พรรคกล้าหนุนแก้ รธน. ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ - 'ไทยสร้างไทย' ดันเปิดทางตั้ง ส.ส.ร. ฝ่าทางตัน
พรรคกล้าหนุนแก้รัฐธรรมนูญ ม. 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ขณะที่ 'ไทยสร้างไทย' ย้ำแก้ไขเพิ่มเติม ม.256 เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. ฝ่าทางตันแก้วิกฤตความขัดแย้ง
10 ธ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'พรรคกล้า - KLA Party [1]' เผยแพร่ความเห็นของ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เรื่อง สนับสนุนแก้รัฐธรรมนูญ ม. 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี
โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ของรัฐสภาชุดนี้ มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แต่แก้ไขสำเร็จแค่เรื่องของนักการเมืองคือระบบเลือกตั้ง ส่วนประเด็นที่ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย กลับทำไม่สำเร็จ เพราะข้อเสนอเป็นไปได้ยาก ไปพ่วง ไปปน ไปแถม อยู่กับเรื่องอื่น จนสุดท้ายถูกตีตกไปตามๆ กัน
แนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง คือการล็อกเป้าแก้ไขมาตราเดียว ไม่มีมาตราอื่นมาแถม คือมาตรา 272 ห้าม ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี หากทุกฝ่ายต่างให้เกียรติกัน ไม่ด้อยค่าหน้าที่ของวุฒิสภา เพียงแค่ขอให้รัฐธรรมนูญของไทยยืนอยู่บนหลักประชาธิปไตยมากขึ้น จะทำให้ ส.ว.ทำหน้าที่ได้อย่างภาคภูมิ ให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เข้าทำหน้าที่ได้อย่างสง่างาม
การให้ ส.ว. มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในทางบริหาร เพราะหากอาศัยเสียง ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทันทีที่เริ่มบริหารก็จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที จึงเรื่องที่ไม่สอดคล้องทั้งหลักปฏิบัตินิยมและความเป็นประชาธิปไตย
พรรคกล้าจึงขอประกาศร่วมสนับสนุน "คณะผู้ริเริ่มแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272" คณะบุคคลที่ประกอบด้วยนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว ตัวแทนจากหลายพรรคการเมือง รวมถึงตัวแทนจากพรรคกล้า จับมือกับ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. รวบรวมรายชื่อประชาชนให้ได้ไม่น้อยกว่า 50,000 รายชื่อ เดินหน้ายกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ภารกิจนี้ควรทำ และมีความเป็นไปได้มากที่สุด
'ไทยสร้างไทย' ย้ำแก้ไขเพิ่มเติม ม.256 เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. ฝ่าทางตันแก้วิกฤตความขัดแย้ง
สำนักข่าวไทย [2]รายงานว่า วันนี้ พรรคไทยสร้างไทย ร่วมเวทีอภิปรายสาธารณะ เรื่อง “วิกฤตรัฐธรรมนูญ ในวันรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย” เนื่องในวันรัฐธรรมนูญและวันสิทธิมนุษยชนสากล ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การเริ่มต้นคาราวานสร้างไทย 77 จังหวัด ในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นวันประชาธิปไตย เพราะหลักการของพรรคไทยสร้างไทย คือการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นเสียงทุกเสียงของประชาชนจึงมีความสำคัญ เพราะปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะวิกฤตการเมือง และวิกฤตเศรษฐกิจ มาจากแนวคิด ‘อำนาจนิยม’ และ ‘รัฐราชการ’ ที่คิดจากบนลงล่าง แต่ทุกนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยจะไปรับฟังเสียงของประชาชนทุกกลุ่มในทุกจังหวัด เพื่อให้ประชาชนสะท้อนทุกปัญหา และทุกความต้องการมาร่วมคิดร่วมสร้างนโยบายไปด้วยกัน
การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องสร้างพลังให้กับประชาชน (Empower) และต้องปลดปล่อยประชาชน (Liberate) จากระบบรัฐราชการ เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะคนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุน แหล่งความรู้ และการตลาด ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ขจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นการทำมาหากิน ที่เกิดจากพันธนาการของรัฐราชการ และกฎหมายที่กดทับโอกาสของพวกเขา รวมถึงการส่งเสริมเทคโนโลยีในการเข้ามาช่วยการบริหารราชการ เช่น บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งมีหลักการสำคัญในการกระจายจากการรวมศูนย์เหมือนกับประชาธิปไตย จึงขอนำวันรัฐธรรมนูญ เป็นจุดเริ่มต้นของการคิกออฟคาราวาน “สร้างไทย 77 จังหวัด” ทั้งประเทศไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ย้ำจุดยืนในการสร้างรัฐธรรมนูญของประชาชนว่า ต้องการให้บรรลุเป้าหมาย 2 ประการ ด้วยการผลักดันให้มีการทำประชามติตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความไว้ และเสนอให้แก้กฎหมายเพียงมาตราเดียวเพื่อเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างเสร็จแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยให้ ส.ส.ร.มีส่วนร่วมในการแก้ไขเป็นรายประเด็น
โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน สรุปบทเรียนจากการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2539 จนสำเร็จเป็นรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่มีกลไกการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งรัฐธรรมนูญทุกฉบับนับตั้งแต่ปี 2475 ระบุว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนและแม้ฉบับชั่วคราวที่ประกาศใช้หลังรัฐประหารก็บัญญัติเช่นนี้ แต่ตามข้อเท็จจริงเป็นเพียงวาทกรรมของคณะผู้ยึดอำนาจเท่านั้น
ที่ผ่านมารัฐสภาได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราในหลายเรื่อง สำเร็จเพียงแค่อย่างเดียวคือระบบการเลือกตั้งที่ผู้มีอำนาจรัฐได้ประโยชน์ ขัดกับหลักการการร่างรัฐธรรมนูญของคุณมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ไม่ต้องการให้คะแนนเสียงตกน้ำ ส่วนการลดอำนาจ ส.ว.ก็ไม่สามารถดำเนินการได้สำเร็จ ดังนั้นทางออกจึงมี 3 แนวทางคือกดดันนายกรัฐมนตรีให้ทำประชามติ ตามแนวทางศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยไว้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา และการแก้ไขบทบัญญัติในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มี ส.ส.ร.ที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อตั้ง ส.ส.ร.เป็นทางออกที่ประนีประนอม และทุกฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้ ส.ส.ร.ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐสภา ตามข้อบังคับที่จะต้องตราเพิ่มเติมต้องจัดทำรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน โดยผ่านการรับฟังความเห็นของประชาชนทุกภาคส่วนรัฐบาล สมาชิกรัฐสภา องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานต่างๆ จากนั้นให้รัฐสภาลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่ หากไม่เห็นชอบต้องจัดทำประชามติโดยไม่ก่อน 90 วัน แต่ต้องไม่ช้ากว่า 120 วัน เพื่อให้มีการรณรงค์และให้ความรู้ในร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ สร้างการมีส่วนร่วมจากประชาชนในรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ร่างข้อเสนอดังกล่าว สามารถเสนอผ่าน 3 ช่องทาง คือคณะรัฐมนตรี , สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา และการเข้าชื่อของประชาชนจำนวน 50,000 รายชื่อ ซึ่งหากรัฐสภาเห็นชอบกับข้อเสนอญัตติดังกล่าว ก็จะเป็นทางออกให้กับสังคมอีกทางหนึ่ง เพื่อฝ่าวิกฤตทางตันความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สร้างทางออกที่ดีที่สุด และง่ายที่สุดสำหรับประเทศไทย
อนึ่ง พรรคไทยสร้างไทย จะมีการแถลงในเรื่องนี้และเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมตามประเด็นข้างต้นต่อไป