรัฐร่วม CPTPP

เครือข่ายภาคประชาสังคมจัดนิทรรศการ ชี้ 'ฉิบหายแน่' หากรัฐร่วม CPTPP

Submitted by XmasUser on Thu, 2021-12-02 15:31

เครือข่าย #NOCPTPP จัดงาน “ความฉิบหายมาเยือน Say no to CPTPP บอกแล้วไม่เอา CPTPP” ที่สวนชีววิถี-สวนผักคนเมือง จ.นนทบุรี ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ ปชช. ถึงผลเสียหากไทยเข้าร่วมภาคี CPTPP พร้อมอ่าน จม.เปิดผนึกถึงนายกฯ ยกเลิกพิจารณาเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว

2 ธ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายภาคประชาสังคม #NOCPTPP ในฐานะตัวแทนจากประชาชนกว่า 400,000 เสียง จัดงานนิทรรศการ “ความฉิบหายจะมาเยือน Say No to CPTPP บอกแล้วไม่เอา CPTPP” ที่สวนชีววิถี-สวนผักคนเมือง อ.ไทรม้า จ.นนทบุรี ตั้งแต่เวลา 13.00-15.00 น. เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับฟังเสียงประชาชนที่คัดค้านการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) มานานกว่า 2 ปี โดยยกเลิกการพิจารณาเข้าร่วม CPTPP ซึ่งริดรอนสิทธิประชาชน และตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้ทันที ทั้งนี้ ในวันที่ 8 ธ.ค. 64 จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เพื่อชงเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณายื่นหนังสือแสดงความจำนงเข้าร่วมความตกลง CPTPP ในวันในวันอังคารที่ 14 ธ.ค. 64 

ภายในงานมีการเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการ 4 ฐานความรู้ คือ 1.เมล็ดพันธุ์ รากฐานสังคม 2.ขยะนำเข้าทำลายคุณภาพชีวิต 3.ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตาข่ายสังคม 4.นโยบายสาธารณะ คุ้มครองผู้บริโภค คุ้มครองประชาชน ซึ่งนิทรรศการดังกล่าวได้นำเสนอและสะท้อนปัญหา ข้อกังวลหลักในด้านต่างๆ หากประเทศไทยต้องเข้าร่วมความตกลง CPTPP  พร้อมอ่านแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีเรื่อง “ถ้าไม่คืนความสุขให้ประชาชน ก็อย่าส่งความทุกข์ด้วยการเข้าร่วม CPTPP” 

กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธาน FTA Watch ตัวแทนจากเครือข่าย#NoCPTPP กล่าวว่า “เครือข่าย #NoCPTPP ต้องการเห็นการตัดสินใจของรัฐบาลที่เห็นผลประโยชน์ของประชาชน เพราะการเข้าร่วมความตกลง CPTPP เป็นเพียงแผนยุทธศาสตร์ที่ขยายอำนาจของบรรษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ซึ่งต้องแลกกับการทำลายความมั่นคงทางอาหาร การล่มสลายของวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชนในประเทศไทย ตลอดจนการเข้าถึงยา การสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ อันเป็นผลจากการครอบงำของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของโลก”

ข้อกังวลหลักหากประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลง CPTPP

การเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPP คือการยอมรับข้อตกลงที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991 ซึ่งตัดสิทธิพื้นฐานของเกษตรกรในการเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อในฤดูกาลถัดไป แต่กลับเพิ่มสิทธิผูกขาดแก่บริษัทเมล็ดพันธุ์ในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรนอกเหนือจากค่าเมล็ดพันธุ์

CPTPP จะทำให้ประเทศไทยต้องยอมรับการนำเข้าสินค้าที่ปรับสภาพเป็นของใหม่ หรือ remanufactured goods โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ และขยะพลาสติกและอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นช่องทางให้เป็นการนำเข้าขยะทางการแพทย์ ขยะพลาสติก และขยะอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะสารพิษ ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ให้หนักหน่วงขึ้นไปอีก 

CPTPP จะคุ้มครองการลงทุนให้นักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีบทที่ว่าด้วยการลงทุน ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชนฟ้องร้องรัฐบาล ถ้ารัฐบาลออกหรือบังคับใช้กฎหมายหรือนโยบายใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะเป็นไปเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน โดยฟ้องร้องกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน (ISDS) ที่มีคณะอนุญาโตตุลาการนอกประเทศทำหน้าที่ตัดสิน ทั้งนี้ นิยามการคุ้มครองการลงทุนใน CPTPP กินความกว้างขวาง ซึ่งรวมถึง portfolio ของนักลงทุนต่างชาติที่อยู่ในระยะก่อนการลงทุน (pre-establishment) ที่ยังหรือไม่ได้มาลงทุนจริงๆ ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีการคุ้มครองการลงทุนเช่นนี้มาก่อนการคุ้มครองการลงทุนและการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชนใน CPTPP จะส่งผลให้รัฐบาลต้องระงับการออกหรือบังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน และชดเชยค่าเสียหายจำนวนมหาศาลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชน โดยใช้เงินภาษีของประชาชนจ่าย ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะก่อให้เกิดสภาวะหวาดกลัวหรือ Chilling effect ทำให้รัฐบาลไม่กล้าที่จะออกหรือบังคับใช้กฎหมายใดๆ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การเข้าถึงยา และการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะกลัวจะถูกฟ้องโดยนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชน รวมทั้งอาจทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่ส่งผลอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนในประเทศได้ และอาจขัดต่อมาตรการควบคุมยาสูบตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ซึ่งนี่สวนทางกับเป้าประสงค์ที่ 10.3 ที่มุ่งลดผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมจากนโยบายและกฎหมาย ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน-SDG 10 ที่ว่าด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ 

ข้อบทใน CPTPP ที่เกี่ยวข้องกับระบบทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค จะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อระบบสุขภาพและการสาธารณสุขของประเทศไทย เนื่องจากจะทำให้ยารักษาโรคแพงขึ้นอย่างมหาศาล เพราะประเทศต้องพึ่งพายานำเข้าและมีสิทธิบัตรเพิ่มขึ้นจาก 71% ในปัจจุบัน เป็น 89% และอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลงมากกว่า 100,000 ล้านบาท  ค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศที่สูงขึ้นย่อมส่งผลต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งสามระบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบต่องบประมาณค่ายาเท่านั้น  CPTPP ยังจะก่อให้เกิดปัญหาที่รัฐบาลจะไม่สามารถกำหนดและบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมการนำเข้ายา เช่น มาตรการใช้สิทธิโดยรัฐ และมาตรการป้องปรามการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างเหล้าและบุหรี่ด้วย รวมไปถึงการจำกัดสิทธิของผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยของสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สินค้าที่ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ สินค้าที่มีส่วนผสมหรือปนเปื้อนสิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมหรือ GMO ฯลฯ   

สำหรับบรรยากาศที่งานนิทรรศการ เมื่อเวลา 12.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาประจำการที่งาน ซึ่งจากสอบถามผู้จัดงานเบื้องต้น เจ้าหน้าที่มีตำรวจมีการแจ้ง และรายงานตัวต่อผู้จัดงานแล้ว

ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นยานพาหนะเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี ที่งานนิทรรศการ

สกรีนผ้าเป็นรูป 'เมล็ดพันธุ์'

 

จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่อง ถ้าไม่คืนความสุขให้ประชาชน ก็อย่าส่งความทุกข์ด้วยการเข้าร่วม #CPTPP

ในโอกาสช่วงสิ้นปีที่ประชาชนควรได้พักผ่อนและมีความสุขส่งท้ายปี รัฐบาลกลับหักหลังประชาชน พิจารณานำความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก(CPTPP) ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเข้าร่วม เครือข่ายภาคประชาสังคม #NoCPTPP ในฐานะตัวแทนกว่า 400,000 เสียงจากประชาชน ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุติการเดินหน้าพิจารณาการเข้าร่วมความตกลง CPTPP รับฟังเสียงของประชาชนที่คัดค้านมานานร่วมสองปี และต้องยกเลิกการดึงดันปลุกผี CPTPP ริดรอนสิทธิของประชาชนและตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้เสียที

เครือข่าย #NoCPTPP ต้องการเห็นการตัดสินใจของรัฐบาลที่เห็นผลประโยชน์ของประชาชน มากกว่าผลประโยชน์ของกลุ่มบรรษัทอุตสาหกรรมเพียงหยิบมือ ซึ่งจะทำลายความมั่นคงทางอาหาร และความหลากหลายทางชีวภาพของไทย ตลอดจนการเข้าถึงยา การสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ อันเป็นผลจากการครอบงำของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของโลก ดังข้อกังวลดังต่อไปนี้

ประการแรก – การเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPP คือการยอมรับข้อตกลงที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991 ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นรวมถึง

(1) ต้องแก้พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 โดยตัดหลักการขออนุญาตเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ เปิดทางให้โจรสลัดชีวภาพเข้ามาใช้ประโยชน์จากพันธุ์พืชของท้องถิ่น

(2) ตัดสิทธิพื้นฐานของเกษตรกรในการเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อในฤดูกาลถัดไป เพียงแค่เก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อไปปลูกต่อก็อาจมีโทษอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 แสนบาท

(3) ขยายอำนาจการผูกขาดพันธุ์พืชใหม่ให้รวมไปถึงผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปซึ่งผลกระทบนี้จะรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ยาที่แปรรูปจากพืชสมุนไพรด้วย

(4) สูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของพืชพรรณธัญญาหารเพราะอาหารที่ผลิตได้มาจากการเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวและการผูกขาดของบริษัท นำไปสู่ความล่มสลายของวิถีการปรับปรุงพันธุ์และอาชีพนักปรับปรุงพันธุ์พืชรายย่อย รวมถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการเกษตรเดิมของไทยที่ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ

(5) เมล็ดพันธุ์ในประเทศไทยที่เราปลูกอยู่อาจมีราคาสูงขึ้น 2-6 เท่า ซึ่งจะส่งผลให้อาหารแพงขึ้นเนื่องจากต้นทุนในการปลูกสูงขึ้น จากรายงานการศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเมื่อปี 2556 พบว่า ในระยะยาวหากเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์พืชใหม่จากบริษัทเมล็ดพันธุ์ทั้งหมด ราคาเมล็ดพันธุ์ที่เกษตรกรจะต้องซื้อสูงขึ้นประมาณ 2-6 เท่าหรือคิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 28,538 ล้านบาท เป็น 80,721 – 142,932 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52,183 – 114,394 ล้านบาท/ปี

ประการที่สอง – CPTPP จะทำให้ประเทศไทยต้องยอมรับการนำเข้าสินค้าที่ปรับสภาพเป็นของใหม่ หรือ remanufactured goods โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ และขยะพลาสติกและอิเล็กทรอนิคส์ โดยที่ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการพิกัดศุลกากรที่แยกประเภทสินค้าเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำชัดเจน ไม่มีหน่วยราชการหรือหน่วยตรวจสอบที่มีขีดความสามารถในการตรวจสอบรับรอง และขาดรายละเอียดในเชิงข้อกำหนดของการจัดการของเสีย/ของหมดอายุเมื่อสินค้าเหล่านี้หมดอายุไป ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นช่องทางให้เป็นการนำเข้าขยะทางการแพทย์ ขยะพลาสติก และขยะอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากขยะอิเล็กทรอนิกและขยะสารพิษ ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ให้หนักหน่วงขึ้นไปอีก นี่คือการสวนทางกับเป้าประสงค์ที่ 12.4 ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 12 ที่ต้องการให้มีการกำจัดขยะอันตราย ขยะติดเชื้อและกากอุตสาหกรรมให้ถูกต้อง

ประการที่สาม – CPTPP ยังมีบทว่าด้วยการลงทุน ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชนฟ้องร้องรัฐบาล ถ้ารัฐบาลออกหรือบังคับใช้กฎหมายหรือนโยบายใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะเป็นไปเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน โดยฟ้องร้องกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน (ISDS) ที่มีคณะอนุญาโตตุลาการนอกประเทศทำหน้าที่ตัดสิน ทั้งนี้ นิยามการคุ้มครองการลงทุนใน CPTPP กินความกว้างขวาง ซึ่งรวมถึง portfolio ของนักลงทุนต่างชาติที่จะเป็นเพียง pre-establishment ทั้งที่ยังหรือไม่ได้มาลงทุนจริง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีการคุ้มครองการลงทุนเช่นนี้มาก่อน การคุ้มครองการลงทุนและการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชนใน CPTPP จะส่งผลให้รัฐบาลต้องระงับการออกหรือบังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน และชดเชยค่าเสียหายจำนวนมหาศาลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชน โดยใช้เงินภาษีของประชาชนจ่าย ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะก่อให้เกิดสภาวะหวาดกลัวหรือ Chilling Effect ทำให้รัฐบาลไม่กล้าที่จะออกหรือบังคับใช้กฎหมายใด ๆ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การเข้าถึงยา และการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะกลัวจะถูกฟ้องโดยนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชน รวมทั้งอาจทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่ส่งผลอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนในประเทศได้ และอาจขัดต่อมาตรการควบคุมยาสูบตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ซึ่งนี่สวนทางกับเป้าประสงค์ที่ 10.3 ที่มุ่งลดผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมจากนโยบายและกฎหมาย ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน-SDG 10 ที่ว่าด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ

ประการสุดท้าย – ข้อบทใน CPTPP ที่เกี่ยวข้องกับระบบทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค จะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อระบบสุขภาพและการสาธารณสุขของประเทศไทย เนื่องจากจะทำให้ยารักษาโรคแพงขึ้นอย่างมหาศาล จากงานวิจัยการประเมินผลกระทบของ CPTPP ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยจะมีค่าใช้จ่ายด้านยาเพิ่มขึ้นเกือบ 400,000 ล้านบาท เพราะประเทศต้องพึ่งพายานำเข้าและมีสิทธิบัตรเพิ่มขึ้นจาก 71% ในปัจจุบัน เป็น 89% และอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลงมากกว่า 100,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศที่สูงขึ้นย่อมส่งผลต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งสามระบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฉพาะระบบบัตรทองเพียงระบบเดียว งบประมาณค่าใช้จ่ายด้านยาคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 50% ของงบประมาณระบบบัตรทองทั้งหมด สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบต่องบประมาณค่ายาเท่านั้น CPTPP ยังจะก่อให้เกิดปัญหาที่รัฐบาลจะไม่สามารถกำหนดและบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมการเข้ายา เช่น มาตรการใช้สิทธิโดยรัฐ และมาตรการป้องปรามการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างเหล้าและบุหรี่ด้วย รวมไปถึงการจำกัดสิทธิของผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยของสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สินค้าที่ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ สินค้าที่มีส่วนผสมหรือปนเปื้อนสิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมหรือ GMO ฯลฯ ในเรื่องการเข้ายา ข้อบทใน CPTPP ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของปฏิญญาโดฮาว่าด้วยความตกลงทริปส์และการสาธารณสุข และสวนทางกับบริบทของโลกในปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการระบาดของโควิด 19 ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเข้าไม่ถึงยาและวัคซีน เพราะการผูกขาดด้วยระบบทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อเป้าประสงค์ที่ 1.4 ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน-SDG 1 ที่มุ่งเพิ่มการเข้าถึงบริการพื้นฐานของคนยากจน เป้าประสงค์ที่ 3.b ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน-SDG 3 ที่มุ่งเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนและยารักษาโรคอีกด้วย

ข้อเสียในแต่ละประการนั้น ไม่ใช่ความสุขของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย เครือข่าย #NoCPTPP เห็นว่า นายกรัฐมนตรืและคณะ ควรมุ่งมั่นดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนบนพื้นฐานของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (SDGs) โดยที่ไม่นำพาประเทศสู่การครอบงำทางเศรษฐกิจโดยบรรษัทอาหารยักษ์ใหญ่และทอดทิ้งเกษตรกร ผู้ผลิตรายย่อย และประชาชนไว้เบื้องหลัง ดังที่ได้ประกาศต่อประชาชนไทยและประชาคมโลกไว้

เครือข่าย #NoCPTPP ในฐานะตัวแทนกว่า 400,000 เสียงจากประชาชน ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุติการพิจารณานำ CPTPP เข้ามติคณะรัฐมนตรี และยุติการเข้าร่วมความตกลง CPTPP อย่างถาวรในทันทีเพื่อเป็นของขวัญส่งท้ายปีให้กับประชาชน

ขอแสดงความนับถือ

FTA Watch, มูลนิธิชีววิถี, กรีนพีซ ประเทศไทย, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย , เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก 4 ภาค, มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย), กลุ่มศึกษาปัญหายา, ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา, มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, มูลนิธิบูรณะนิเวศ, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิสุขภาพไทย, เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา, เครือข่ายงดเหล้า, TU NO NICOTINE, โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่, กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา, เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่,

กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์​ (คัดค้านเหมืองโปแตชและโรงไฟฟ้าถ่านหิน​ จ.ชัยภูมิ), กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด​ 6​ หมู่บ้าน​ (คัดค้านเหมืองทองคำ​ ต.เขาหลวง​ อ.วังสะพุง​ จ.เลย), กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส​ (คัดค้านการขุดเจาะสำรวจแร่โปแตช​ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร) ,กลุ่มรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย​ (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองหินทราย​ ต.คำป่าหลาย​ อ.เมือง จ.มุกดาหาร), กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได​ (คัดค้านการทำเหมืองหิน​ ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา​ จ.หนองบัวลำภู), กลุ่มรักษ์บ้านแหง​ (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์ ต.บ้านแหง​ อ.งาว​ จ.ลำปาง), กลุ่มรักษ์ลำคอหงษ์ (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองโปแตช อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา), กลุ่มคนเหล่าไฮงามไม่เอาเหมืองแร่ (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองทรายแก้ว ต.เหล่าไฮงาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์), สมาคมพิทักษ์สิทธิชุมชนเขาคูหา (คัดค้านการทำเหมืองหินปูน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา), สมัชชาคนจน, เครือข่าย People Go Network, คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW), เครือข่ายบริการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม We Fair และ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ (WWN)

 

ข่าว [1]
การเมือง [2]
เศรษฐกิจ [3]
คุณภาพชีวิต [4]
เครือข่าย NOCPTPP [5]
CPTPP [6]
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก [7]
สวัสดิการ [8]
ระบบประกันสุขภาพ [9]
บัตรทอง [10]
เมล็ดพันธุ์ [11]
สิทธิบัตรยา [12]
นนบบุรี [13]
กรรณิการ์ กิตติเวชกุล [14]
นายกรัฐมนตรี [15]
ประยุทธ์ จันทร์โอชา [16]
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai

Source URL: https://prachatai.com/journal/2021/12/96212?ref=internal_update_title

Links
[1] https://prachatai.com/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7
[2] https://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87
[3] https://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88
[4] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95
[5] https://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-nocptpp
[6] https://prachatai.com/category/cptpp
[7] https://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%81
[8] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3
[9] https://prachatai.com/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E
[10] https://prachatai.com/category/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87
[11] https://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C
[12] https://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2
[13] https://prachatai.com/category/%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5
[14] https://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5
[15] https://prachatai.com/category/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5
[16] https://prachatai.com/category/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B2